“แอน ทองประสม” เปิดใจน้ำตาซึม ไม่คิดว่าคนใกล้ชิดเป็น 10 ปีจะทำได้ลงคอ ยอมรับเคยเตือนเรื่องการพนัน แต่ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ หลังจากนี้ต้องให้ตำรวจติดตามเอาของที่ถูกจำนำเกือบ 20 ล้านคืน ส่วนเงินสดอีกเกือบ 2 ล้านยังไร้วี่แวว
วันนี้ (1 ส.ค.) เวลาประมาณ 14.00 น. นางเอก-ผู้จัดสาว “แอน ทองประสม” ได้เดินทางมาที่สน.ทองหล่อ พร้อมกับ “สมเกียรติ คุณานิธิพงศ์” ผู้จัดการส่วนตัว เพื่อเข้าแจ้งความและให้ข้อมูลเพิ่มเติมกรณีที่ถูกผู้ช่วยคนสนิทแอบขโมยทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว มีการยอมรับว่าขโมยทรัพย์สินออกไปจริง และเอาไปจำนำไว้ที่โรงรับจำนำ
ล่าสุด แอน ก็เปิดใจว่า ตอนนี้คงต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการในเรื่องของการเอาทรัพย์สินกลับคืนมาให้ แต่เรื่องของเงินสดอีกกว่า 2 ล้านก็ยังไร้วี่แวว
“วันนี้แอนอยู่ในช่วงของการติดตามเอาของคืนค่ะ ตอนเกิดเหตุแอนจะออกไปงาน ก็เลยจะเข้าไปเปิดเซฟเพื่อจะเอาเครื่องประดับเพื่อจะออกงาน ก็เลยถึงทราบว่าของหายไป เงินหายไป แต่ตอนนั้นคือต้องรีบไปงานก่อน ก็เลยมาแจ้งความต่อหลังจากนั้น ตอนนั้นพอเจอว่าของหายก็เลยขอความร่วมมือกับทางตึก eight ทองหล่อ ทางนิติบุคคลว่าให้ช่วยดูกล้องวงจรปิดให้หน่อย
ระหว่างนั้นแอนก็เลยไปแจ้งความ ทางตำรวจก็รับข้อมูลไปทั้งหมด แอนก็ตรวจของแอนแล้วว่ามีอะไรหายไปบ้าง ก็แจ้งความ และให้ข้อมูลในเบื้องต้นว่าใครเข้าออกบ้านเราได้บ้าง ระหว่างนั้นตึก eight ก็เอาข้อมูลจากกล้องวงจรปิด และจะเห็นว่าคนที่เข้ามาถึงห้องเราได้มันมีไม่กี่คน พอเราเห็นว่ามีจำนวนคนประมาณนี้ที่เข้าข่ายว่าไปมา บังเอิญคนเหล่านี้เป็นคนในเราหมดเลย เพราะทางตึก eight เขาจะไม่มีใครเข้าได้ ต้องเป็นเจ้าของห้องหรือคนที่มีสิทธิ
เผอิญว่าตรงนี้เป็นออฟฟิศด้วย ก็จะมีทีมงานบางคนที่เขาสามารถมาเอาเอกสาร แต่ก็ต้องมาตอนที่เราอยู่เป็นหลัก หลังจากนั้นก็เห็นว่ามีใครบ้าง ก็เลยเชิญตัวทั้งหมดที่เราเห็นในกล้องวงจรปิดให้มาให้ปากคำกับตำรวจ พอให้ปากคำเสร็จ วันนั้นแอนถ่ายละคร ไม่สามารถมานั่งฟังได้ ตำรวจก็บอกมีคนรับสารภาพแล้ว เราก็เลยรู้ว่าเป็นผู้ช่วยเรา”
เผยรู้แล้วว่าตอนนี้ทรัพย์สินอยู่ที่ไหน แต่ตัวเงินหายหมด
“ถามว่าในกล้องวงจรปิดเห็นพิรุธอะไรไหม คือในวงจรปิดมันก็มองได้หลายแบบ มอบแบบไม่มีก็ได้ หรือมองแบบจับผิดก็มองได้ว่ามีพิรุธหรือเปล่า แอนก็แล้วแต่คนจะมองนะคะ แต่มันมีรายละเอียดอะไรมากกว่านั้นที่ทางตำรวจเขาเห็น แต่เราเองดูไม่ออก มูลค่าทรัพย์สินที่หายไปก็ตามที่แจ้งไป ก็เกือบ 19 ล้าน ตอนนี้แอนรู้ว่าของอยู่ตรงไหน อยู่โรงรับจำนำไหน ก็ต้องติดตามเอาคืนมา ก็ต้องอาศัยพี่ๆ ตำรวจให้ช่วยติดตามเอาคืนให้ทางแอน
ถามว่าเราต้องไปไถ่คืนมาเองไหม อันนี้แอนถึงต้องมาคุยกับตำรวจวันนี้ เดี๋ยวให้ตำรวจดำเนินการต่อค่ะ แต่คนร้ายเอาไปจำนำเท่าไหร่ อันนี้ถามตำรวจดีกว่าค่ะ แต่ว่าน้อยกว่าราคาทรัพย์สินของเรา ก็หลายล้านอยู่ค่ะ แต่ตัวเลขในข่าวบางทีก็ไม่ค่อยตรง คือเรื่องจะไปไถ่คืนเองหรือไม่ ตรงนี้แอนยังพูดอะไรไม่ได้ แอนถึงบอกว่ามันอยู่ในจุดที่แอนได้รับข้อมูลว่าใครเป็นคนร้าย คนร้ายถูกดำเนินคดีแล้ว
พอปลดล็อกตรงนั้นเสร็จ ขั้นตอนต่อมาก็คือในฐานะที่เราเป็นผู้เสียหาย กฎหมายจะคุ้มครองอะไรเราบ้าง อันนี้แอนรู้ ซึ่งตรงนี้แอนทำคนเดียวไม่ได้ แอนต้องให้ข้อมูลและให้ทางตำรวจเป็นคนดำเนินการติดตามเอาของคืน อันนี้พูดถึงฝั่งแอนนะคะ แอนก็ต้องตามต่อ แต่มันมีข่าวออกไปว่าแอนได้คืนมาแล้ว แต่ยังนะคะ ก็แค่รู้ว่าของเหล่านั้นอยู่ตรงไหน อยู่ครบ เราตามเจอครบ มันไม่ได้หายไปเลยแบบไร้ร่องรอย แต่เงินหายหมดค่ะ”
ยอมรับเคยมีการเตือนเรื่องการพนันกับผู้ช่วยรายนี้
“เขาสารภาพว่ายังไงบ้างเหรอ ตอนนั้นแอนไม่ได้อยู่ด้วยค่ะ แอนไปถ่ายละคร แอนเลยไม่ได้ทราบรายละเอียด ถามว่าก่อนหน้านี้เขามีพฤติกรรมน่าสงสัยไหม (นิ่ง) เอาเป็นว่าแอนพูดได้แค่ว่า (เสียงสั่น) ความผิดที่เกิดขึ้นครั้งนี้เราก็เห็นกันตรงนี้แหละ แต่ก่อนหน้านี้มันมีรายละเอียดอะไรที่เราก็ได้ดูแลกันมาประมาณนึง ถามว่ามันก็มีอะไรที่เราก็ต้องคอยเตือนเขาบ้าง ก็มีบ้างค่ะ เหมือนเราเป็นเจ้านายเขา เราเป็นพี่เขา เราก็แค่ช่วยดูแลเขา ไม่ให้เขาทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งก็ยังไม่เห็นอะไร แต่มารอบนี้มันเห็น มันเบอร์ใหญ่มาก มันเป็นเซ็ตใหญ่โต ก็ค่อนข้างช็อกเหมือนกันค่ะ
อยู่ด้วยกันมานานเป็น 10 ปีค่ะ ก็ทำละครกับแอนมาหลายเรื่อง คือเราก็รู้พฤติกรรมเขามานิดหน่อย แต่ในฐานะที่เราเป็นเจ้านาย ก็จะไม่ค่อยมีใครมาเล่าให้เราฟังหรอก ก็รู้แบบแผ่วๆ จากคนอื่น แต่พอรู้ก็มีเตือนเขาไปบ้าง มีแว่วๆ มา แต่ก็ไม่ได้ดูใหญ่โต แต่พอเรามารู้ตรงนี้ถึงรู้ว่าเบอร์ใหญ่แค่นั้นเอง”
ยืนยันไม่เคยมีใครรู้รหัสตู้เซฟ และไม่เคยให้ใครเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว
“ถามว่าเขาเคยเห็นเครื่องเพชรของแอนไหม ถ้าเห็นคงเห็นแอนใส่ออกงานมั้งคะ แต่ถ้าจะมาเห็นว่าของอยู่ตรงนั้นคงไม่เห็น เพราะแอนไม่ได้อนุญาตให้ใครเห็น ไม่ได้อนุญาตให้เข้าไปถึงห้องส่วนตัวค่ะ ด้วยความที่มันเป็นออฟฟิศ เขาต้องไปเอาเสื้อผ้าต่อเนื่อง ไปเอาเอกสาร ไปแฟ็กซ์เอกสารให้นักแสดง เขาก็มีหน้าที่แค่มุมนั้น แต่มุมที่เราเก็บของและเราก็มีเซฟ นั่นหมายความว่าเราไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปตรงนั้น อันนี้แอนก็ชัดเจน เขาก็ไม่ควรเข้าไป
แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเอารหัสมาได้ยังไง แอนก็งง มันไม่ได้ถูกงัดแงะด้วย ปกติก็ไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายทรัพสินค่ะ แอนเป็นคนค่อนข้างเซฟระบบแล้วนะ (หัวเราะ) ก็ไม่ได้งงหรอก รหัสเซฟก็ไม่มีใครรู้ มีแอนรู้คนเดียว”
น้ำตาคลอ ไม่คิดว่าคนใกล้ชิดจะทำแบบนี้
“(นิ่ง) มันก็..เจ็บ (น้ำตาคลอ) (ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาดีกับเราไหม) (พยักหน้า) แต่ยังไม่ได้คุยกับเขาค่ะ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มีการมาปรึกษาเรื่องหนี้สินหรือมาขอยืนเงิน ไม่ได้พูดคุยอะไร ถามว่าเป็นคนเดียวกับที่ตำรวจเคยเรียกมาสอบปากคำกรณีคิมเบอร์ลี่ (คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ) โดนขโมยกระเป๋าไหม อันนี้แอนไม่ทราบเลยค่ะ”
