xs
xsm
sm
md
lg

“บุพเพสันนิวาส ๒” 2 ชั่วโมง 46 นาที กับความบาลานซ์ของหนังสไตล์ GDH และกลิ่นอายละครช่อง 3

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ในที่สุดการรอรอยของบรรดาออเจ้าก็สิ้นสุดลง

พร้อมๆ กับการกำหนดฉายของภาพยนตร์ “บุพเพสันนิวาส ๒” ที่ได้ฤกษ์เบิกโรงอย่างเป็นทางการเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

อย่างที่รู้กันว่า “บุพเพสันนิวาส ๒” ไม่ใช่ภาคต่อของละครที่สร้างประวัติศาสตร์กวาดความนิยมถล่มทลายทาง ช่อง 3 HD เมื่อ 4 ปีก่อน แต่เป็นภาคที่แยกออกมาจากจักรวาลของ “บุพเพสันนิวาส” ที่ถ้าไม่นับพระ – นาง อย่าง “โป๊ป- ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” กับ “เบลล่า - ราณี แคมเปน” และการเอ่ยอ้างถึงชาติภพก่อนของ “พี่หมื่น” กับ “แม่หญิงการะเกด” ก็แทบจะเรียกได้ว่าแยกส่วนออกจากกันอย่างค่อนข้างเด็ดขาด

“บุพเพสันนิวาส ๒”
เกิดจากการผนึกกำลังกันระหว่าง 2 ค่าย คือ “บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น” แห่งช่อง 3 ที่ถือเป็นผู้จัดที่ยืนหนึ่งในวงการละคร กับ บริษัท GDH กระบี่มือหนึ่งในวงการภาพยนตร์ กำกับโดย “ปิ๊ง-อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม” แห่ง “จอ กว้างฟิล์ม” ที่เคยฝากผลงานมาแล้วจากภาพยนตร์ “รถไฟฟ้า มาหานะเธอ” (2552) และละคร “น้ำตากามเทพ” (2558) ซึ่งเปิดตัวมาก็สร้างความฮือฮาไปทั่วแคว้นแดนสยาม ในฐานะที่เป็นภาพยนตร์เรื่องแรก ที่การเปิดขายโทเคนดิจิทัลเพื่อระดมทุนสร้างผ่าน “Destiny Token” และสามาถระดมทุนสร้างได้มากถึง 265 ล้านบาท โดยรายชื่อของบรรดาผู้ร่วมระดมทุน จะปรากฎอยู่ในเครดิตท้ายเรื่องในฐานะ Executive Producer


ในภาคของเนื้อหา “บุพเพสันนิวาส ๒” ว่าด้วยเรื่องราวในชาติภพใหม่ ของ “พี่หมื่น” ที่มาเกิดเป็น “ภพ” นายชายหนุ่มหล่อ ที่มีความเชื่อในเรื่องของบุพเพสันนิวาส ขณะที่ “แม่หญิงการะเกด” มาเกิดเป็น “เกสร” สาวหัวสมัยใหม่ ที่มีความคิดตรงกันข้ามกับฝ่ายแรกอย่างสิ้นเชิง โดยมีพื้นหลังอยู่ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในยุคแผ่นดินของรัชกาลที่ 3

ถ้าจะนับว่าเรื่องราวในหนัง มีส่วนหนึ่งส่วนใดที่นำรากเหง้ามาจากเวอร์ชันละคร ก็เห็นจะเป็นการสร้างให้มีตัวละครที่มีตัวตนจริงๆ ในยุคสมัยนั้น


อย่างในละคร “บุพเพสันนิวาส” ที่พาย้อนกลับไปในแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา ในยุคสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ จึงปรากฏเรื่องราวของบุคคลสำคัญในอดีต อย่าง “เจ้าพระยาวิชาเยน” (คอนสแตนติน ฟอลคอน) และภริยา “ท้าวทองกีบม้า” (มารี กีมาร์) ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “"ราชินีแห่งขนมไทย “ ค่าที่เป็นคนประดิษฐ์ขนมไทยที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารโปรตุเกส อย่าง ทองหยิบ, ทองหยอด, ฝอยทอง, ทองม้วน และ หม้อแกง

ขณะที่ในภาพยนตร์ “บุพเพสันนิวาส ๒” ก็กล่าวถึง “พระสุนทรโวหาร (ภู่) – สุนทรภู่” กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ , “บาทหลวงปาลเลอกัวซ์’ ผู้นำกล้องถ่ายรูปเข้ามาในสยาม , “หมอบรัดเลย์” บิดาแห่งการพิมพ์ รวมกระทั่ง “นายห้างหันแตร” ผู้นำเข้าเรือกลไฟ “เอ็กสเปรส” มาเสนอขายให้แก่ประเทศสยาม ซึ่งในภาพยนตร์ มีการเน้นย้ำประเด็นอย่างชัดเจนว่า


“เรื่องราวในบันทึก จะออกมาแบบไหน ขึ้นอยู่กับว่า ใครเป็นคนบันทึก”


ทั้งนี้ในส่วนของการเขียนบทภาพยนตร์ ยังได้” รอมแพง” ที่เป็นเจ้าของบทประพันธ์ “บุพเพสันนิวาส” และภาคต่ออย่าง “พรหมลิขิต” รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับทีมของ GDH เพื่อมิให้แนวเรื่องออกไปคนละทิศคนละทาง ขณะที่ทำให้ตัวภาพยนตร์ยังคงสามารถเชื่อมโยงกลับไปยังจุดตั้งต้น คือเรื่องราวของ “บุพเพสันนิวาส” ในเวอร์ชันละครได้โดยไม่ประดักประเดิก


นอกเหนือจากคู่พระ-นาง “โป๊ป-เบลล่า” ที่คงไม่ได้เอ่ยอ้างให้มากความว่าเคมีเข้ากันได้ขนาดไหน ในภาพยนตร์ “บุพเพสันนิวาส ๒” ยังเสริมทัพด้วยนักแสดงรุ่นใหม่ อย่าง “ไอซ์ –พาริส อินทรโกมาลย์สุต” พร้อมด้วยทีมนักแสดงสมทบฝีมือระดับเทพ อย่าง “ปุ๊กกี้ – ปวีณ์นุช แพ่งนคร” ในบท “ ปี่” สาวใช้ลูกคู่นางเอก หรือแม้กระทั่ง “นิมิตร ลักษมีพงศ์” หรือ “คุณรุจ” จากซีรีส์ “เนื้อคู่ประตูถัดไป” ในบทของ “สุนทรภู่” ซึ่งในส่วนนี้ทำให้หน้าหนังมีความเป็น GDH อย่างชัดเจน


ในขณะเดียวกัน การกลับมาคืนจอในรอบหลายปี ของนางร้ายเจ้าของมีมปากคว่ำในตำนาน อย่าง “กิ๊ก-สุวัจนี พานิชชีวะ” ในบทแม่ของพระเอก กับ “ไก่-อัญชุลีอร บัวแก้ว” ในบทแม่ของนางเอก ก็ทำให้นึกถึงกลิ่นอายของละคร ช่อง 3 ได้เป็นอย่างดี

พูดง่ายๆ ว่าภาพยนตร์ “บุพเพสันนิวาส ๒” สามารถบาลานซ์ความเป็นหน้าหนังของ GDH กับความเป็นละครไทยสไตล์ ช่อง 3 ได้อย่างลงตัว เป็นความชาญฉลาดของผู้สร้าง ที่สามารถกวาดกลุ่มเป้าหมายทั้งกลุ่มแฟนหนัง และคอละครไปได้พร้อมๆ กัน

ยิ่งประกอบไปด้วยทุนสร้างที่ถือว่าสูงมาก งานนี้ก็เลยจัดใหญ่ จัดหนักได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสื้อผ้า หน้า ผม หรือองค์ประกอบศิลป์ ที่จะต้องอ้างอิงจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในยุคสมัยนั้นๆ

ด้วยความยาวถึง 166 นาที ถ้าไม่ใช่หนังที่ “เอาอยู่” จริงๆ ก็อาจจะกลายเป็นช่วงเวลาอันยาวนานที่ทำให้คนดูอึดอัด แต่เพราะหนังมีความลงตัว ทั้งเรื่องของมุกตลก ซีนโรแมนติก และความพอเหมาะพอดีของคู่พระ-นาง และตัวละครรอบข้าง ทำให้ 2 ชั่วโมง 46 นาที นั้น ไม่สูญเปล่าจริงๆ นะออเจ้าทั้งหลาย

นิตยสารผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 30 กรกฎาคม – 5 สิงหาคม 2565



กำลังโหลดความคิดเห็น