“ปุ้ย TPN” เคลียร์ดรามา “เป๊ปปี้” ถอนตัว ตัดสินใจเลือกเรียนต่อ อีกฝ่ายบอกจะขอให้เรื่องเงียบ ไม่อยากให้เป็นข่าว ไม่บอกพี่เลี้ยง - แฟนคลับ แต่ตนประกาศไม่ได้ ต้องแจ้งทุกฝ่าย อย่าโกหก ต้องซื่อสัตย์ บอกคนที่น่าสงสารที่สุดคือพี่เลี้ยงนางงาม ต้องกู้เงินมาเพื่องานนี้ ลั่นกองไม่ปรับเป๊ปปี้เพราะไม่ได้ทำให้รวย
หลังเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) “เป๊ปปี้ เพอร์เพรชชิวา เสริมทรัพย์ สมิทธ์” MUT 22 ผู้เข้าประกวด Miss Universe Thailand 2022 พร้อมผู้อำนวยการกองประกวด “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก”ได้ออกมาไลฟ์แถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก ว่า เป๊ปปี้ ขอสละสิทธิ์ เพราะจะไปเตรียมตัวสมัครเรียนปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยดังของโลก อย่าง “ฮาร์วาร์ด” ในช่วงปลายปี ก็ทำเอาแฟนๆ นางงามวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ถึงเหตุผลที่แท้จริง ว่าใช่การตัดสินใจออกไปเรียนต่อจริงหรือ ล่าสุดวันนี้ (27 ก.ค.) ปุ้ย ปิยาภรณ์ ก็เลยขอออกมาเคลียร์ถึงประเด็นนี้ให้ฟังอีกชัดๆ ว่าสิ่งที่พูดไปทั้งหมดคือความจริง
“ยอมรับว่าเซอร์ไพรส์จริงๆ ปุ้ยไม่รู้เรื่องเลย น้องเขามาแจ้งตอนกลางคืนของเมื่อวันก่อน ก็มาแจ้งกับพี่เลี้ยงของกอง บอกว่ามีเรื่องนี้ๆ เราฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้วนะ คือตอนแรกก็ไม่ได้อยากให้เป็นข่าวหรืออะไรเลย เบื่อความดรามามาก แต่อันนี้เรามองว่า มันไม่พูดไม่ได้ เพราะน้องเขามาบอกกับพี่เลี้ยง ว่าเขาคิดดูแล้ว เขาอยากไปเรียนต่อ เขาขอให้ไม่ต้องพูดออกไป ไม่ต้องบอกพี่เลี้ยง ไม่ต้องบอกแฟนคลับของเขาได้ไหม เข้าใจว่าเขาคิดแบบเด็กๆ ว่าบอกไปแล้วเนี่ย เดี๋ยวเขาจะเสียใจ พี่เลี้ยงมาบอกเราแค่นี้ เราก็บอกว่าต้องคุย เราก็เลยไปคุย
สรุปมา พี่เลี้ยงก็บอกว่า ณ วันที่เราให้เซ็นสัญญาบันทึกข้อตกลง คือเขาเห็นตั้งแต่ใบสมัครแล้ว ว่ากฎข้อบังคับของกองประกวดทุกกองเป็นยังไง ปรากฎว่ามีน้องเป๊ปปี้นี่แหละ ที่เขาไม่ขอเซ็น ด้วยเหตุผลว่าเขาอยากไปเรียนต่อ แต่ว่าไม่ให้บอกใคร เขายินดีถ้าเขาตกรอบ เขาจะสละสิทธิ์ เราก็รู้สึกว่าไม่ได้ เลยนัดน้องมาคุย เขาก็บอกว่าหนึ่ง เขาไม่คิดว่ากระแสการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ จะยิ่งใหญ่อย่างนี้ เขาเคยประกวดที่อเมริกามัน 3 วันจบ เขาคิดว่าเขาจะไปเรียนต่อดีกว่า
เราก็บอกว่ายูคิดดีๆ นะ ยูมาถึงวันนี้แล้ว ตอนแรกน้องเขาบอกว่า เราสามารถที่จะไม่พูดอะไรได้ไหม ไม่อยากให้พี่เลี้ยงทีมของเขาเสียใจ ไม่อยากให้ด้อมของเขาเสียใจ เราก็บอกว่างั้นยูมีวิธีจัดการยังไง เราถามเขาตรงๆ ว่าเราคิดว่าตัวยูมีศักยภาพแค่ไหน เขาบอกว่าเขาคิดว่าเข้า Top 5 แน่นอน แต่ว่าเขายินดี คือเข้าไปแล้วเขายินดีที่จะสละ ไม่เอาอะไรเลย เงินรางวัลอะไรก็ไม่เอาเลย สละให้คนต่อไป
คืออันนี้ไม่ใช่แล้ว เราก็บอกยูตั้งสติดีๆ นะ ยูบอกว่าแพชชั่นของยู ยูเพิ่งมาเจอวันนี้ วันก่อนพรีลิม 2 วัน ยูบอกว่ามีแพชชั่นที่จะกลับไปสมัครเรียน แต่น้องยังไม่ได้สมัครนะคะ น้องก็เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรให้เราด้วย 2 หน้ากระดาษเต็มๆ เพราะกลัววันหนึ่งมันจะวุ่นวาย เราก็บอกตามที่น้องพูดเลย ว่าน้องจะไปเรียนหนังสือ เพราะคิดดูแล้วอยากเรียนหนังสือมากกว่า เราก็บอกว่าสิ่งหนึ่ง เราต้องขออนุญาตยูเหมือนกัน เราจะเก็บเงียบไม่ได้ เพราะเราต้องซื่อสัตย์ต่อคนดู ถ้าคนดูรู้เขาก็ไม่โหวตแล้ว เพราะยูออกจากการประกวดแล้ว
ส่วนการที่ยูจะปล่อยให้ยูเข้ารอบ เราคิดว่ามันไม่แฟร์กับทุกคน เพราะคนที่จะเข้า Top 5 ต้องเข้าด้วยศักยภาพของเขา ไม่ใช่เข้าเพราะว่าคนนี้สละสิทธิ์ แล้วกองประกวดเอามาแทน เราบอกว่าแบบนี้ไม่ได้ มันแปลว่าเราต้องโกหกทุกคนในโลกนี้ เราทำไม่ได้จริงๆ เราก็เลยบอกน้องว่า ไม่เป็นไรหรอกลูก เราต้องคุยกับพี่เลี้ยง คุยกับแฟน เราขอโทษเขาเสีย
เรารู้สึกว่าไม่ได้แล้ว ต้องพูดเดี๋ยวตี้ ต้องเรียกมาคุยเดี๋ยวนี้ เพราะพี่เลี้ยงขนเสื้อผ้ามาเต็มเลย มาด้วยความหวัง แม่ปุ้ยก็เรียกคุณโอ พี่เลี้ยงเขามานะ สงสารมากเลย เราไม่ได้ว่าน้องนะ เพราะน้องก็ยังเด็ก แต่พี่เลี้ยงมาด้วยแววตามีความฝันมาก เราก็เรียกมาสัมภาษณ์ก่อน ว่าโอมารู้จักน้องได้ยังไง เขาก็เล่าว่าตามน้องมา 2 ปีแล้ว มีแพชชั่นที่อยากจะประกวด แล้วเขาก็ทิ้งงานทุกอย่างเลย ในช่วงของการประกวด เพราะต้องการที่จะปั้นเด็กผู้หญิงคนนี้ ให้ไปถึงฝัน นั่นคือความสุขของเขาแล้ว แล้วก็ไม่รับงานอะไรเลย ตาเขาเป็นประกายมาก
เราก็บอกน้องโอออกไปนั่งข้างนอกก่อนนะ ขอพี่ปุ้ยคุยกับเป๊ปปี้แป๊บหนึ่ง ขออนุญาตเขาก่อน เราก็เรียกเป๊ปปี้มาคุย แล้วเราก็สอนเขาด้วย ว่าถึงเราจะผิดพลาดเรื่องแจ้งช้า คิดช้า ไม่เป็นไรหรอก แต่เราต้องขอโทษเขา เป๊ปปี้เขาก็น่ารัก เขาบอกว่ายินดี ก็เลยเรียกพี่เลี้ยงเขามา แล้วก็นั่งเป็นล่ามให้ พี่เลี้ยงเขาก็นั่งมือสั่นเลย แล้วก็พูดอ่อยๆ ว่าพี่ปุ้ยหนูต้องทำยังไง วันพรุ่งนี้หนูจะอยู่ยังไง แล้วหนูจะบอกใครก่อนเป็นคนแรกเพราะการทำนางงาม ทุกคนรู้ดีว่ามีองค์ประกอบมากมาย เยอะไปหมด จะแจ้งคนเหล่านั้นยังไง
เราก็บอกให้ตั้งสติค่ะลูก ความจริงก็คือความจริง แต่ก่อนอื่นใดก็ได้อธิบายเขาหมด แล้วก็ให้เป๊ปปี้มาไลฟ์ขอโทษทุกคน อย่างที่ได้ยินกันไป คือน้องไม่ได้เรียนหมอ น้องจะกลับไปสมัครเรียน แต่ยังไม่ได้สมัคร เราก็บอกไม่เป็นไร ถ้ายูไม่มีแพชชั่นที่จะอยู่ตรงนี้ แล้วอีกอย่างเรามองอีกมุมหนึ่ง มีหลายคนบอกว่า TPN ใจดี ไม่เด็ดขาด ไม่ใช่นะคะ ในเมื่อดิฉันยืนอยู่ตรงนี้ พูดตลอดว่าเราต้องการ EMPOWER ของผู้หญิง เราเห็นว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของมนุษย์คือการศึกษา ในเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งกล้าที่จะเดินเข้ามาสารภาพกับเรา ว่าเขาเพิ่งรู้ใจตัวเอง เขาอยากกลับไปเรียน แล้วทำไมเราถึงจะไม่ให้เขากลับไปเรียน
นี่คือสิ่งที่เราภูมิใจ ว่าถ้าเขาอยากกลับไปเรียน ไปเลย เพียงแต่ว่า มันต้องแยกวาระกัน เรียนก็ส่วนเรียน แต่ความรับผิดชอบที่มีต่อพี่เลี้ยง ก็สอนเขาไปแล้ว ว่าให้คิดเร็วๆ ตัดสินใจเร็วๆ เพราะว่ายูเป็นคนฉลาด ยูจะมาเพิ่งคิดในวันที่จะขึ้นพรีลิมอีก 2 วันมันไม่ได้ แล้วมันก็ไม่แฟร์กับผู้เข้าประกวดอื่นๆ เขาก็ยอมรับหมดเลยนะคะ เขาน่ารักมาก แล้วก็ขอโทษขอโพยอย่างที่ได้เห็นกันไป
คือเราไม่เคยถามนางงามนะ ว่ายูจะทิ้งการประกวดกลางคันกลับไปเรียนต่อไหม คิดว่าไม่ได้มงกุฎแล้วไปเรียนดีกว่า ไม่ได้ มันไม่แฟร์กับใครทั้งสิ้น ถามว่าจะเป็นบทเรียนไหม ก็ไม่ถือว่าเป็นบทเรียนหรอกค่ะ มันก็เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่มันเกิดขึ้น แล้วเราก็ตั้งสติแก้ไขกันไป แต่สุดท้ายอย่างหนึ่งที่เราต้องทำทันที คือการพูดความจริง แล้วก็ให้ต้องออกมาขอโทษแฟนๆ”
สงสารพี่เลี้ยงต้องกู้เงินมาทุ่มให้น้องเพื่อดันให้เต็มที่ในวันนี้
“เราก็ไม่ได้ให้กำลังใจนะคะ เพราะเราต้องแฟร์ด้วย เมื่อวานอ่านข้อความเยอะไปหมดเลย จริงอยู่ทุกคนบอกว่าสงสารเป๊ปปี้ คือสงสารเพราะเขาร้องไห้ใช่ไหม แต่จริงๆ เขาไม่ได้ไปอะไรไม่ดีเลยนะ นี่คือทางเลือกที่เขาแฮปปี้ เขามีความสุขกว่า ปุ้ยว่าคนที่น่าสงสารที่สุด คือพี่เลี้ยงและทีมของเขา พี่เลี้ยงเขาไปกู้ตังค์มาเลยนะ เพื่อจะโน่นนี่ให้น้องทีมหลังบ้านอีกนับ 10 ชีวิต และแฟนคลับที่มานั่งเฝ้าเช้าสายบ่ายเย็นอยู่ที่โรงแรม ซื้อขนมนมเนยมาด้วยความรักที่จะมาส่งพลังให้น้อง อันนั้นพี่ปุ้ยว่าน่าสงสาร เพราะน้องก็มีความสุขในการที่จะตัดสินใจอย่างนี้
แล้วที่พี่ปุ้ยให้ขึ้นโชว์พรีลิมมินารีในวันนี้ ก็บอกน้องว่าทำให้เต็มที่ เพราะยูจะได้โชว์ชุดที่ทุกคนทุ่มเทกำลังใจ และกำลังหาสตางค์ให้ยู ยูต้องพราวทูพรีเซ็นต์ แต่แน่นอนนะ ยูสละสิทธิ์แล้ว ไม่ว่ายูจะเดินดีมงลงยังไง ยูก็ไม่ได้คะแนนจากคณะกรรมการสักคะแนนนะคะ ส่วนวันไฟนอล โอเพ่นนิ่งน้องคงจะไม่ขึ้นโชว์แน่ เพราะน้องไม่ได้ซ้อม เมื่อวานโชว์ไดเรกเตอร์บอกว่า น้องบอกว่าเจ็บขา ก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไม่ได้ซ้อมเลย”
ไม่ปรับ เพราะไม่ได้โกง และคงไม่ทำให้ TPN ร่ำรวย
“ก็คิดว่าอยากให้สังคมมองทุกอย่างในมุมบวกค่ะ ถ้าเรามองกันแค่ว่าเราต้องปรับเขา หรือต้องทำให้เขาได้รับบทเรียน พี่ปุ้ยว่ามันไม่สร้างสรรค์ เขาไม่ได้โกง เพียงแต่ว่าเขาผิดพลาดในการรู้ใจตัวเองช้าไปนิดหนึ่ง ซึ่งมันไม่เป็นธรรมกับคนอื่นๆ แต่นิสัยน้องก็น่ารัก นิสัยดี
เพราะฉะนั้นการอนุญาตให้เขาไปเรียน แล้วการปรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง คงไม่ทำให้ TPN ร่ำรวยขึ้นมา คือเราคิดอย่างนี้ ใครจะมองว่าอ่อนหัดก็แล้วแต่ เราคิดว่าถ้าสังคมอยู่กันได้ด้วยความเข้าใจกัน ให้อภัยกัน แล้วก็หยวนๆ กัน สังคมไทยคงเป็นสังคมที่น่าอยู่ที่สุด คิดอย่างนี้จริงๆ ค่ะ ในกองก็ไม่มีสงครามนางงาม มีแต่นางงามพูดกันรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ว่าทุกคนก็รักกัน น่ารักดีค่ะ”


