“แอนนา” รับอยากซื้อบ้าน “แตงโม” เก็บไว้เอง แต่ตนไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น ให้คำปรึกษาคุณแม๊ยังเร็วไปที่จะขาย อยากให้เก็บไว้ทำใจอีกสักปี ซึ่งตอนนี้คุณแม๊ก็ยังไม่คอนเฟิร์มว่าจะขายไหม พร้อมแจงพระเอกดังไม่ได้ฟ้องตน แต่เป็นผู้หญิงคู่กรณีที่ฟ้อง
หลังจากประกาศหาช่างมารีโนเวตบ้านเพื่อทำบ้านใหม่ให้กับ “แตงโม ภัทรธิดา(นิดา) พัชรวีระพงษ์” กับบ้านคุณพ่อทั้งสองหลัง หวังถ้าบ้านสวยขึ้น “คุณแม๊จิ๋ม ภนิดา ศิระยุทธโยธิน”อาจจะเปลี่ยนใจเก็บไว้ ล่าสุด “แอนนา วรินทร วัตรสังข์"หรือ “แอนนา ทีวีพูล”ก็ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ให้ทราบว่า…
แอนนา : “แอนนาขอพูดตรงๆ ตรงนี้เลยนะคะว่า ต่อไปนี้แอนนาจะไม่พูดเรื่องโมแล้ว เพราะพูดโคตรเยอะมาก เราเองรู้สึกว่ามีเพื่อนคนอื่นที่เขาอาจจะรู้ลึกกว่าเราด้วยซ้ำแต่เขาไม่ได้พูด ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่แม่โพสต์เรื่องบ้าน มันไม่เกี่ยวกับเรา เราก็กลัวว่าคนจะมองว่าเราจะไปหาผลประโยชน์จากบ้านรึเปล่าซึ่งเราก็ขอออกตัวว่าเราไม่ได้อะไรนะ เราไม่ได้อะไรเลย แต่เราทำเพราะเรารู้สึกว่าอะไรที่เราทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อตัวเขา ต่อตัวเพื่อนเรา เราก็ทำให้หมด”
พูดเดิ้ล : “ก่อนเราจะทำอะไรเราจะขออนุญาตคุณแม่ เสื้อผ้าแตงโมที่เอามาขายเราก็ขออนุญาตทางแม่แล้ว แต่คนไม่รู้มาบอกว่าเอาเสื้อคนตายมาขายทำไม เราปรึกษาแม่แล้ว แม่ก็คุยว่าแอนนาเสื้อผ้าน้องโมเราจะทำยังไงกันดี ใจจริงแอนนาอยากจะซื้อเก็บไว้เลย แต่เราก็เป็นห่วงใจแฟนคลับที่รักโม อยากสนับสนุนโมมากๆ อยากจะซื้อเก็บไว้ เราก็เลยเปิดประมูล เราทำหลักฐานบัญชีอะไรไว้เป๊ะหมด สามารถกางหลักฐานได้เลย”
ย้ำรวยมีเงินเก็บหลักล้านเพราะทำงานหนัก แต่ไม่ได้มีเงินเก็บเป็น 10 ล้านที่จะซื้อบ้าน “แตงโม” ได้
แอนนา : “คนถามกันมาเยอะมากเลย รวยมากมาจากไหน อยากจะให้โฟกัสว่าแอนนามีกระเป๋ากี่ใบ นับได้เลยนะ ที่มีเราก็มีเพื่อมาเทรดขายต่อ แอนนาทำงานไม่เคยหยุดสักวัน ฉะนั้นมันไม่แปลกที่แอนนาจะมีเงินเก็บเป็นหลักล้าน แต่ถ้ามีคนบอกว่าทำไมไม่เอาเงินไปซื้อบ้านโมล่ะ 8-10 ล้าน เรายังไม่ได้มีเยอะขนาดนั้นถ้าเรามีเยอะขนาดนั้นเราก็จะซื้อเก็บไว้ เราเองก็อยากเก็บเอาไว้”
ลั่นคุณแม๊ “จิ๋ม” ยังไม่คอนเฟิร์ม 100% ว่าจะขายบ้าน ใจอยากให้เก็บไว้อีกสักปีค่อยขาย
แอนนา : “ตัวคุณแม่เองแกก็ยังไม่คอนเฟิร์ม100% ว่าจะขาย แต่แกก็บอกว่าไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม เขาก็ปรึกษา เราก็บอกว่าถ้าขายสภาพนี้มันจะไม่ได้ราคานะ โมเคยบอกแอนนาว่าบ้านนี้มีปัญหา มันจะโดนยึดแล้วทำไงดี แอนนาก็บอกโมให้บอกเขาตรงๆ ว่าไม่มีเงิน เราแย่ โมก็ออกมาพูดจนหลายๆ คนก็ป้อนงานให้จนโมมีเงินมาโปะบ้าน เราก็เลยคิดย้อนกลับไปว่ามันจะน่าเสียดายมากถ้าในวันนี้บ้านจะถูกขายไปในราคาที่ถูกกับคนที่ไม่ได้เห็นค่า
แล้วการรีโนเวตจริงๆ เราไม่ได้แต่งใหม่หรูหราทั้งบ้าน เราแค่ซ่อมแซมนิดๆหน่อยๆ ทำความสะอาดบ้านแค่นั้นเพราะทุกอย่างมันยังสวยอยู่ แพรว (แพรว คณิตกุล) เขารีโนเวตมาให้ก่อนหน้านี้คือสวยมากแล้ว ก็บอกแม่ไปว่าใจแอนนารู้สึกว่าถ้าขายเลยมันเร็วไป เก็บไว้สักปีไหม เราไม่รู้ว่าโมอาจจะไปสบายแล้ว หรือเป็นห่วงเราไม่รู้ แต่เรารู้สึกว่าให้มันมีเวลาหน่อยนึงในการทำใจ แล้วจะขายจะยังไงก็ว่ากันไป
ตอนนี้มีคนติดต่อว่าสนใจบ้าน แต่ที่บอกถ้าขายแล้วเท่าทุนหรือว่าขาดทุนเราก็ไม่อยากให้แม่ขาย อยากให้ขายแล้วเอาเงินส่วนนึงไปทำบุญให้โมก็ยังดี แล้วคือมีช่างติดต่อเข้ามาจะรีโนเวตให้เยอะมาก ทำฟรียังมีเลย ซึ่งเราก็ขอบคุณมาก”
แจงที่มีเพจดังเมาท์ว่าตนโดนพระเอกดังฟ้อง แต่เปลี่ยนใจเพราะเป็นเพื่อนสนิทนางเอกดังที่จากไปแล้ว ซึ่งยอมรับว่าตนโดนฟ้อง แต่ไม่ใช่พระเอกดังที่ฟ้องตน
แอนนา : “จริงๆ แอนนาโดนฟ้องนะจากคนที่เป็นกรณีกับพระเอก ทุกวันนี้ก็ยังโดนฟ้องอยู่นะคะ เขาก็ไม่ไกล่เกลี่ย ส่วนพระเอกไม่ได้ฟ้อง คนที่ฟ้องคือฝ่ายหญิงที่เป็นข่าว แต่ไม่ใช่คนที่แต่งงานด้วย เขาก็ฟ้องไปสิบกว่าคน เราก็เป็นหนึ่งในนั้น โดนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว มีการส่งคนไปคุยแล้วแต่เขาไม่ไกล่เกลี่ย ก็พูดอะไรเยอะไม่ได้ มันเป็นคดีอยู่ เราก็ไปขึ้นศาลมาแล้วด้วย เขาให้ทนายไปแต่เขาไม่คุย เขาก็ให้ดำเนินไปตามกฎหมายไป เขายังไม่พูดเรื่องเงิน เขาว่าไปตามกฎหมาย
ถ้าเขาดูอยู่ก็อยากจะขอโทษเลยว่าเราไม่มีเจตนาอย่างนั้นอยู่แล้ว ตัวเราเราไม่ชอบให้คนมาวิจารณ์เรา เราก็ไม่อยากจะไปวิจารณ์ใคร เราก็เลยลาออกจากรายการ”
เคลียร์เรื่องที่จะช่วยเหลือ “น้องอีสเตอร์” ลูกสาวของ “กระติก อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์”
แอนนา : “ไม่ได้รับเลี้ยงอะไรเลยค่ะ เราไม่ไปก้าวก่ายตรงนั้น แล้วเราก็ไม่เคยไปพูดอะไรแบบนั้น เราเคยพูดกับพี่เฮเลนจริงว่าถ้าน้องขาดเหลืออะไรแล้วอะไรก็ตามที่เราสามารถช่วยไดั เราไม่ได้มองเป็นเรื่องของกระติก แต่เรามองว่าอย่างน้อยเด็กคนนี้คือคนที่โมรักมาก ถ้าเราทำอะไรเพื่อเขาได้แม้แต่นิดเดียวเราจะทำ แต่ไม่ได้ถึงขั้นจะเอามาเลี้ยง มันไกลไปมากค่ะ”
โอดที่ผ่านมาเครียด กดดัน โดนบูลลี่ เกือบฆ่าตัวตาย จนคิดได้และเลือกเปลี่ยนมายด์เซ็ตใหม่ให้ตัวเอง
แอนนา : “ร้องไห้บ่อยมาก ทุกวันนี้กินยา 6 เม็ดให้ตัวเองหลับ จากที่ก่อนหน้านี้กิน 11 เม็ด ซึ่งมันเยอะมากจนมีอยู่ช่วงนึงที่มันหนักๆ เราเหมือนจะตายแล้ว รู้สึกไม่ไหวตื่นเช้ามาแล้วฉี่ไม่ออก เราลองถามหมอว่าเกิดอะไรขึ้น หมอบอกว่าไตทำงานหนักก็เลยลดยา แล้วไปพักผ่อนซะ เลยได้รู้ตัวเองจากตอนที่ไปพักผ่อนนี่แหละว่าถ้าเรายังทำงานแบบนี้ต่อไปเราไม่รอดแน่ เราต้องเปลี่ยนมายด์เซ็ตตัวเองใหม่ แอนนาก็เลยเปลี่ยนใหม่หมดค่ะ
ทุกวันนี้ตื่นมาเราก็จะบอกว่าเราจะต้องมีแพชชั่นที่ดีกว่านี้ เราต้องทำตัวเองให้ดีกว่านี้ เราต้องขยัน ต้องเก่งกว่านี้ อย่างภาษาก่อนหน้านี้ไม่ได้เลยนะ ตอนนี้ก็กล้าพูด พูดไปเลย ต้องกล้าพูด ผิดถูกก็ไม่เป็นไร แต่เราแฮปปี้ที่จะพูด”