“ตงตง” ยันไม่ใช่คู่รักหวานเวอร์ ซุ่มเลิกเงียบ ปัดควง “เบส” ดูบอลเพื่อสยบข่าว ยอมรับไม่ค่อยได้เจอเพราะติดงานล้วนๆ แต่ว่างเมื่อไหร่ก็ไปหาตลอด แค่ทำน้องยิ้มได้ก็พอใจแล้ว เชื่อเข้าใจเพราะอะไรถึงไม่เหมือนเดิม เลิกกลัวคุณพ่อ เหมือนเป็นเพื่อนกันแล้ว ผู้ใหญ่ไม่ยุ่งให้ตัดสินใจชีวิตกันเอง ขอบคุณแฟนๆ อยู่เคียงข้าง คอยเป็นกำลังใจ
หลังเพจดังออกมาโพสต์ปริศนาว่า ‘เอ๊ะ!! คู่รักหวานเวอร์ เขาไม่หวานหวีดกันแล้วเหรอ? ไม่กดไลก์ถี่ยิบละหรา? แฮชแท็กบางอันหายไปละนะ’ หลายคนก็เดากันไปต่างๆ นานา ว่าหวยจะออกที่คู่ไหน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีอักษรย่อ ตต-บ ที่น่าจะหมายถึงคู่ของนักร้องหนุ่ม “ตงตง กฤษกร กนกธร” และสาว “เบส รักษ์วนีย์ คำสิงห์” อยู่ด้วย เพราะช่วงนี้ก็ดูไม่ค่อยหวานถี่เหมือนแต่ก่อน ล่าสุดตงตงได้ออกมาตอบประเด็นนี้ ยอมรับไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยเหมือนเดิมแล้ว แต่ก็เพราะว่างานล้วนๆ
“คือผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงครับ มันเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถห้ามใครเขาเขียนได้ ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น เราไม่สามารถขอร้องอ้อนวอนเขาได้ ว่าไม่ใช่เรา อย่าพูด อย่าพิมพ์เลย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำได้ คือการที่เราต้องจับมือแล้วก็เดินหน้าไปด้วยกันแค่นั้นเอง”
ถ่ายละคร 7 วันทำไม่ได้เจอ จนมีคนถามทำไมไม่หวานเหมือนเดิม
“มีครับ มีคนมาถามเยอะเหมือนกัน ว่าทำไมเมื่อก่อนสนิทกันจังเลย เดี๋ยวนี่ทำไมไม่มีโมเมนต์เหมือนเดิมๆ แล้ว คือต้องบอกผมกับเบส ตอนนี้คือเจอกันน้อยมาก เจอกันทีหลังเลิกกองละครเลย แล้วคืออีกวันก็ต้องไปถ่ายละครแล้ว แล้วผมตอนนี้ละคร 7 วันเลย ก็เลยแทบจะไม่ได้เจอกัน แต่ว่ามันก็จะมีช่วงไหนที่เราว่าง เราก็จะคอยอัปเดตให้ทุกคนหายคิดถึงอยู่ตลอดเวลา เพราะงานทำให้ไม่ได้เจอ ตัวผมถ่ายอยู่ 2 เรื่อง น้องเบสละคร 1 เรื่อง แล้วก็มีถ่ายยูทิวบ์ด้วย แล้วน้องก็มีงานนอกเข้ามาด้วย มันก็เลยแทบไม่มีเวลาที่เราสองคนจะได้ไปถ่ายอะไรสนุกๆ มาให้ทุกคนดู”
สยบข่าวเมาท์ ยกครอบครัวไปดูศึกแดงเดือด แมนยู-ลิเวอร์พูล
“อันนี้มีการล็อกคิวนานแล้ว ก็เลยมีโอกาสได้ไปด้วยกัน เพราะว่าผมจองคิวไว้หลายเดือนก่อนแล้ว ถามว่าสยบข่าวเมาท์ไหม คือผมก็ไม่รู้ว่าเขาเมาท์อะไรยังไงกันบ้าง เพราะฉะนั้นก็ไม่รู้ว่าสยบยังไง ผมว่าตัวน้องอาจจะรู้ แต่ไม่ได้เล่าให้ผมฟัง เพราะผมทำงาน 7 วัน เขาก็กลัวผมไม่สบายใจ กลัวไปทำงานแล้วไม่เต็มที่ คือตัวน้องผ่านอะไรมาเยอะมาก ผมกับเบสเราผ่านอะไรมา ตั้งแต่จุดเริ่มต้นเลย มันมีทั้งข่าวดี ข่าวไม่ดี แล้วเรามาถึงทุกวันนี้ได้ ผมรู้สึกว่าไม่อยากให้น้องต้องเครียดหรือว่าเป็นกังวลอะไร ตอนนี้น้องถ่ายทั้งยูทิวบ์ ทั้งละคร แล้วมันเป็นสิ่งที่น้องเพิ่งได้รับโอกาสมา ผมเลยอยากให้น้องได้ทำผลงานตรงนี้ให้เต็มที่ คือเราไม่ได้คิดคอนเทนต์ ว่าเดี๋ยวเราจะต้องมาสยบข่าว คอนเทนต์นี้สยบข่าวได้ไหม มันจะสามารถเปลี่ยนข่าวไม่ดีได้ไหม คือเราไม่ได้คิดแบบนั้น เราคิดอะไรได้ ณ วันนั้น เราก็ไปเลย”
รู้ว่า “เบส” คงคิดว่าไม่เหมือนเมื่อก่อน พอว่างเมื่อไหร่ก็เลยขอแค่ทำให้น้องยิ้มได้ ก็พอแล้ว
“ผมว่าน้องก็ต้องมีคิด เราเป็นผู้ชายเรารู้ ผมรู้ว่าน้องรู้สึกยังไง มันอาจจะไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน ตอนนั้นมันสถานการณ์โควิดแรกๆ กองละครก็งด ใครติดหน่อยก็งดกันทั้งกอง เพราะฉะนั้นการที่ผมกับเบสว่างตอนนั้น มันก็เลยได้ไปนั่นไปนี่ ได้มีเวลาคิดทำนั่นทำนี่ แต่ตอนนี้พอทุกอย่างกลับมาเป็นสถานการณ์ปกติแล้ว มันก็แทบจะไม่มีเวลาที่จะไปนั่นนี่ด้วยกัน ผมว่าเบสรู้ว่าอาจจะไม่เหมือนเมื่อก่อน ผมก็รู้แหละว่าน้องรู้สึกยังไง แต่ผมก็ทำได้เพียงแค่ วันไหนที่มีเวลาว่าง อย่างเลิกกองมา 2-3 ชั่วโมง อย่างน้อยผมขอทำอะไรที่ทำให้น้องยิ้ม แค่นั้นผมพอแล้ว หลักๆ ก็กลับมาเจอหน้ากัน แล้วก็พูดคุยกัน คือผมว่าน้องเข้าใจแหละ แล้วน้องก็โตขึ้น ก็ยังจับมือที่จะดำเนินชีวิตไปด้วยกันต่อ”
เลิกกลัวคุณพ่อ “สมรักษ์ คำสิงห์” แล้ว คุยกันทุกเรื่อง เหมือนเป็นเพื่อนพี่น้อง
“พ่อตอนนี้เป็นเหมือนเพื่อนกันแล้วครับ ใช้ชีวิตอยู่กันเป็นเหมือนเพื่อนพี่น้อง คือตอนนี้คุยกันทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมก็เลยรู้สึกว่า เหมือนที่ผมบอกตั้งแต่แรก ครอบครัวคำสิงห์คอยให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ตอนนี้ก็เลยมีความสุข แฮปปี้กันตลอดเวลา”
พ่อมีลงรูปเหมือนช่วยสยบข่าว เหมือนรู้ว่าเรามีเรื่องอะไรกัน
“พ่อกับแม่เขาก็รู้ แต่เขาก็คงจะปล่อยให้ผมกับเบสได้ใช้ชีวิตด้วยกัน แล้วก็ได้ตัดสินใจกันเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม”
อยากขายเสื้อให้ได้ 1 แสนตัว ตามที่พ่อบอก ว่าถ้าครบก็ไปขอได้เลย แต่ตอนนี้ขายได้แค่ 5 พัน
“พ่อบอกว่าให้ขายได้ 1 แสนตัว ไปขอได้เลย ตอนนี้ได้ประมาณ 5 พันตัวแล้วครับ ก็พยายามครับ หลักๆ ก็ไม่ได้คิดเรื่องนั้นหรอก เขาก็แซวเล่นครับ สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่ตอนนี้มันก็เป็นธุรกิจหนึ่ง ที่ทำแล้วมีความสุข เห็นคนใส่เสื้อที่ผมออกแบบ แล้วมันมีความสุขมากเลย แล้วตอนนี้มันไปทั่ว มีต่างจังหวัดด้วย ก็เลยดีใจอยากทำต่อ อยากให้ประสบความสำเร็จมากกว่านี้ 1 แสนตัวตามที่พ่อบอก ถามว่าอยากทำให้มันเป็นจริงไหม ก็อยากให้มันเป็นจริง คือถ้าแสนตัวได้มันก็เป็นสิ่งที่ดี ส่วนทำได้แล้วจะให้แต่ง ผมว่ามันเป็นเรื่องของการพูดคุยในอนาคตมากกว่า”
ขอบคุณแฟนๆ คอยอยู่เคียงข้าง เหมือนเป็นแรงใจ
“อยากบอกว่าขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ ผมรู้สึกว่าผมได้พวกเขาคอยอยู่ข้างๆ ผมกับเบสเสมอ มันเป็นเหมือนแรงใจอันหนึ่ง ที่เวลาผมกับเบสมีเรื่องกลุ้มใจ แล้วเรามาคอยนั่งอ่านในไลน์กลุ่ม หรือว่าใน DM ไอจี ก็จะมีคนส่งกำลังใจมาให้เสมอ บางคนเขาป่วย แล้วเขาบอกว่าดูเราแล้วมีความสุข ทำให้เขาหายได้ ก็รู้สึกว่าความรักของผมครั้งนี้ ทำให้ใครคนหนึ่งหายจากโรคที่เขาเป็น มันเป็นสิ่งที่ดี ผมเลยดีใจที่มีพวกเขาคอยอยู่เคียงข้างมาจนถึงทุกวันนี้ ก็อยากขอบคุณมากๆ นะครับ ที่คอยซัปพอร์ตกัน ก็อยากบอกว่ารักทุกคนนะครับ ดีใจมากๆ ขอบคุณมากๆ จริงๆ ครับ ยืนยันว่าข่าวไม่มีผลอะไรต่อคู่เราครับ”