“ต่อ ธนภพ” ควักทุน 7 หลัก เปิดบริษัทดูแลศิลปิน อยากมีทีมมาซัปพอร์ต หวังต่อยอดในอนาคต ไม่ชวนเพื่อนนาดาวร่วมหุ้น แต่มีแพลนจีบมาร่วมโปรเจกต์ เล่าโมเมนต์เจอ “ซี-นุนิว” ครั้งแรก หลังมีดรามา #ไล่ศิลปินคนอื่นทำไม
หลังนาดาวบางกอกประกาศปิดตัวลง บรรดาเด็กๆ ในสังกัด ก็ทยอยเปิดบริษัทใหม่ มาเพื่อดูแลตัวเอง ซึ่งล่าสุดก็เป็นคิวของหนุ่ม “ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร” ที่ตัดสินใจเปิดรับทีมเพื่อมาซัปพอร์ต โดยงานนี้เจ้าตัวก็ได้เผยว่าลงทุนไป 7 หลัก หวังจะต่อยอดได้ในอนาคต
“ก็ไม่ได้เชิงว่าบริหารเต็มตัวขนาดนั้น จริงๆ สุดท้ายมันคือเราแค่อยากได้ทีมที่คอยซัปพอร์ตตัวเรา เวลาที่เราทำงาน ก็ต้องศึกษาและต้องเรียนดีเทลงานหลายๆ อย่าง ที่เมื่อก่อนเราไม่ได้รู้ ก็ต้องหัดรู้มากขึ้นครับ บริษัทนี้เราเปิดกับคนที่เราเชื่อใจครับ คือเปิดมาซัปพอร์ต แต่ก็รู้สึกว่าวันนี้ถ้าเราแข็งแรงพอ มันจะไปข้างหน้าได้อีก ถามว่านั่งแท่นผู้บริหารเองเลยไหม ก็สำหรับบริษัทเล็กๆ ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นครับ”
ลงทุน 7 หลัก หวังต่อยอดได้ในอนาคต
“ลงทุนไม่มากขนาดนั้นครับ มันเป็นบริษัทที่เคยคิดว่าวันหนึ่งตัวเราเองต้องมีอยู่แล้ว แค่เอาบริษัทนี้แหละมาต่อยอดเลย (แล้วเราลงไปกี่หลัก?) โอ้ย…พวกบริษัทมันก็ต้องมี 7 ครับ ตอนนี้เราเป็นดูแลศิลปินมากกว่า ที่บอกว่าขอแข็งแรง เพราะว่าผมถือว่าความรู้ยังน้อย แล้วก็อยากขอเวลาศึกษา หรือวันหนึ่งเราทำไปเรื่อยๆ เราอาจจะเจอสิ่งที่เราชอบ หรืออยากลอง ซึ่งผมว่าบริษัทนี้จะซัปพอร์ตเราได้ในทางนั้น”
ต้องมีความรับผิดชอบเยอะขึ้นมาก ขอบคุณ “นาดาวบางกอก” เป็นผู้ให้กำเนิด ให้ประสบการณ์ที่ดี
“ผมว่าภาระไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่จะต้องเพิ่มขึ้นคือความรับผิดชอบ ที่ต้องเพิ่มจริงๆ การจัดสรรมันก็ดีขึ้น เพราะมันไม่ได้หลายขั้นตอน มันก็จะคนละเวย์กับตอนที่เราอยู่นาดาวบางกอก ตอนนั้นเราจะมีหลายฝ่ายมากๆ ทุกคนจะต้องคุยกันหมด ตอนอยู่นาดาวเรารู้แค่บางอย่างก็ได้ แต่ตอนนี้เราอยากรู้อะไรเราก็ไปศึกษา เอาความรู้จากนาดาวมาปรับใช้กับบริษัทเราด้วย จริงๆ ก็ต้องขอบคุณ หนึ่งเป็นที่ที่ให้กำเนิดผม เขาเป็นประสบการณ์ที่ดีจริงๆ ที่ทำให้เรารู้ว่าวันนี้เราอยากทำอะไร เราต้องการอะไร”
ยังไม่มีแพลนขยายบริษัท เนื่องด้วยสถานการณ์ตอนนี้
“ยังไม่ได้คิดแพลนขนาดนั้นเลยครับ เพราะมันเพิ่งเริ่มมากๆ แล้วด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ผมไม่อยากลงดีเทล แต่ผมเชื่อว่าทุกคนเข้าใจดี คือตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าเราจะขยายไปไหน เพราะมันยังไม่ได้ดูเคลียร์ขนาดนั้น”
ไม่มีชวนเพื่อนๆ นาดาวมาร่วมบริษัท แต่มีแพลนจีบมาร่วมโปรเจกต์ในอนาคต
“ไม่มีเลยครับ แต่ส่วนใหญ่คิดว่า ถ้าจะจีบ คือจะจีบเพื่อโปรเจกต์อนาคตมากกว่า (มีโปรเจกต์ที่คิดไว้แล้ว?) เอาเป็นว่าถ้าความสามารถผมถึงนะ ก็อยากทำ อยากลองครับ ตอนนี้ดูแลตัวเองให้ได้ก่อน ก่อนจะดูแลคนอื่น”
ได้เจอ “ซี พฤกษ์ พานิช” และ “นุนิว นุชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์” ครั้งแรก หลังมีเหตุการณ์ดรามา #ไล่ศิลปินคนอื่นทำไม
“ก็คุยตลอดตั้งแต่รับรางวัล เพราะว่าพี่ซีเขารับต่อจากผม เขาก็คุยตั้งแต่เดินลงเวทีมาแล้วครับ เมื่อกี้อยู่ข้างหลังก็คุย ผมว่าสุดท้ายแล้วมันไม่ได้อยู่ที่ว่าเราโอเคหรือไม่โอเค มันคือทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง แล้วทุกวันนี้เราก็ควรฟังเหตุผลและความคิดเห็นของคนอื่น แม้แต่เราเรายังอยากให้คนฟังความคิดเห็นเราเลย แล้วทำไมความคิดเห็นคนอื่นเราถึงไม่ฟัง ผมว่ามันเลยเป็นเรื่องง่ายๆ เอาจริงๆ พอเราเป็นเพื่อนร่วมอาชีพกัน โกรธกันไปทำไม เราต้องทำงานด้วยกัน วันหนึ่งเราก็ต้องเจอกัน แถมพี่เขาก็โตกว่าผม ผมก็ยังเคารพเขาในฐานะเป็นพี่คนหนึ่ง”
มีพูดคุยกันเรื่องเหตุการณ์วันนั้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้โฟกัสขนาดนั้น
“ก็นิดหนึ่ง แต่ไม่โฟกัส หมายถึงว่า คือผมรู้สึกว่าวันนี้มันเป็นวันที่ทำให้ทุกอย่างมันดี (ซีและนุนิว ค่อนข้างห่วงความรู้สึกเรามาก?) จริงๆ แล้วสิ่งที่ทุกคนไม่รู้ คือผมก็ห่วงความรู้สึกพวกเขามากเหมือนกัน แต่ผมก็แค่รู้สึกว่าสุดท้ายความเข้าใจเป็นหลัก ถ้าเราพร้อมที่จะเข้าใจ ทุกปัญหามันไม่ได้ผ่านยากขนาดนั้น”