“มาร์กี้ ราศรี” ปาดเหงื่อ ค่าเทอมลูกสองคนเกือบล้านต่อปี แต่โชคดี พ่อสามีรับผิดชอบเองทั้งหมด โอดค่าเทอมเด็กสมัยนี้แรงหากเทียบกับความเป็นอยู่ของคนในประเทศ มั่นใจลูกเข้าโรงเรียนไม่ร้องไห้ แต่ฝ่ายสามีไม่แน่ ยกมือไหว้ขอบคุณพ่อสามีสร้างบ้านใหม่ 70 ล้านให้
ออกมาเผยเรื่องค่าเทอมลูกสองคนตกปีละล้าน ทำเอาปาดเหงื่อ สำหรับคุณแม่คนสวย “มาร์กี้ ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์”แต่งานนี้แอบโล่งเพราะพ่อของสามี “ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์” อาสาออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แถมเปย์หนัก สร้างบ้านหลังใหม่ราคา 70 ล้านให้ด้วย
“แรงเหมือนกันเนอะ แม่เห็นก็ตกใจ เพราะค่าเทอมตอนสมัยเรา เราก็ว่ามันก็แพงแล้ว ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นแม่เคยบ่น 80,000 บาท มันก็แพงแล้วต่อเทอมนะ แต่ตอนนี้โรงเรียนอินเตอร์ก็ฟาดไปประมาณคนละ 2 แสนกว่าๆ เด็กเล็กนะ มากกว่ารุ่นกี้ 3 เท่า ปีหนึ่งมี 2 เทอม 240,000 บาท บวกกันเป็น 480,000 บาท แล้วบวกกัน 2 คน ก็เกือบล้านแล้วค่ะ ถามว่าทรุดไหม คือจะบอกว่าไม่ให้เรียกก็กระไรอยู่ (หัวเราะ) มันก็อาจจะเป็นเรื่องที่ต้องสู้ต่อไปเหมือนกัน
ยายบอกว่ายายจะสอนเอง แต่ตอนนี้คือยายเป็นบ้านหมุนไปแล้วนะ อยู่บ้านได้ 3 วัน ยายบอกว่าเดี๋ยวขอไปพักผ่อนสัก 2 วัน เดี๋ยวกลับมาใหม่ คือเขาเริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ไปทำโน่น ทำนี่ คนนี้อยากเล่นอะไรก็ไปเล่นเลย จับไม่ทัน อย่างอยู่บ้านถ้าอยากว่ายน้ำก็ถอดเสื้อผ้าแล้วลงสระว่ายน้ำเลย คือเร็วมาก ไวมาก แล้วคือมี 2 คนด้วยแหละค่ะ ถ้าคนเดียวยังพอไหว พอ 2 คน ยายเลยขอกลับไปชาร์ตพลังเดี๋ยวมาใหม่ (หัวเราะ)”
ลั่นค่าเทอมแรงหากเทียบกับความเป็นอยู่ของคนในประเทศ
“กี้ว่ามันอาจจะแรงไปนิดนึง ถ้าเทียบกับความเป็นอยู่ของคนในประเทศเรา อย่างลูกคนนึง 480,000 บาท เดือนนึงก็จะตกประมาณ 40,000 บาทไม่รวมค่าโน่นนี่นั่น คือเงินเดือนต้องเยอะนะ อย่างสมมติเราได้เงินเดือน 50,000 บาท แล้วต้องลงกับลูก 40,000 บาท มันก็กระไรอยู่
ถามว่าก่อนเลือกโรงเรียนนี้ มีช้อยส์โรงเรียนอื่นไหม มันใกล้เคียงกันมากค่ะ ไม่ได้แตกต่างเยอะ แต่กี้เลือกใกล้ๆ บ้านเป็นหลัก มันก็มี 2 อย่างให้เลือกคือ โรงเรียนไทย หรือโรงเรียนอินเตอร์ ซึ่งเราเลือกโรงเรียนอินเตอร์เพราะเราก็เรียนโรงเรียนอินเตอร์มา เริ่มเข้าโรงเรียนวันที่ 15 สิงหาคมนี้ค่ะ อีกไม่กี่วันแล้ว
ถามว่าน้องตื่นเต้นไหม กี้บอกว่า ไปเล่นกับเพื่อนที่โรงเล่น (หัวเราะ) ไม่ได้เรียกว่าโรงเรียน กลัวเขากลัวคำว่าโรงเรียน ตอนนี้จะบอกว่า เล่นนับเลข เล่นระบายสี ไปเล่นกับเพื่อนที่โรงเล่น กี้ก็พาเขาไปดูมาแล้วค่ะ เขาก็เล่นเปรียบเสมือนโรงเล่นนั่นแหละค่ะ โอเคอยู่”
มั่นใจตัวเองไม่ร้องไห้ แต่สามีไม่แน่
“กี้ว่ากี้ไม่น่าจะ แต่ว่าคุณพ่อ (ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์) ไม่แน่ คือเขาไปเดี๋ยวเขาก็กลับมา มันแค่ 3-4 ชั่วโมงเองแต่ว่าแต่ละคนก็อาจจะรู้สึกไม่เหมือนกัน สำหรับเราก็คือ ก็ไปโรงเรียน แล้วยังใกล้บ้านด้วย เอาแบบง่ายๆ
รู้สึกว่าที่โรงเรียนจะไม่ให้ลงจากรถ คือมาส่งแล้วให้ขับไปเลย ไม่ต้องลงไปแล้วร่ำลา คือไปถึงปุ๊บเปิดประตูรถ คุณครูเขาจะช้อนไปเลย อาจจะเพราะเป็นช่วงโควิดด้วย เขาคงไม่อยากให้ผู้ปกครองไปยืนรอร่ำลาอะไรแบบนี้ เพราะพื้นที่มันจำกัด โรงเรียนที่กี้ไปเป็นโรงเรียนเล็กๆ ห้องนึงมีแค่ 8-12 คน”
ไม่ได้รู้สึกว่าลูกห่างอกขนาดนั้น
“ไม่ได้รู้สึกขนาดนั้น (หัวเราะ) อย่างที่บอกมันแค่ 3-4 ชั่วโมงเอง คือยังดูซีรีส์ไม่ถึงไหนเลย เขาเริ่มเรียน 8 โมงครึ่ง ถึง บ่ายโมงค่ะ ระหว่างนั้นเราก็อาจจะหาอะไรทำ เพราะจะตื่นไปส่งเขา”
แฮปปี้คุณปู่รับผิดชอบค่าเทอม
“อันนี้คือโชคดี คือคุณปู่เป็นคนรับผิดชอบ เพราะคุณปู่รับผิดชอบหลานๆ ทุกคน ถามว่าออกให้ถึงเรียนจบปริญญาตรีเลยไหม คือเรายังไม่ได้คุยถึงขนาดนั้นค่ะ (หัวเราะ) เอาที่คุณปู่สะดวกค่ะ ท่านก็ดูความเหมาะสม เช็กว่าแต่ละที่มันราคาเท่าไหร่ ก็ราคาเท่านี้หมดถ้าเป็นโรงเรียนอินเตอร์ แล้วถ้าเป็นโรงเรียนอินเตอร์ที่เล็กหน่อย จำกัดคนหน่อย อย่างครู 2 คน ดูแลเด็ก 10 คน มันก็จะอยู่ประมาณนี้
พอคุณปู่บอกจะออกค่าใช้จ่ายส่วนตรงนี้ให้ โล่ง (ยกมือไหว้) คือคุณปู่รู้สึกว่าการลงทุนกับเรื่องการศึกษามันเหมือนเป็นการเซฟเด็กๆ ตั้งยังเล็กค่ะ เขาเลยรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ควรจะลงทุน”
ยกมือไหว้ปู่สร้างบ้านใหม่ 70 กว่าล้านบาทให้
“ก็ขอบคุณคุณปู่อีกค่ะ (ยกมือไหว้) คุณปู่ออกค่าสร้างบ้านให้ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ข้างในจัดการเอง คุณปู่ออกให้ตีซะประมาณ 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ค่ะ ของคุณปู่น่าจะตีสักประมาณ 55-60 เปอร์เซ็นต์เฟอร์นิเจอร์เราออกเองเพราะว่าลูกหลานแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน คนละแนว บางคนอยากจะลงทุนบิวต์อิน บางคนอยากจะลงทุนกับเฟอร์นิเจอร์ เพราะฉะนั้นจะมีงบส่วนหนึ่ง เกินจากนั้นยังไงก็ดูแลเอาเอง ของกี้งบคุณปู่มันหมดไปกับอินทีเรียแล้ว เฟอร์นิเจอร์ก็เลยต้องออกเอง”
สร้างเซฟโซนของแต่ละคน ไม่ปวดหัว
“ไม่ค่อยได้ทะเลาะกันค่ะ คุยตั้งแต่แรกแล้วว่าตรงที่เป็นส่วนรวมให้มันประมาณไหน แล้วพี่ป๊อกจะมีโซนที่เป็นของเขา เราก็มีโซนที่เป็นของเรา มันก็เลยไม่มีปัญหา เราก็รู้ว่าสิ่งที่เราชอบกับสิ่งที่เขาชอบมันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่ว่าเราก็ต้องเอาทั้งสองอย่างมารวมกันให้มันโอเคที่สุด เราก็คุยกันว่าอยากได้อะไรที่มันอยู่ไปได้นาน เราไม่อยากทำบ่อยเพราะมันปวดหัว
ตอนนี้ย้ายไปอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ วันนี้กี้ใช้เวลาจากบ้านมางานประมาณ 40 นาที ถามว่าอยู่ชานเมืองเป็นยังไง จริงๆ เมื่อก่อนกี้ย้ายบ้านบ่อย คือก่อนหน้าที่จะมาอยู่คอนโดในเมืองก่อนที่จะแต่งงานกับพี่ป๊อก กี้อยู่มีนบุรี สุขาภิบาล 3 ไกลนะ รามคำแหง 168 ศิวิไลซ์สุดก็คือเซเว่น แล้วเราก็ไปโรงเรียนจากที่นั่นทุกวัน ไปเรียนมหาลัยคือเอแบคบางนา มันนอกเมือง มันไกลอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกช็อกกับการที่ต้องย้ายไปอยู่ในที่ที่ไกลขึ้นมาหน่อย นอกเมือง ห่างจากในเมืองประมาณ 38 กิโล
คือช่วงนี้กี้ไม่ได้ทำงานเข้า 8 โมง ออก 5 โมงเย็น ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่รถติด โชคดีคือเราสามารถที่จะเลือกเวลาได้ สมมติถ้าเราจะมาทำงานเช้า กี้ก็ต้องมานอนคอนโดเพราะว่าจะได้ไม่ต้องฝ่ารถติด แต่ถ้าเป็นงานที่เราเลือกเองได้ อย่างเราถ่ายรายการของเรา เราก็จะเลือกออกจากบ้านประมาณ 11 โมง ไม่ให้รถมันติดมาก ก็ต้องจัดการเวลา ส่วนโรงเรียนลูกใกล้บ้านใหม่ไปเลย ใช้เวลาเดินทางง่ายๆ เร็ว สะดวก”
ลูกแฮปปี้บ้านมีพื้นที่ให้วิ่งเล่น เสียแต่ไร้เพื่อน
“ชอบค่ะ เพราะว่าเขามีพื้นที่ แต่ก่อนเขาอยู่คอนโดไม่มีพื้นที่เวลาจะเล่นอะไรมันจะจำกัด เช่นพวกจักรยาน ห้ามผ่านฝั่งล็อบบี้ ห้ามไปตรงนั้นตรงนี้ แต่บ้านใหม่เขามีพื้นที่ที่ไปตรงไหนก็ได้ เขาแฮปปี้ แต่มันก็มีข้อดีข้อเสีย เขาไม่มีเพื่อน เพราะอยู่คอนโดจะมีห้องอื่นๆ ที่อายุใกล้ๆ กัน มีเพื่อนคนนั้นเพื่อนคนนี้ แต่พอไปอยู่บ้านใหม่เขาจะไร้เพื่อน เพราะว่ายังไม่ได้ไปโรงเรียน เราก็ถามเขานะว่าคิดถึงเพื่อนไหม เขาบอกเขาไม่คิดถึง เขาบอกเขาโอเค แฮปปี้ พอมาคอนโด เขาบอกว่าเขาคิดถึงจักรยานของเขา เขาไม่คิดถึงเพื่อนแล้วก็แล้วแต่เลยลูก เอาที่สะดวกเลย”
คิดนานกว่าจะรับละครสักเรื่อง
“ถ้าละคร อาจจะดูๆ ก่อนค่ะ ดูเนื้อเรื่อง ดูคนที่เล่นด้วย เพราะถ้าเราทำแล้วเราก็อยากทำให้มันเต็มที่ ที่ชอบจริงๆ ก็มีติดต่อมาบ้างค่ะ (ยังไม่มีอันไหนที่โดนใจ?) อาจจะเพราะกี้เพิ่งถ่ายเสร็จไปเรื่องหนึ่ง แล้วออนแอร์ไป ก็ขอพักสักนิดนึงเพราะว่าเดี๋ยวนี้เรื่องหนึ่งมันถ่ายนานปีหนึ่ง แล้วเราไม่อยากทำงานอะไรที่มันต้องอยู่กับมันถึงหนึ่งปี อะไรที่ระยะยาวมากๆ อาจจะคิดนานหน่อย
รับซ้อนไม่ไหว งานละครเหนื่อยนะ กี้ทำงานมาหลายอย่าง กี้ว่างานละครเป็นงานที่เหนื่อยที่สุดเพราะว่ามัน 7 โมงเช้า เดี๋ยวนี้บางกองนัด 6 โมงด้วยซ้ำ เสร็จ 3 ทุ่ม ถ้า 7 โมง เสร็จ 4 ทุ่ม กว่าจะขับรถถึงบ้าน อาบน้ำล้างหน้า เที่ยงคืนนั่งทำการบ้านสำหรับวันรุ่งขึ้นอีก กว่าจะได้นอนตีหนึ่ง ตีห้าตื่นอีกแล้ว คารวะทีมที่ทำละคร 7 วันเลย โอ้โห สุขภาพมันหนักจริงๆ ถามว่าอยากเล่นบทประมาณไหน มันก็พูดยากเหมือนกัน มันก็มีหลายอย่างที่มันดี ถ้าเราอ่านแล้วเรารู้สึกว่าสู้สิวะ เราก็สู้ เพราะว่ามันเหนื่อย ก็ถ้าคิดถึงกี้ ก็ดูได้ยูทิวบ์ Mindset TV มีหลายรายการให้ดูค่ะ”
