“ท็อป-ไทด์” เคลียร์ข้อสงสัย “ซันนี่ ยูโฟร์” ช็อกเพราะอาบน้ำเย็น?

“ท็อป-ไทด์” เคลียร์ข้อสงสัยที่บางคนบอกว่าอาจจะเป็นที่การอาบน้ำ ที่น้ำอาจจะเย็นเป็นสาเหตุให้ “ซันนี่ ยูโฟร์” ช็อกจนเสียชีวิต พร้อมแจงการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ขณะช่วยเหลือ

สำหรับงานสวดอภิธรรมศพคืนแรกของ “ซันนี่ ยูโฟร์” หรือ “ญาณวรุตม์ สุทธวาส” ทาง “ท็อป-ไทด์”หรือ “บิณฑ์-เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” รับเป็นเจ้าภาพ โดยเผยว่าทางมูลนิธิร่วมกตัญญูพร้อมช่วยเหลือจนเสร็จงานฌาปนกิจ หากไม่มีเจ้าภาพ

ท็อป : “ผมเป็นเจ้าภาพกับคุณเอกพันธ์ ทางมูลนิธิร่วมกตัญอยู่ก็พร้อมที่จะสนับสนุนอยู่แล้ว แต่ถ้าน้องซันนี่เคยร่วมงานกับบริษัทไหนก็แล้วแต่ ถ้ามีความประสงค์อยากจะเป็นเจ้าภาพเราก็ยินดี ดีที่ให้มาเป็นเจ้าภาพร่วมกัน แต่ถ้าไม่มีเจ้าภาพเราสองคนก็พร้อมที่จะรับผิดชอบจนจบงานจนกระทั่งเสร็จฌาปนกิจเลย แต่เชื่อว่าน้องซันนี่มีเพื่อนฝูงเยอะ”

ไทด์ : “ใครที่จะมาร่วมเป็นเจ้าภาพก็ติดต่อมาเลยไม่ว่าจะเป็นทางวัดหรือว่าทางคุณแม่หรือทางหลายเขาก็ได้”

เผยพ่อแมีของ “ซันนี่ ยูโฟร์” เสียชีวิตนานแล้ว
ท็อป : “คุณแม่ก็จะเป็นแม่เลี้ยง เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่จริงๆ เขาเสียไปตั้งนานแล้ว เราเห็นว่าอยู่ในวงการเดียวกันแล้วก็เคยจะเจอกัน”

เรามาวันนี้ หนึ่งเราเข้าใจว่าซันนี่ไม่มีใครเลย วันที่น้องซันนี่เสีย ทางอาสาสมัครมูลนิธิเข้าไปช่วยเหลือ CPR ก่อน ที่คิดว่าจะขึ้นแต่ว่าไม่ขึ้น คือตอนแรกไม่รู้ลูกน้องส่งบัตรประชาชนมาให้ชื่อคุ้นๆ เหมือนรู้จักปรากฏว่าเป็นน้องซันนี่ ไม่มีญาติ เอกพันธ์ก็เลยจัดการทั้งเรื่องโลงศพทุกอย่าง ก็ดำเนินการให้แม่เลี้ยงเขา เพราะว่าเขาก็ไม่มีอะไรจะทำให้ลูก

ภูมิหลังของเขาถามว่าพ่อแม่เสียไปนานหรือยัง ประวัติตรงนี้ผมก็ไม่ทราบ แต่คนที่อยู่บริเวณที่พักบอกว่าพี่ซันนี่อยู่คนเดียวมาเป็นปีแล้ว และจากที่เห็นว่าเขาไม่มีใครมาเลย แต่ก็จะมีแม่เลี้ยง ก็คือนานๆ จะมาหากันที ก็น่าสงสารน้องซันนี่นะ เขาก็สู้ชีวิตมาตลอด ตอนนั้นเขาเป็นนักร้องของวงยูโฟร์ผมก็เป็นคนหนึ่งชื่นชมว่าคนนี้เขาหล่อมาก แล้วตอนหลังก็สวยมาก เราไม่ได้มาผูกพันอะไรกันมาก”

ไทด์ : “เราก็จะเจอในงานรับรางวัล งานการกุศล ไม่เคยถ่ายหนังด้วยกันเป็นเรื่องเป็นราว”

ท็อป : “แต่ด้วยความที่เราเห็นว่าน้องเป็นคนในวงการด้วยกัน คือผมกับเอกพันธ์บอกเลยว่า ถ้าคนในวงการต้องการให้เราสองคนช่วยเหลืออะไรก็แล้วแต่เรายินดีจะช่วย เพราะคนในวงการเราต้องรักกันต้องช่วยเหลือกันไปตลอด”

เงินร่วมทำบุญหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วยกให้คุณแม่ของ “ซันนี่ ยูโฟร์”
ท็อป : “แล้วซองที่ช่วยเหลือเอาให้ใคร”

ไทด์ : “ให้คุณแม่เขา ให้แม่เลี้ยงเขา ซองที่ให้มาเราจะหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดในซอง ถ้าขาดเหลืออะไรเราจะจัดการ (ไม่ใช่ให้แม่เก็บหมด?) ไม่ใช่ๆ เราต้องบอกด้วยว่า ถ้าไม่มีเจ้าภาพเลยเราจัดการทั้งหมด แต่ถ้าได้ซองมาถ้าช่วยงานอะไรก็แล้วแต่เราต้องหักค่าใช้จ่ายจากซอง ส่วนที่เหลือให้แม่ไป ถ้าขาด สมมุติงาน 5 คืน แสนนึง ได้ซองมา 2 หมื่น อันนั้นเรารับผิดชอบเอง”

สำหรับการเสียชีวิตของ “ซันนี่ ยูโฟร์” ที่สังคมตั้งคำถามเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ไปช่วยเหลือ เหมือนร่างของซันนี่ถูกวางไว้ริมทางนั้น “ท็อป-ไทด์”เผยว่า…
ไทด์ : “ทางศูนย์เอราวัณที่เป็นศูนย์ที่รับแจ้งขอความช่วยเหลือว่ามีชายหมดสติอยู่บนห้อง เขาก็ส่งรถศูนย์เอราวัณ เจ้าหน้าที่ เข้าไปช่วยเหลือ เปิดห้องเข้าไป สภาพที่เห็นในภาพมีอุจจาระสุนัขอะไรเยอะแยะมากมาย ไม่สามารถที่จะเข้าไปช่วยเหลือในห้องนั้นได้เพราะว่าอากาศไม่ถ่ายเท น้องเขาเลยอุ้มซันนี่มาห้องน้ำไปล้างตัวเพราะตัวมีแต่อุจจาระมาเช็ดตัวให้ซันนี่ เสร็จแล้วพาลงมาข้างล่างเพื่อซีพีอาร์เพราะตอนนั้นน้องเขายังคุยอะไรกันอยู่ยังมีสติ คุยมีสติโน่นนี่ ถ้าซีพีอาร์ในนั้นอากาศไม่ถ่ายเท”

ท็อป : “น้องเป็นไทรอยด์เป็นพิษ มีโรคหัวใจด้วย”

ไทด์ : “น้องเขาก็เลยยกคุณซันนี่มาข้างล่าง ให้อากาศมันโปร่งเขาก็ทำซีพีอาร์ข้างล่าง อยู่ๆเขาก็น็อกหมดสติไป ปั้มไม่ขึ้น หน่วยงานที่ 2 ก็คือมูลนิธิร่วมกตัญญูอาสาสมัครก็รับแจ้งว่าเสียชีวิต นี่คือขั้นตอน เราก็ยังงงในตอนแรก ยังต่อว่าลูกน้องว่าคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะยกร่างเขาลงมา ต้องรอตำรวจ เขาเลยบอกว่าที่มาพบซันนี่ตอนแรกยังไม่เสียชีวิต ยังพูดคุย ยังตอบคำถามกันได้อยู่ แต่เขาบอกว่าเขาไม่ไหวแล้วเขาเหนื่อย หายใจไม่ออก ทีมก็เลยรีบล้างตัวกัน ตอนนั้นซันนี่ก็เปลือยท่อนบน ก็เอาผ้ามาปิดไว้ ทำ CPR กันแต่ว่ามันไม่ขึ้น อยู่ๆ ซันนี่ก็ไปเฉยๆ ก็เลยเสียชีวิต”

เคลียร์ข้อสงสัยที่บางคนบอกว่าอาจจะเป็นที่การอาบน้ำ ที่น้ำอาจจะเย็นเป็นสาเหตุให้ช็อก
ไทด์ : “ไม่ทราบเลย เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่าเลือดในตัวซันนี่ไม่มาไหลเวียนตามร่างกาย ไม่มาเลี้ยงหัวใจ สูบเข้าไปไม่ไปเลี้ยงสมอง”

ท็อป : “น้ำเย็นไม่มีส่วนที่จะทำให้ซันนี่น็อก หรือว่าเสียชีวิต ผมว่าไม่มีส่วน คนที่เป็นไทรอยด์เป็นพิษระบบการเต้นของหัวใจมันไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ขั้นแรกเลยคือเขาต้องทำ CPR ก่อนที่จะไปส่งโรงพยาบาล ต้องทำก่อนจะไปถึง แต่ถ้าไม่ขี้นก็แสดงว่าเสียชีวิต ก็ต้องปล่อยร่างไว้ตรงนั้น คนที่มาเก็บก็คือร่วมกตัญญูที่จะเอาร่างมาส่งนิติเวช”