“บีม กวี” ขึ้นแท่น สามีคนดีแห่งชาติ “ออย” การันตี เขาดีกว่าที่ทุกคนคิด ซึ้งใจพ่อพ่องดรับงานหลังคลอด เพราะห่วงภาวะเบบี้บลู ทุกวันนี้ออกงานบ่อยเพื่ออนาคตของเด็กๆ มีแยกบัญชีไว้สำหรับเลี้ยงลูกและดูครอบครัว วอนแฟนๆ อย่าเข้าหา “พี่ธีร์-น้องพีร์” แบบจู่โจม หวั่นลูกตกใจ ไม่กล้าออกงานอีก แอบสงสารเคยโดนแล้ว ดูแลตัวเองยังไม่เป็น
ออกงานรับทรัพย์กันทั้งครอบครัวอีกแล้ว สำหรับพ่อ “บีม กวี ตันจรารักษ์” และแม่ “ออย อฏิพรณ์ จิตต์ธรรมวงศ์” ที่ล่าสุดวันนี้ (15 ก.ค.) ก็ได้พาสองแฝด “พี่ธีร์ - น้องพีร์” มาร่วมงาน “THE MALL JUNGLE WALK” ท่องป่ามหัศจรรย์ สำรวจ เรียนรู้ ชีวิตสัตว์โลก ที่ เอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น 4 เดอะมอลล์ บางกะปิ ซึ่งบอกเลยว่าเข้าทางสุดๆ เพราะเด็กๆ เอ็นจอยมาก ไม่มีงอแงสักนิด
บีม : “พาออกอีเวนต์บ่อย ก็มีคุยกันครับ ว่าวันนี้เราจะไปเที่ยวนะ เราจะไปทำอะไรบ้าง อย่างวันนี้เราก็บอกว่าเราจะไปสวนสัตว์กัน”
ออย : “เขาชอบออกจากบ้าน เพราะเด็กยุคโควิดเนาะ นางก็จะอยู่แต่ในบ้าน บางทีแค่ออกมาวิ่งเล่นตรงที่จอดรถก็มีความสุขแล้ว แต่ถ้าเราพาออกมาเดินในที่แปลกๆ เขาก็ชอบอยู่แล้ว”
กังวลทุกครั้งที่ออกงาน กลัวลูกตื่นคน เลยต้องเตรียมพร้อม ให้กินอิ่มนอนหลับไว้ก่อน
ออย : ก็กังวลทุกครั้งเลยค่ะ เราก็จะเตรียมตัวเขามาก่อนว่าในเขานอน ให้เขากินอิ่ม แต่ขนาดนี้แล้วก็ยังยาก (หัวเราะ)”
บีม : “เขาชอบออกทั้งคู่ วันไหนได้ออกไปข้างนอกเขาจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ”
ออย : “แล้วมันก็มีข้อดีนะคะ กลับบ้านไปตอนกลางคืนเขาจะนอนง่าย เพราะว่าเขาเหนื่อย ได้ระเบิดพลัง แต่กับพ่อแม่นี่เขาไม่มีให้ซื้อของเล่นเลย เพราะเขารู้ว่าไม่ซื้อ แต่ถ้าเจอป้าๆ จะเอ่ยปากเลย ว่าซื้อโน่นซื่อนี่ให้เขา”
บีม : “ที่ไม่ซื้อให้เพราะมันเต็มไปหมดแล้ว คนโน้นคนนี้ก็ซื้อให้ เพราะอยากเห็นเล่นของเขา”
ออย : “เราก็จะสอนว่าอย่าไปขอคนอื่นซื้อลูก ของเล่นเราเยอะแล้ว แต่บางทีเวลาเจอ พี่ๆ น้าๆ ที่เขาเอ็นดูเขาก็อยากจะมีของติดมือมาไง แค่เฉพาะไดโนเสาร์ก็มีทุกสายพันธุ์แล้วมั้งคะ”
ตกใจและรู้สึกดีไปพร้อมๆ กัน เมื่อได้ฟังสามีให้สัมภาษณ์ งดรับงานหลังคลอด เพราะห่วงภาวะเบบี้บลู
ออย : “คือตอนแรกเราก็ตกใจนะ เพราะเราไม่คิดว่าเขาจะมีความละเอียดอ่อนลึกซึ้ง”
บีม : “เป็นคนดีระดับหนึ่งที่รัก (ยิ้ม)”
ออย : “ออยก็ถามว่าเธอแน่ใจเหรอ เราเคยผ่านตรงนั้นมาแล้ว เราคิดว่าเราพอจะโอเคแล้ว เรารู้ว่าเราต้องปฏิบัติต้วยังไง แต่เดี๋ยวพอมันเกิดขึ้นมาจริงๆ ออยก็รู้ว่าเดี๋ยวมันคงจะแย่ แต่เขาก็เห็นใจเรา คือออยว่าผู้หญิงหลังคลอด แค่แสดงความเห็นอกเห็นใจ แค่นี้เราก็รู้สึกดีแล้ว”
ขอบคุณคนยกให้เป็น ‘สามีคนดีแห่งชาติ’ แต่จริงๆ แล้วดีกว่าที่ทุกคนคิดอีก
ออย : “เขาดีกว่าที่ทุกคนคิดอีกนะคะ (หัวเราะ) อย่างที่ทุกคนเห็น หรือประเมินเขาจากที่เห็น จริงๆ เขาก็เป็นแบบนั้นจริงๆ คือถ้าบีมเขาไม่ได้คิด เขาก็จะไม่พูด คือเขาเป็นคนพูดน้อยด้วยไง แล้วก็ไม่โรแมนติก พอเราได้ยินแบบนี้ เราก็รู้สึกว่าโรแมนติกจังเลย คือจะมาช่วยเลี้ยงลูกยังไม่เท่าไหร่นะ แต่อยู่ข้างๆ กันมันสำคัญกว่า”
บีม : “คิดว่าตอนไหนโรแมนติกที่สุด คือเป็นคำถามที่ยากมาก ถ้าไม่เตรียมตัวมาจะหาคำตอบดีๆ ยากมาก (หัวเราะ)”
ออย : “คือมันไม่ได้มีสถานการณ์อะไร แต่มันเป็นการดำเนินชีวิตในทุกๆ วัน ที่ทำให้รู้สึกมั่นคง อบอุ่น ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ออยเป็นแม่บ้าน ก็มีหน้าที่ดูลูก เราก็โฟกัสตรงนี้เต็มที่เลย ไม่ต้องแบ่งหัวไปคิดเรื่องอะไรที่ไร้สาระค่ะ เวลาที่เขาโรแมนติกเราก็สัมผัสได้บ้าง เพราะน้อยมาก แต่เวลามีเราก็จะรู้สึกว่ามันก็ชัดเจน เพราะด้วยความที่มันน้อยมากได้ พอมีปุ๊บมันก็จะชัดเจน”
บีม : “จริงๆ มันก็อยู่ที่ไทม์มิ่งด้วย ทำทุกวันมันเลี่ยนเปล่าที่รัก”
ออย : “ไม่เลี่ยนหรอก”
บีม : “ไม่เลี่ยน …โอเค ไม่น่าเลย (หัวเราะ) ผมไม่รู้ว่าความโรแมนติกมันวัดยังไง บางทีเราทำตัวให้เป็นปกติทุกวันดีกว่า ถ้าเราตั้งใจทำมากเกินไป มันจะดูเหมือนเป็นความพยายาม สุดท้ายมันอาจจะเหนื่อยทั้งเราและเขา (เขินไหมคนให้เป็นสามีคนดีแห่งชาติ?) ผมก็เป็นสามีเขาคนเดียวแหละครับ ไม่เป็นให้ใคร”
ออย : “ก็ไม่รู้จะทำยังไง เราก็รู้สึกว่าเราโชคดีแหละ เวลาเราเห็นคอมเมนต์ ว่าไม่อยากให้มีพี่บีมคนเดียว เราก็อวยพรคืนเขา ขอให้เขาแฮปปี้ค่ะ”
บีม : “รักครับรัก (ยิ้ม)”
รับงานทุกวันเพื่ออนาคตของเด็กๆ มีแยกบัญชีเก็บไว้ เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเลี้ยงดูลูกและครอบครัว
บีม : “มี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ภรรยาผมให้ความสำคัญมากๆ จริงๆ ที่เราทำงานอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่ออนาคตของเด็กๆ อยู่แล้ว เขาก็ร่วมมือเต็มที่ด้วย อย่างเช่นวันนี้ เขาก็มาดูการ์ตูนอยู่ข้างหลังเรา (หัวเราะ) ที่ทำทุกอย่าง ที่ทำงานหนักๆ ช่วงนี้ เพราะครอบครัวมันต้องขับเคลื่อนด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ซึ่งก็ต้องใช้เงินเป็นส่วนประกอบ เราก็อยากให้ชีวิตของเด็กๆ ดีแหละ ก็พยายามรับงานที่มันเหมาะกับเขา แล้วก็สามารถต่อยอดให้ชีวิตของเขาดีขึ้นได้ แต่คงไม่ได้แยกว่าเป็นบัญชีแฝดพี่ แฝดเล็ก ก็คงเป็นบัญชีสำหรับการดูแลลูก ดูแลครอบครัว”
ออย : “หลักๆ เรามองตรงกันว่า ถึงเราจะมีรายได้จากหลายๆ ทาง แต่อย่างที่ทราบ ว่าเราก็มีธุรกิจอย่างอื่น แต่สิ่งที่คิดตรงกันคือใช้ชีวิตไม่ประมาท ไม่ว่าเรามีรายได้เท่าไหร่ เราก็จะใช้ชีวิตเหมือนเดิม คือไม่ได้มองไปไกลมาก เอาวันนี้ก่อน เตรียมวันนี้ให้ดี แล้วพรุ่งนี้มันก็ดีเอง”
บีม : “อาจจะไม่ได้แบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ขนาดนั้นครับ แต่รู้อยู่แล้วว่างานนี้เข้าบัญชีนี่ไหม ซึ่งโดยส่วนรวมในปีหนึ่ง มันก็จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ว่าบัญชีไหนประมาณกี่เปอร์เซ็นต์”
ออย : “หลังจากนี้ก็จะมีงานอีก เป็นงานที่แบบว่าผูกพันกันตามสัญญาค่ะ”
วอนอย่าเข้าหาเด็กๆ แบบจู่โจม เพราะกลัวลูกจะตกใจ และไม่กล้าออกมาอีก
ออย : “คือตรงนี้ก็ควบคุมยาก คืออย่างเรา เราก็จะสอนลูก ว่าใส่มาสก์นะ สังเกตพี่ธีร์คือถ้าเราถอดมาสก์ปุ๊บ เขาจะงอแงทันที เพราเขารู้สึกว่าต้องใส่ไว้ แต่น้องพีร์ก็จะสบายๆ กว่า จับเขาถอดเขาก็จะไม่ได้ว่าอะไร แต่จริงๆ แล้วทุกคนที่มาอยู่ใกล้ๆ เขาก็จะใส่มาสก์อยู่แล้ว เราก็จะกลัวบางคนที่เข้ามาจู่โจม เพราะน้องจะตกใจ หรือเขามากอดถ่ายรูปอะไรแบบนี้ บางทีเด็กเขาไม่คุ้น เขาก็จะตกใจ ไม่อยากให้เขารู้สึก ว่าออกมาแล้วเขากลัว เดี๋ยวอีกหน่อยเขาจะไม่กล้า”
บีม : “แต่อีกอย่างที่เราสามารถทำได้ คือเราก็พยายามพาทีมงานของเรามาเยอะๆ ให้ช่วยกันดู เป็นทีมใหญ่ๆ เลย บางทีไปที่ต่างๆ ใช้เป็นรถบัสเลย”
ออย : “เด็กๆ เคยมีโดนจู่โจม แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นตกใจร้องไห้ คือจะมีแบบเข้ามากอด ขอถ่ายรูป บางทีเด็กเขาดุ๊กดิ๊ก พอไม่ได้เฟรมที่ถูกใจก็จะอะไรอย่างนี้เพื่อให้ได้รูป แต่ตอนนั้นออยไม่ได้เห็น แต่มีพี่ที่เขาเห็นแล้วมาเล่าให้ฟัง เราก็รู้สึกว่าสงสารลูกเหมือนกัน เด็กเขาดูแลตัวเองยังไม่เป็น เราก็จะบอกว่าว่าทุกคนรู้จักหนู เพราะหนูเป็นลูกพ่อพ่อนะ พ่อพ่อเป็นนักแสดงนะ เราก็อธิบายเหมือนที่เราอธิบายให้ผู้ใหญ่ฟังค่ะ แต่ด้วยความที่เขาเพิ่ง 2 ขวบ 8 เดือน เขาไม่รู้เรื่องหรอก เหมือนเขาเกิดมาในครอบครัวที่ทำอาชีพนี้ เขาก็ซึมซับไป”
