“เบนซ์ พรชิตา” ปรับฮอร์โมนแล้วชีวิตสดใส สามารถรับงานพิธีกรได้แล้ว อยากสวยรีดหุ่น เลิกเป็นอาม่า “มิค บรมวุฒิ” แฮปปี้ ได้ภรรยาคนเดิมกลับมา รับไม่มีเวลาทำการบ้าน ไม่เหมือนคู่ “ชาย-วิกกี้” ถึงขั้นต้องลงปฏิทิน จนต้องเคลียร์ใจสามี ไล่มิคไปทำหมัน หวั่นไม่จบแค่ลูก 3 แต่อีกฝ่ายสวน ทำการบ้านก่อนไหม
กลับมารับงานพิธีกรเต็มตัวแล้ว หลังหายไปทำหน้าที่แม่ สำหรับ “เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา” ล่าสุดในงานบวงสรวงรายการ เกมรับจำนำ ณ สตูดิโอ JSL ลาดพร้าว 107 เบนซ์ก็อัปเดตชีวิตหลากหลายเรื่องราว ทั้งการกลับมาฟิต ลดหุ่น รวมทั้งการเปิดอกเคลียร์ “มิค บรมวุฒิ หิรัญยัษฐิติ” อย่างจริงจังเรื่องไม่อยากทำการบ้าน ประกาศขอปิดอู่ ไล่สามีไปทำหมัน
“ตอนนี้ก็ลูก 3 ค่ะ (หัวเราะ) ต้องบอกว่าอยู่แต่บ้าน แทบจะไม่ได้ทำงานเลย คือทำน้อยมาก อาจจะโผล่มารับอีเวนต์นิดหน่อย และทำพิธีกรแว๊บๆ ค่ะ แต่อันนี้จะเป็นการกลับมาทำงานแบบเต็มตัวจริงๆ ครั้งแรกหลังจากที่หยุดมานานมากแล้วค่ะ จริงๆ เบนซ์มีทำรายการ ใครเบอร์หนึ่ง ของทางทีวีธันเดอร์ แต่ตอนนั้นทำแค่ไม่กี่เทปแล้วก็ท้องน้องเปรม (หัวเราะ) ก็เลยหยุดไปค่ะ และอันนี้จะเป็นการกลับมาทำแบบเต็มตัวอีกครั้งนึง และคิดว่าน่าจะเป็นรายการที่เห็นตัวเราเยอะมากๆ เพราะเขาก็ค่อนข้างอยากให้เป็นตัวเอง สบายๆ สนุกสนานค่ะ ถ้าตอนนั้นที่ทำรายการ ใครเบอร์หนึ่ง ตั้งแต่ยังไม่ท้องเปรมก็ประมาณ 2 ปีกว่าค่ะ”
ลั่นที่ผ่านมาสมองไม่สั่งงาน รู้ว่าตัวเองจัดรายการยังไม่สนุก แต่ครั้งนี้รู้สึกว่าพร้อมขึ้น
“จริงๆ อยากทำพิธีกรอยู่แล้วนะคะ แต่คิดว่าร่างกายและสมองและความสนุกสนานมันยังไม่กลับมา เหมือนตอนที่ทำรายการใครเบอร์หนึ่ง เขาให้ทำเทปเดโมก่อน ก็คือลองถ่ายไว้ก่อนว่าจะเป็นยังไง พอถ่ายเสร็จกลับขึ้นมาบนรถนี่คือนั่งร้องไห้เลยนะ (หัวเราะ) บอกพี่มิคว่าให้เขาจ้างคนอื่นเถอะ เพราะรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้ ทำได้ไม่ดีเหมือนสมองยังไม่สั่งงาน คือรู้ตัวเองเลยว่าไม่สนุก แววตามันยังไม่สดใส และน่าจะยังมีฮอร์โมนความเป็นแม่เยอะ และตอนนั้นยังต้องให้นม และเพิ่งจะเริ่มท้องอีกทีนึง มันหลายอย่าง
เบนซ์ก็อธิบายไม่ถูก มันจะเนือยๆ ช้าๆ สมองสั่งงานยังไม่ค่อยโอเค เลยบอกพี่มิคว่าให้บอกเขาว่าหาคนอื่นได้ไหมก่อนที่จะถ่ายจริง รู้สึกไม่สบายใจ แต่พี่มิคเขาก็ให้กำลังใจ บอกว่าต้องทำได้สิเราเคยทำได้นะ เราหยุดไปแค่ 4 ปีเอง มันอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว และทำกับมิคด้วยนะ เราจะได้ทำด้วยกันเลย เราก็ลองดูก็ได้ ก็พยายามทำเต็มที่ แต่รู้ตัวว่าทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ คือปกติจะร่าเริงกว่านั้น แต่ในรายการรู้เลยว่าจะช้าๆ เบาๆ พี่มิคถามอะไรมาก็จะงงๆ (หัวเราะ) ตอนนั้นก็เลยรู้สึกว่ายังไม่โอเค และท้องพอดีด้วยก็เลยหยุดไป
แต่รายการนี้เบนซ์รู้สึกว่าตัวเองพร้อมมากขึ้น เพราะหยุดให้นมมาสักพักนึงแล้ว และรู้สึกว่าตัวเองตลก สนุกขึ้น เริ่มกลับมาเป็นตัวเองเยอะขึ้นแล้ว พอรายการนี้ติดต่อมาก็เลยรู้สึกว่าต้องทำงานแล้วล่ะ และยิ่งเป็นรายชื่อว่า เกมรับจำนำ เลยรู้สึกว่ารายการนี้แมสแน่นอน ซึ่งมันเหมาะกับเรา เราเป็นคนง่ายๆ บ้านๆ ก็รู้สึกว่าใช่เลย คืออยากทำอะไรที่มันเป็นตัวเอง สบายๆ เฮฮา สนุกสนาน และทำกับพี่เอ ไชยา มิตรชัย ก็คือจบเลย เพราะสนิทกันมากอยู่แล้ว กลับมาก็ได้เจอพี่ที่รักมายืนอยู่ข้างๆ มีคนช่วยเราแน่นอน (หัวเราะ) ก็เห็นภาพว่ารายการนี้ต้องสนุกแน่นอน”
สามีไม่ห้าม เพราะรู้ว่าตนเลือกงาน อึดอัดใจจะไม่ทำ
“พี่มิคไม่ห้ามอยู่แล้ว เพราะเขารู้ว่าเบนซ์เรื่องเยอะกว่าเขา (หัวเราะ) คิดจะรับอะไรทีก็จะคิดเยอะ กลัวว่าจะทำได้ไม่ดี กลัวว่าจะไม่เหมาะ จริงๆ เบนซ์เป็นคนเลือกงานเหมือนกันนะ ต้องดูว่าอะไรที่เหมาะกับเราเท่านั้นถึงจะทำ อะไรที่ทำแล้วคิดว่าฝืนใจตัวเอง ไปแล้วไม่สบายใจ มันอึดอัดใจก็จะไม่ทำอยู่แล้วตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นพี่มิคก็จะไม่ห่วงเลยเรื่องการรับงานของเรา เขาก็จะปล่อยที่เราสบายใจ”
ยังไม่รับละครไปอีกยาวๆ
“ถามว่ากลับมารับงานไหม ถ้าเป็นพิธีกร เป็นแขกก็อาจจะไป แต่ถ้าละครอาจจะอีกสักพักนึงค่ะ เพราะละครมันต้องใช้เวลา บางทีบางเรื่องเป็นปี แล้วเราก็จะรู้สึกว่าเมื่อไหร่จะเสร็จ เมื่อไหร่จะกลับบ้าน เราก็จะกังวลเป็นห่วงลูก มันต้องใช้คิวเยอะ และที่สำคัญเราก็คงไม่ได้ไปเล่นละครแนวตลกเนอะ เราคงได้รับบทแบบซีเรียสจริงจัง โมโห ร้องไห้ เราก็เลยคิดว่าเอาแบบเฮฮาดีกว่า คือทำงานแล้วได้รอยยิ้มกลับบ้าน ลูกดูเราในทีวีแล้วเขามีความสุข ไม่อยากให้เห็นภาพว่าแม่ยืนโมโหอยู่ (หัวเราะ) ก็เลยคิดว่าเวลาก็ยาก บทแต่ละบทก็น่าจะไม่ง่ายสำหรับเรา ละครก็เลยคิดว่าน่าจะต้องพักไปก่อนยาวๆ ดีกว่า ขอรับงานแบบกำหนดเวลาได้ และมีรอยยิ้มน่าจะดีสุดค่ะ
ส่วนพิธีกรก็มีติดต่อมาเหมือนกันค่ะ จะบอกว่าไม่รับก็ไม่ใช่ แต่จะบอกเขาว่าอยากให้มันพร้อมกว่านี้ และเลิกเวลานี้ได้ไหม บางรายการอาจจะบอกว่า 2 ทุ่มไม่ไหว อาจจะสัก 5 ทุ่ม แต่เราก็ไม่ไหวเหมือนกัน คือต้องคุยกันให้รู้เรื่องแต่แรกเนอะ ไม่อยากตกลงรับแล้วไปบอกเขาว่า 2 ทุ่มเราต้องกลับ มันก็จะไม่สบายใจทั้งสองฝ่าย ส่วนใหญ่จะติดเรื่องเวลาแหละ เพราะเวลาที่เบนซ์ไม่อยู่ลูกจะนอนยาก เพราะลูกจะติดเราเวลานอน
ละครก็มีติดต่อมาหลายเรื่องนะเอาจริงๆ (หัวเราะ) แต่ไม่พร้อมเลยค่ะ เพราะเบนซ์ก็กลัว และไม่อยากกลับไปแบบรับเชิญนิดหน่อย ถ้าเล่นก็คือเล่นเลย เพราะเราก็คิดถึง ไม่อยากไป 2 ฉากแล้วมันคาใจ ยังอยากเล่นอยู่ ก็เลยรู้สึกว่ารออีกสักพักนึง ให้ลูกเข้าโรงเรียนให้เรียบร้อยแล้วค่อยเล่นดีกว่า”
ห่วงลูกคนเล็ก อยากให้มีเวลาอยู่กับตนเหมือนลูกอีก 2 คน
“จริงๆ ก็ห่วงทุกคนค่ะ เพราะด้วยความที่เราอยู่กับลูก ลูกก็จะติดเรา และเขาจะนอนยากถ้าแม่ไม่อยู่ก็จะมีปัญหาเยอะหน่อย ถ้ากลางวันอาจจะไม่เป็นไร แต่กับเปรม เบนซ์อยากให้เขาได้เต็มเหมือนกับพี่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะรู้สึกว่าทำไมพี่เขาได้แล้วเราไม่ได้ ความรู้สึกเด็กก็จะผูกพันกับแม่น้อยกว่า คือเบนซ์อาจจะเป็นคนเชื่อว่าแม่จะต้องอยู่กับลูกจนถึง 5 ขวบ (หัวเราะ) มันเป็นอะไรสักอย่างที่เราอาจจะจำไม่ได้นะ แต่มันเป็นความผูกพันอะไรไม่รู้ที่เราอยากให้ลูกได้รับตรงนี้ให้เต็มๆ ก่อน และพอถึงเวลาที่เขาไปเรียนเขาก็จะเข้าใจว่าเวลานี้เราต้องไปทำอันนี้ แต่ตอนนี้เขายังอยากได้แม่อยู่”
ทิ้งละครไม่ได้แน่นอน
“ไม่ทิ้งหรอก ทิ้งไม่ได้หรอก วงการนี้เราก็คิดถึง เราก็ยังอยากกลับมาเล่นละคร เวลาเห็นบทดีๆ ก็อยากเล่น บทนี้ดีจังเลย ถ้าเราอยู่เราคงได้เล่นบทนี้เนอะ ก็ยังคิดถึงอยู่นะ แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ยังห่วงลูกอยู่ค่ะ”
กลับมามีชีวิตชีวาเพราะอยากผอม สวย แต่งตัวง่ายขึ้น
“เบนซ์เริ่มจากเรื่องการแต่งตัวก่อนเลย เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้ดูอะไรที่แต่งตัวเลย ก็คือใส่เสื้อให้นม กางเกงขาสั้น อย่างมากก็กางเกง หน้าก็ไม่แต่ง ไม่ซื้อเครื่องสำอางเลย ผมบางทีหงอกเต็มหัวไปหมด คือเรารู้สึกว่ามันไม่ต้องทำอะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย ทำให้ลูกอย่างเดียว มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ คือรู้สึกว่าตอนนั้นมันไม่ใช่เวลาของเรา แต่มันต้องให้ลูกทั้งหมด พอหยุดให้นมไปสักพักนึงถึงจะเริ่มรู้สึกอยากแต่งตัว
นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เบนซ์ซื้อเสื้อผ้า และมันไม่มีไซส์ ฉันตูด 42 แต่ที่เขามีอยู่คือ 38 อะไรแบบนี้ คือซื้อเสื้อไซส์ปกติมันไม่โอเค และคิดว่าถ้ากลับมาทำงานต้องมีปัญหากับพี่เสื้อผ้าแน่นอน เขาก็ต้องไปยืมเสื้อผ้าตามแบรนด์ต่างๆ แต่มันไม่มีไซส์เรา เบนซ์ก็เริ่มเข้าใจว่ามันเครียดแล้วล่ะ และพอเริ่มอยากสวย มันก็จะมีแรงบันดาลใจบางอย่างที่แบบเอาวะ จะผอมแล้วโว้ย จะต้องใส่ชุดนี้ให้ได้ ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมคนเขาถึงลดความอ้วนกันได้ และเราก็เริ่มอยากกลับมาทำงานจริงๆ ให้เวลายืนข้างๆ คนอื่นและไม่ทำให้รู้สึกว่าเราตัวใหญ่มาก ก็เลยตั้งใจจะลด แต่มันก็ไม่ได้ง่ายนะ เพราะเราลดมาเยอะแล้วจาก 87 แล้วก็ลงมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ 58 แต่มันก็ยังไม่พอ เพราะเบนซ์ขึ้นเยอะมาก ยิ่งพอเราอายุ 40 ไปแล้ว มีลูกแล้ว ความที่ตัวใหญ่มันลดยาก และมันจะค้างคา มันก็จะไม่ค่อยลง
ซึ่งพี่มิคเป็นคนมีวินัย พอพูดว่าลดน้ำหนักปุ๊บ เขาเข้ายิมเลย เขาลงไป 10 กิโล และจริงๆ พี่มิคเขาอยากลดอยู่แล้ว และเบนซ์ก็อยากลดตั้งนานแล้วแหละ แต่ลดไม่ลง (หัวเราะ) แต่พี่มิคพอเขาเห็นเบนซ์ตั้งใจ เขาก็เลยทำให้ดูว่ามันลดได้นะ เขาก็คอยช่วย แต่มันเป็นวิธีที่เราไม่ชอบ เบนซ์ไม่ชอบวิ่ง คือที่บ้านก็จะมีลู่วิ่ง และมีดัมเบลอะไรของเขา ก็ไปเดิน ไปวิ่งได้ แต่เขามีวินัยไง ตื่นแต่เช้าก็ไปเดิน เขาไม่วิ่งนะ เขาบอกหัวใจทำงานหนักไป ก็เดินให้เหงื่อออกพอ อย่าเหนื่อยเกินไป เขาก็บอกให้เบนซ์เดินสิ ไม่ชอบวิ่งก็เดิน แต่เบนซ์เวลาที่ต้องอยู่กับที่ หันไปไม่เจอใคร มันไม่มีความสุข ทำไม่ได้ ทุกวันนี้มันยังบ่นเบนซ์อยู่เลยนะ แต่เราไม่ชอบไง เราเป็นแนวไปแอโรบิก ไปพิลาทิส โยคะ เป็นโรคไม่ชอบทำอะไรคนเดียว ถ้าให้วิ่งบนลู่เนี่ยแป๊บเดียวก็ไม่เอาแล้ว
แต่ก็พยายามทานอาหารช่วงเวลาที่โอเค เบนซ์กินเช้าหลังส่งลูกไปโรงเรียน แล้วก็ยาวมาตอนช่วงบ่ายสองครึ่งช่วงไปรับปรางกลับจากโรงเรียน เบนซ์ก็จะกินช่วงนี้อัดเข้าไปเลย พอตอนเย็นก็ไม่กินแล้ว อย่างมากก็ผลไม้หรือน้ำเต้าหู้เข้าไปหน่อยนึง แล้วก็นอน ซึ่งมันก็ช่วยได้เลยเพราะเราไม่ได้กินช่วงเย็นแล้ว ไม่ได้กินหนักแล้ว แต่สมัยก่อนคือกิน 2-3 ทุ่มแล้วก็นอน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผอม แต่พอทำแบบนี้มาสักพักมันก็ช่วย และถ้าออกกำลังกายมันก็น่าจะดีกว่า (หัวเราะ)”
สามีอยากให้แข็งแรงไปด้วยกัน ลดน้ำหนักเพื่อลูก
“นางก็แฮปปี้ แต่นางก็อยากให้เราไม่ได้ตายเร็ว คืออยากให้แข็งแรงด้วย ไม่ใช่ว่า 50 มึงตามลูกไม่ไหวแล้วเหรอ กูแก่ไปเลย คือมันก็ไม่โอเค นางก็อยากให้แบบว่าถ้าลูกไปเล่นโรเลอร์เบลด ก็กรุณาไปเล่นกับลูกด้วยได้ไหม คือเขาก็อยากให้เราแข็งแรง ไม่ใช่ไม่มีแรงวิ่ง ลุกเดินก็จะไม่ไหวอะไรแบบนั้น นางอยากให้รู้สึกว่าลูกยังเล็กอยู่เลย ก็อยากให้เราดูแลตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อลูกนะ เขาก็พยายามบิวต์ให้เราตั้งใจลด และให้เราแข็งแรงด้วย ก็ตั้งใจจะทำแล้วนะ (หัวเราะ) เดี๋ยวรอลูกเปิดเทอมก่อน ตอนนี้ลูกปิดเทอม ก็ให้เวลาอยู่กับลูกเต็มๆ พอลูกเปิดเทอมก็จะไปออกกำลังกายจริงจัง”
สงสารสามี ที่ตนเยิน ไม่แต่งหน้า เป็นอาม่าที่ไม่ดูแลตัวเอง แต่ตอนนี้สดใส แฮปปี้มาก
“เบนซ์ว่าเขาแฮปปี้ที่เบนซ์แฮปปี้ เพราะก่อนหน้านี้ผู้หญิงพอมันไม่แต่งตัว หน้าก็ไม่แต่ง เยิน มันคืออาเจ็ก อาม่าที่ไม่ดูแลตัวเอง แล้วอิเมียคนที่เคยสวยมันไปไหนแล้ววะ (หัวเราะ) ก็สงสารนางอยู่นะ ตอนจีบก็ว่าสวย แต่ตอนนี้ทำไมมึงเป็นอย่างนี้วะ ก็เข้าใจเลยว่าตรรกะนี้คือเรื่องจริงเราต้องดูแลตัวเอง พอฮอร์โมนตรงนั้นมันหายไป เราก็เริ่มสนุกขึ้น ชวนเขาไปทำนั่นทำนี่ คือเริ่มกลับไปเป็นเหมือนเดิม เริ่มต่อล้อต่อเถียง เริ่มเล่นมุกตลก พูดทะลึ่ง นางก็จะขำ บอกว่าเอาอิตัวนี้กลับมาได้ไหม (ยิ้ม) ก็จริง เพราะตรงนี้เราหายไปเลย เพราะเมื่อก่อนเบนซ์ก็ตลกลามกทะลึ่งเล่นกันอยู่สองคน เขาก็จะเฮฮา ทุกอย่างมันก็ดี และพอเห็นเขามีความสุข ลูกแฮปปี้ด้วย เราก็สดใส ชีวิตมันก็ดีจริง เบนซ์ว่าองค์ประกอบโดยรวมมันทำให้เราดูสดใส มันช่วยเยอะเลยแหละ”
ความกุ๊กกิ๊กสามีภรรยาเหลือศูนย์ ไม่เหมือนคู่ “ชาย-วิกกี้” ที่ถึงขั้นต้องลงปฏิทิน
“สะกิดไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นะ (หัวเราะ) เคยพูดกับพี่มิคว่าไม่รู้ว่าตอนที่หมอผ่าคลอด หมอเอาต่อมไปด้วยหรือเปล่า เพราะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ (หัวเราะ) สงสารนางแต่อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกัน ได้สนใจเขา อันนี้สำคัญนะ เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยพูดกับเบนซ์ว่าเขาเหมือนเป็นธาตุอากาศอยู่ในบ้าน นางน่าสงสาร เรามัวแต่มองลูก นางก็น้อยใจ บอกว่ามิคจะไม่คุยด้วยแล้วนะ มิคจะไปคุยกับคนอื่นแล้วนะถ้ามิคมีปัญหา ห้ามโกรธนะ เพราะยูไม่ฟัง เพราะไม่เห็นเขาเลย เราก็รู้สึกแย่นะ แต่ก็อธิบายกับเขาว่าก็ทำหน้าที่แม่อยู่ไง แต่พี่มิคเป็นคนโอเคคนนึงเลย ต้องบอกว่าเป็นพ่อที่ดีคนนึงเลยที่เข้าใจว่าโดยธรรมชาติเราไม่ใช่คนแบบนั้น เขาก็รอนะ”
ความกุ๊กกิ๊กสามีภรรยาไม่มีเลย ศูนย์ คือตอนนี้เบนซ์จะเริ่มแหย่เขาแล้ว ถึงจะไม่ได้ทำการบ้าน แต่ก็จะแหย่นาง คือทำให้มันตลกๆ เบนซ์ว่าแค่นี้มันก็ดีแล้วนะเราก็ให้ความสนใจเขาเยอะขึ้น ล่าสุดไปดูหนังกัน 6 ปีไม่ได้ดูหนังกันเลยตั้งแต่คลอด เพิ่งไปดูหนังครั้งแรกด้วยกันสองคน ปกติไม่เคยไปไหนเลย กินข้าวยังไม่เคยไปกันเลยสองคน แต่ปริมร้องไห้จะเป็นจะตาย เหมือนแม่ออกไปแล้วจะไม่กลับมา (หัวเราะ) ก็ต้องบอกเขาว่า ปริม แม่ไปดูหนังเดี๋ยวก็กลับมาแล้วลูก พ่อก็เครียด คือเขาก็จะรู้สึกว่าเราไม่ได้ทำอะไรกันเลยจนลูกรู้สึกว่าเราไปไหนด้วยกันไม่ได้อีกแล้ว เราทำอะไรแล้วเหมือนเป็นความผิด เราก็เลยบอกว่าไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าเราจะไปก็ต้องไป แล้วเดี๋ยวเขาก็จะเข้าใจเองว่ามันเป็นเวลาที่พ่อแม่ต้องอยู่ด้วยกันบ้างนะ แค่นี้นางก็แฮปปี้แล้ว ยอมออกไปดูหนัง ยอมทิ้งลูกไปด้วย คือเขาก็จะรู้สึกว่าได้ทำอะไรที่เขาอยากทำบ้าง เบนซ์ก็รู้สึกว่าดีนะ เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนเบนซ์จะไม่ไป (หัวเราะ) คือไปทำไม อยู่กับลูก ยูก็ไปคนเดียวก็ได้หรือไม่ก็ไปดูกับคนอื่นไปอะไรแบบนี้”
เรื่องกุ๊กกิ๊กของสามีภรรยามันก็สำคัญ อย่างคู่พี่ชาย (ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ) กับวิกกี้ (สุนิสา เจทท์) เขาถึงขั้นลงปฎิทิน อันนั้นเขาก็สวีตจริง แต่ของเราไม่มี (หัวเราะ) พี่มิคเขาก็มีมาคุยแหละ เบนซ์แค่รู้สึกว่าบ้านเบนซ์มันไม่มีจังหวะที่สามารถจะทำอะไรได้เลย มันเป็นบ้านที่คือห้องนอนแล้วห้องรับแขกเลย ทำอะไรไม่สะดวกเลยค่ะ เพราะเสียงลูกก็อยู่ใกล้ๆ ไม่มีความพอดี (หัวเราะ) รู้สึกว่าไม่มีความสบายใจเลยที่จะทำอะไร แต่ก็คุยกันนะ ก็บอกเขา พี่มิคเขาก็โอเคนะ ความรู้สึกเขาคือแค่ให้คุยกับเขา สนใจเขา รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้นะ ถามเขาหน่อยว่าเหนื่อยไหม กินอะไรไหม พี่มิคเขาก็โอเคอยู่”
ต้องเปิดอกคุยกันจริงจัง
“มีค่ะ พี่มิคซีเรียสเลย คุยจริงจังเลยว่าถ้าไม่มีโอเคจะต้องให้ทำยังไง แล้วถ้าพ่อออกไปข้างนอก พ่อไปคุยกับคนอื่นได้ไหมอะไรแบบนี้เบนซ์ก็สงสารเขานะ เราก็คุยกันจริงจังเลยว่า พ่อเข้าใจใช่ไหมว่ามันเป็นแบบนี้ เขาก็บอกว่า พ่อเข้าใจ แต่พ่อไม่เข้าใจ (ยิ้ม) คือเขาเข้าใจในส่วนนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เหมือนเดิม เราก็เข้าใจเขาทุกอย่างเลย ก็คุยกันจริงจังว่ามันเป็นอย่างนี้ๆ แต่บ้านเบนซ์ดีอย่างคือคุยแล้วเคลียร์ คุยกันแล้วจบ”
เชื่อมิครักลูกมากพอที่จะไม่นอกใจ
“เอาจริงๆ ไม่หวั่นเลย เพราะเบนซ์ว่าเขารักลูกมากพอที่เขาจะไม่ทำอะไร คือเบนซ์รู้จักพี่มิคนะ พี่มิคเป็นคนที่รักครอบครัวและเขาก็รักลูก เบนซ์คิดว่าเขารู้แหละว่าอะไรทำได้ไม่ได้ และถ้ามันไม่โอเคก็คุยกัน เบนซ์เป็นอย่างนี้ประจำ ถ้าอันไหนที่เบนซ์รู้สึกว่ามันไม่โอเค ก็จะคุยเลย ซึ่งมันเป็นเรื่องดีบ้านเราไม่ค่อยตีกัน จะคุยกันแล้วเข้าใจ ก็คุยกันรู้เรื่องค่ะ รอไปก่อน (หัวเราะ)”
ไล่มิคไปทำหมัน เพราะติดง่ายมาก อยากจบแค่ลูก 3 คน แต่มิคบอกให้ตนได้ทำการบ้านก่อนไหม
“อยากให้จบมากเลยเนี่ย เบนซ์บอกให้เขาไปทำหมันนะ เพราะเราติดง่ายมาก ก็ไปทำหมันซะเพื่อความปลอดภัย พี่มิคพูดว่าก่อนจะให้กูไปทำหมัน มึงให้กูทำการบ้านก่อนไหม (หัวเราะ)มึงข้ามตรงนั้นไปเพื่อ คือมึงไม่มีวันมีลูกโอเคไหม จบนะ ไม่ต้องทำหมัน คุยกันก็นั่งหัวเราะกันอยู่สองคน ตกลงต้องทำหรือไม่ต้องทำก็คุยกันอยู่สองคน จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำหมันเลย คุยกันอยู่ว่ารอตอนไหนดีถึงจะไปทำได้ (หัวเราะ)
ก็ปิดอู่เถอะ 3 คนก็ไม่ไหวแล้ว ไม่มีตังค์จะเลี้ยงลูกแล้ว ถ้าท้องอีกต้องหยุดงานอีกนะ ก็ทำงานหาเงินก่อน ถ้าท้องอีกก็หยุดอีกยาวเลย คงไม่มีแล้วแหละ พอก่อน (หัวเราะ)”