“โบ TK” เตรียมมีคอนเสิร์ตยุค 90 ขออุบไว้แถลงข่าวเดือนหน้า บอกไม่รู้ยังเต้นได้ไหม แต่คิดว่าไหวแค่ไม่ฟิตเท่าเดิม เดินสยามทำใหม่แล้วคิดถึงอดีต ดีใจที่ยังเป็นศูนย์รวมวัยรุ่นอยู่ อะไรเปลี่ยนแต่หน้าไม่เปลี่ยน เพราะดูแลตัวเองหนักมาก รัก 11 ปีหวานฉ่ำจนเพื่อนรำคาญ แต่ตอนแต่งแรกๆ เกือบไปกันไม่รอด ย้ำเจตนารมณ์เดิมคือไม่อยากมีลูก
เรียกว่ายังหน้าเด็กเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน สำหรับไอดอลยุค 90 อย่าง “โบ TK” สุรัตนาวี ภัทรานุกุล ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีๆ ก็ยังดูดีเหมือนสต๊าฟไว้ ล่าสุดวันนี้ (6 ก.ค.) ได้เจอเจ้าตัว ที่มาร่วมเป็นพิธีกร ในงานแถลงข่าว พิธีเปิดศูนย์ทันตกรรม โรงพยาบาลนครธน ก็เลยแอบกระซิบขอเคล็ดลับการดูแลตัวเองกันสักหน่อย เพื่อจะได้ไปทำตามบ้าง
“วันนี้มาเป็นพิธีกร พอดีก็มีความสัมพันธ์สนิทอยู่กับพี่ทางนครธน ก็เลยรับหน้าที่เป็นพิธีกรให้ค่ะ คือโบไม่ได้เป็นพิธีกรอาชีพอยู่แล้ว แต่มีใครที่อยากได้จริงๆ สนิทจริงๆ ก็ถึงจะมาค่ะ ส่วนมากจะอยู่หลังไมค์เป็นดีเจอะไรแบบนี้มากกว่าค่ะ ถนัดกว่า”
เตรียมมีคอนเสิร์ตใหญ่ ขออุบไว้แถลงข่าวเดือนหน้า
“เดี๋ยวจะมีคอนเสิร์ตค่ะ แค่ด้วยว่าเราไม่ได้ร้องบ่อย ถ้ามีเป็นอีเวนต์ที่เกี่ยวกับเพลงที่เราร้อง เพลงยุค 90 เป็นคอนเสิร์ตมารวมตัวกันอะไรแบบนี้ ได้ไปแน่นอน ไปในนาม TK แน่นอน ถามว่าจะเต้นไหวไหม ก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้เต้นมา 2 ปีกว่าแล้ว (หัวเราะ) เดี๋ยวพอใกล้ๆ อาจจะต้องมีการนัดซ้อมกับพวกครูค่ะ แต่ละคนก็ต้องดูแลตัวเองนะ เพราะอายุก็เยอะ (หัวเราะ) คิดว่าไหวแต่อาจจะไม่ได้ฟิตเท่าเดิม มันด้วยวัยเนอะ อาจจะไม่ได้ส้นเข็มมาเดินแล้ว เรื่องท่าเต้นอย่างเพลง ผ้าเช็ดหน้า มันเป็นความทรงจำไปแล้ว เพลงมามันก็ได้แล้ว คงไม่ลืมเพราะอยากจะขึ้นคอนเสิร์ตเหมือนกัน รอว่าเมื่อไหร่จะมีธีมที่เป็นเพลงเต้นๆ ยุค 90
เอาจริงๆ ไม่ได้ร้องเลย (หัวเราะ) หายไปเลย 2 ปีค่ะ แต่ยังจำเนื้อเพลงได้ไม่มีปัญหา (คอนเสิร์ตที่เราพูดถึงจะเป็นคอนเสิร์ตใหญ่?) ใช่ค่ะ เดี๋ยวคงจะมีแถลงข่าวเดือนหน้า โบยังไม่พูดแล้วกันนะ (หัวเราะ)”
สยามทำใหม่เปลี่ยนไปเยอะ แต่มันเริ่ดมาก
“จริงๆ โบไปตลอดอยู่แล้ว เพราะทำผมที่สยามมาตั้งแต่เด็ก ก็ยังทำอยู่ที่ร้านเดิม เราก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลง ย้ายตึกนี้ ตุบตึกนั้น เราเห็นการเปลี่ยนแปลงมาเป็นระยะเลย แต่ใครที่ไม่เคยไปสักระยะ 2-3 ปีนี้ แนะนำเลยควรไปเดินสยามมากๆ ที่จอดรถเยอะ มีวงดนตรีที่เป็นเด็กนักเรียนมาร้องเพลงเต็มเลย ไปดูแล้วมันเริ่ดมาก”
ไปแล้วคิดถึงความทรงจำเก่าๆ สมัยมีน้ำพุเซ็นเตอร์พอยท์
“ตอนนั้นไม่ได้เดินเล่นเลย เพราะไปแต่ไปทำงาน แต่ก่อนที่เราจะทำงาน มันก็เป็นบรรยากาศคล้ายๆ อย่างนี้ บางทีเดินผ่านก็เอ๊ะ…น้ำพุเซ็นเตอร์พอยท์อยู่ตรงไหน ออฟฟิศเก่าเราอยู่ตรงไหน หาไม่เจอแล้ว รู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของเราแล้ว แต่พอไปสนุกกับน้องๆ มันก็สนุกไปอีกแบบ ก็จะคิดถึงความทรงจำ ว่ามันผ่านไปแล้วเนาะ อารมณ์คนแก่นิดหนึ่ง (หัวเราะ) ก็ตามวัย ได้เห็นคนรุ่นใหม่มาแสดงออกแบบสร้างสรรค์ ก็เป็นความแฮปปี้ ประทับใจที่สยามยังคงเป็นศูนย์กลางของเยาวชนวัยรุ่น เห็นแล้วก็ดีใจ”
อะไรเปลี่ยนแต่หน้าไม่เปลี่ยน เพราะพยายามดูแลตัวเองหนักมาก เป็นคนกลัวแก่มาตั้งแต่เด็กๆ
“ก็พยายามค่ะ (หัวเราะ) ก็สู้อยู่เหมือนกัน แต่ชีวิตสู้กลับมาก ถ้าไม่ใส่หน้ากากก็นิดหนึ่งเหมือนกัน แต่ก็ดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ตอนเด็กๆ เป็นคนกลัวแก่มากนะ ก็จะมีวิธีการดูแลตัวเอง ดาราทุกคนก็เป็นแหละ แต่ทุกวันนี้ไม่กลัวแล้ว เพราะว่าแก่แล้ว (หัวเราะ) รู้แล้วว่ามันต้องไปตามวัย ถ้าเราไปฝืนมันมากมันก็ไม่ดี คงไปไม่ถึงเกาหลีค่ะ คลินิกอยู่ตรงชิดลม ไปได้ง่ายๆ เลย (หัวเราะ) จริงๆ มีคุณหมอที่ดูแลอยู่ตั้งแต่เด็กแล้ว
ที่ตอนเด็กๆ กลัวแก่ ก็คงเป็นอารมณ์วัยรุ่น กลัวแก่ กลัวเหี่ยว แต่พอมันมาแล้วก็อ๋อ…มันเป็นอย่างนี้ที่เอง แต่ก่อนเห็นคุณแม่ ตายแล้วแม่อย่าดูนะ เห็นคุณแม่มีตีนกาเยอะๆ แล้วเขาก็ชอบทำคิ้วขมวด โบก็เลยจะแบบ ฉันจะเป็นคนอารมณ์ดี ไม่คิ้วขมวด เดี๋ยวจะดูแก่อะไรแบบนี้ มันก็เป็นเทคนิคของเราตั้งแต่เด็ก”
คนทักตลอดว่าหน้าเหมือนเดิม
“ก็บอกแล้วว่าพยายาม (หัวเราะ) ก็ทำทุกอย่างอย่างที่ทุกคนทำ เพียงแต่ว่าไม่ได้ไปทำอะไรให้มันเปลี่ยนแปลง คือดูแลให้มันสะอาดสะอ้าน บำรุง ทำเลเซอร์”
อวดสามีรัก สามีหลงมาก
“สามีรักหลงมากไม่ต้องห่วง เขาก็เริ่มบอกว่าหน้าเขาล้ำโบไปแล้ว ที่จริงเขาอายุน้อยกว่า แต่หลายคนคิดว่าเขาเป็นรุ่นพี่ เราก็ดีใจ (หัวเราะ) แต่เขาไม่ชอบอะไร เขาเป็นแบบแมนมากๆ จริงๆ อยากให้เขาทำบ้าง เพราะเดี๋ยวนี้ผู้ชายก็ดูแลตัวเองได้ แต่เขาอาจจะเป็นผู้ชายยุคเก่ามั้ง อยากที่จะมีริ้วรอยเยอะๆ”
แต่งงาน 11 ยังหวานฉ่ำ จนเพื่อนรำคาญ เผยความลับไม่เคยเล่า ตอนแต่งงานใหม่ๆ เกือบไปกันไม่รอด
“11 ปีค่ะ หวานมาก บางทีเพื่อนก็รำคาญ (หัวเราะ) เพื่อนบอกอะไรหนักหนา แต่ปีสองปีแรกปัญหาเยอะนะ แต่งงานแรกๆ เกือบไม่รอดเหมือนกัน อันนี้ก็คือไม่ได้บอกใครนะ เขาก็งงว่าทำไมเราเป็นแบบนี้ เราก็งงว่าทำไมการอยู่กัน 24 ชั่วโมง มันไม่ได้แฮปปี้เหมือนที่เราคิด แต่มันก็ไม่ถึงกับอยากเลิก แต่ว่ามันเหนื่อย มันพยายามทั้งคู่ พอมันปรับกันได้ ใช้ความรักนำ มันก็ค่อยๆ เปลี่ยน เข้าใจกันและกัน เข้าใจความแตกต่าง ว่าคุณไม่ต้องเข้าใจฉันร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ได้ แต่ว่าก็รักกันเยอะๆ
อยู่กันมานานแต่ไม่ได้กลายเป็นเพื่อน ที่อาจจะละเลยการแสดงความรัก
“เราไม่ค่อยมีความเป็นเพื่อนกัน เรารู้จักกันมา 14 ปี เราเห็นตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย ว่าเขาเป็นยังไง เราก็เห็นว่าเขาอยากที่จะเป็นอะไร เป้าหมายชีวิตต่างคนต่างเป็นยังไง พอมารู้จักกันมากๆ มันจะซัปพอร์ตกัน พอมันไปในทิศทางเดียวกันแล้ว บ้านมันเข้มแข็งแล้ว คราวนี้มันสบายแล้ว ไปข้างนอกก็ไม่มีปัญหาอะไร คนที่อยู่กันไปนานๆ แล้วกลายเป็นเหมือนเพื่อนกันไปแล้ว ก็ต้องดูว่าเพื่อนของเขาหมายความว่าอะไร เพื่อนคู่คิดหรือยังไง แต่อย่างเราพอเราไม่มีลูก เราก็ใช้เวลาทุ่มเทกับเขา เขาก็ใช้เวลากับเรา มันก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไร เวลาแสดงความรักต่อหน้าคนอื่น เราไม่เขินเลย แต่เขาอาจจะรำคาญเรา (หัวเราะ)”
เรื่องลูกยังเป็นเจตนารมณ์เดิมคือไม่อยากมี
“ใช่ค่ะ เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนใจ เพราะตอนนี้ก็ไม่ไหวแล้วล่ะ (หัวเราะ) ไม่มีความคิดเลย อาจจะเป็นเพราะอยู่โบสถ์ ได้ดูแลคริสตจักรเด็ก ซึ่งก็จะมีลูกๆ หลายคน บางคนก็เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว พ่อเลี้ยงเดี่ยว เราก็ช่วยเขาดูแล ตั้งแต่ป้อนข้าวอุ้มกินนม มันมีประสบการณ์กับเด็ก แล้วยิ่งดีเพราะเราไม่ต้องเลี้ยงไง สุดท้ายแล้วก็พ่อแม่เลี้ยง เราแค่เล่น พอโตเริ่มโตไม่เล่นกับเรา เราก็หาเด็กคนใหม่ก็ได้ (หัวเราะ) เราได้เห็นเขาเติบโตก็แฮปปี้ค่ะ คือเราสองคนก็ไม่ได้ชอบเด็กอะไรขนาดนั้น ก็ถือว่าได้มีประสบการณ์ ยิ่งมั่นใจว่าคิดถูก (หัวเราะ)”
