xs
xsm
sm
md
lg

ชีวิตทีละสเต็ปของ "ไรอัล กาจบัณฑิต" (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"นักร้องเป็นสิ่งที่ชอบ การเป็นศิลปินสิ่งที่ฝัน แต่อนาคตมันไม่แน่ไม่นอน ก็ต้องโฟกัสเรื่องเรียนไปด้วยครับ"

กลายเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตาในวงการเพลงลูกทุ่งบ้านเราไปแล้วสำหรับนักร้องหนุ่มวัย 19 ปี "ไรอัล กาจบัณฑิต จำปาศิลป์"

เมื่อเจ้าตัวได้สร้างสถิติด้วยการเป็นแชมป์ประกวดร้องเพลงในรายการ "ไมค์หมดหนี้" ทางช่องเวิร์คพอยท์ยาวนานถึง 200 สมัย

ไม่เพียงแค่ความสามารถในการร้องเพลงเท่านั้นที่สมควรได้รับคำชื่นชม หากแต่แนวคิดและมุมมองของเด็กหนุ่มคนนี้ก็เป็นอะไรที่น่าชื่นชมไม่น้อยเช่นกัน



วัยเด็ก

"เป็นเด็กเฟรนด์ลีครับ แต่ว่าขี้อายไม่ค่อยแสดงออก คนจะรู้ว่าผมร้องเพลงได้ก็จะมีแค่เพื่อนสนิทตอนประถมประมาณสองสามคน คือตอนนั้นเพื่อนก็จะบอกว่าเราร้องเพลงนะ เพราะแต่เราก็ไม่รู้ว่าร้องเพราะคืออะไร เพราะเราได้ยินยังไงก็ร้องไปแบบนั้น แต่เวลากลับมาบ้านก็จะไม่ค่อยแสดงออกให้พ่อแม่รู้ว่าร้องเพลงได้"

เด็กหนุ่มย้อนถึงชีวิตวัยเด็กก่อนเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่บิดารู้ว่าตนเองชอบร้องเพลงและร้องเพลงได้ทำให้หันมาสนับสนุนอย่างจริงจัง และนั่นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นนักร้องเดินสายประกวดในวัยสิบขวบกว่าๆ

"คุณพ่อจะคอยสอนแบบเป็นสเต็ปๆ จากให้ร้องคลอๆ ไปกับต้นฉบับ ร้องไปเรื่อยๆ ให้เมโลดี้ทุกอย่างเหมือนเค้า แต่ว่าไม่ต้องร้องใช้เสียงตามเค้า ใช้เสียงของเรา ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ยากมากๆ เพราะส่วนใหญ่เราจะรู้สึกว่าเสียงออกมาอย่างไรเราก็อยากให้เหมือนของเค้า เพราะในมายเซ็ทคือให้ร้องตาม เราก็พยายามทำให้เหมือน"

"ซ้อมเยอะมั้ย ซ้อมทุกวันครับ แต่วันละไม่มากมาย เพราะเราไม่ได้ประกวดหลายเพลง เพลงละประมาณสามรอบ แต่เรายังเป็นเด็กวัยรุ่น ขี้เกียจ ความเบื่อ กลับจากโรงเรียนเหนื่อย บางทีก็ไม่อยากซ้อม แต่ก็ต้องทำเพื่อผลงานได้เงินมาใช้ จนมันเป็นความเคยชินถ้าไม่ได้ซ้อมแล้วรู้สึกแปลกๆ"



หลังเดินสายประกวดในหลากเวที หลายรายการ ทั้ง Masterkey เวทีแจ้งเกิด ลูกทุ่งน็อคเอาท์ ศึกวันดวลเพลง นักสู้ลูกทุ่ง กิ๊กดู๋ สงครามเพลง ฯลฯ สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจเข้าร่วมประกวดรายการไมค์หมดหนี้ เพราะอยากจะหาเงินไปใช้หนี้ให้ครอบครัวจำนวน 1 แสนบาท เนื่องจากแม่ตกงานช่วงโควิดและรายได้จากบิดาในการขับมอไซต์รับจ้าง 6-7 ร้อยบาทต่อวันนั้นไม่พอใช้

โดยในการแข่งขันครั้งแรกเขาต้องแข่งกับคู่แข่งขันที่เป็นแชมป์ 28 สมัย ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่ากดดันมากๆ ไหนจะเรื่องของความยังไม่คุ้นชินเวที ไหนจะเรื่องที่คู่แข่งที่เป็นเพื่อนที่เคยเดินสายประกวดกันมาก่อน

"สมัยเดินสายประกวดก็รู้จักเพื่อนๆ คือการประกวดแข่งกันเป็นความเคยชินที่ต้องเจอกันอยู่แล้ว แต่พอมาเจอในไมค์หมดหนี้เรารู้สึกว่าไม่อยากไปขัดขวางการเดินทางความฝันของเพื่อน เพราะว่าตอนนั้นเพื่อนก็เดินทางมาไกลมากแล้ว แต่ว่ามันก็จำเป็นที่จะต้องแข่งกัน"

"ไม่ได้มั่นใจว่าจะชนะ เพราะผมก็แพ้มาบ่อยมากๆ เหมือนกัน แต่พอร้องแล้วกรรมการชมเราก็รู้สึกว่าน่าจะ...ซึ่งพอชนะเพื่อนก็ยินดีนะ เพราะเค้าก็มาไกลเหมือนกัน"

แม้จะสามารถเอาชนะคู่แข่งมาได้แต่ตอนนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้ฝันไกลเกินกว่าที่ตนเองตั้งเป้าไว้นั่นคือหาเงินใช้หนี้ โดยไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายทั้งหมดจะคือแรงผลักดันและจุดเริ่มต้นของฝันที่ยิ่งใหญ่กว่าสำหรับเด็กวัย 19 คนนี้

"หลังได้แชมป์ดีใจมากๆ แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรเยอะ คิดแค่ว่าตอนนั้นขอแค่ชนะสัก 10 แมทช์ได้เงินปลดหนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ไกลเท่าไหร่ ก็ฝันแค่นั้น พอได้สมัยที่ 10 เหมือนเงินจะยังไม่พอ ตอนนั้นก็ตั้งเป้าหมายใหม่ มาปลดหนี้ได้ก็น่าจะสมัยที่ 15 ตอนนั้นดีใจมาก"

"ความรู้สึกมันเปลี่ยนเลย โล่งมากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลังอะไรมากมายเหมือนตอนที่เป็นหนี้อยู่ เหมือนทำอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่ต้องเครียดแล้ว"


มาไกลเกินฝัน

เมื่อความกดดันหายไป ดูเหมือนทุกอย่างก็ลงตัวจากแชมป์ 10 สมัย, 20 สมัย หลายสิบสมัยไปไกลถึงหลักร้อย ชนิดที่เจ้าตัวยอมรับว่าหลังๆ ไปแข่งขันโดยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการประกวดแข่งขันไปแล้ว

"หลังๆ เริ่มมองเป็นหน้าที่แล้วครับ คือเป็นเหมือนกับเรามาร้องเพื่อที่จะปรับในสิ่งที่เราขาดมากกว่า เพราะว่าหลังๆ มาเริ่มชินกับสถานที่ ชินกับผู้คน ก็เลยไม่รู้สึกว่ามันตื่นเต้นอะไรมากมาย เราจะโฟกัสอย่างเดียวว่าวันนี้เราจะโดนติอะไร แล้วเราก็ไปปรับปรุง เพื่อที่ว่ารอบต่อไปคำติคำนี้จะหายไป"

"คือไม่ได้คิดว่าเราจะเอาชนะได้ทุกคนนะ แต่ส่วนใหญ่จะมาคิดว่าเราจะพลาดมั้ย จะสำลักน้ำลายมั้ย ลืมเนื้อมั้ยจะพะวงเรื่องนี้มากกว่าว่าเราจะทำได้ดีแค่ไหน"

"คู่แข่งที่น่ากลัวหลายๆ คน เลยครับ โดยเฉพาะหนึ่งถ้าเป็นคนที่เรารู้จักเคยแข่งกันมา สองก็เป็นคนที่มีเรื่องราวชีวิตน่าสงสารจริงๆ รู้สึกใจอ่อน ตรงนี้มีบ้าง คือเราก็แบบพะวง ใจมันฝ่อ บางทีก็ไม่อยากแข่ง แต่ว่าการแข่งขันก็ต้องเป็นไปตามการแข่งขัน เราไม่สามารถที่จะไปเปลี่ยนอะไรได้"

จากเงินหลักแสนที่ต้องการ สุดท้ายเจ้าตัวสามารถคว้าเงินรางวัลจากการประกวดร้องเพลงเวทีนี้ไปถึง 5,436,889 บาท (ไม่นับรวมที่เขายกให้กับคู่แข่งอีกทั้งหมด 1,406,377 บาท) กับการครองแชมป์ 200 สมัย แต่ที่มากกว่านั้นก็คือการที่เจ้าตัวได้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องในสังกัดยุ้งข้าว เรคคอร์ด นั่นเอง

"เรื่องสละแชมป์มีมาในหัวนานแล้วครับ แต่ว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ก็ประมาณแชมป์ที่ 100 ครับ ตอนนั้นที่คิดก็เพราะว่าเหมือนกับเราคว้าโอกาสมาหลายๆ อย่าง เราก็อยากให้คนอื่นสัมผัสตรงนี้บ้าง แต่ว่าคือเอาจริงๆ มันเป็นเรื่องของกฏกาลเวลามากกว่า สิ่งที่ใช่คือจะเดินต่อไป"

"จริงๆ ก็ไม่ได้ไปไหนไกลเลย เหมือนกับอัพเกรดการทำงานให้เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง แม้จะไม่ได้มาร้องเพลงแข่งขันในรายการแล้วแต่ก็ยังมีอย่างอื่นให้ทำแทนครับ"


อนาคต?

หากใครที่ได้ติดตามการร้องเพลงของเด็กหนุ่มคนนี้หลายคนต่างบอกเหมือนกันว่าเจ้าตัวนั้นมีเสียงที่ละม้ายคล้ายกับยอดนักร้องลูกทุ่งอย่าง "ยอดรัก สลักใจ" ไม่น้อย ซึ่งทางด้าน "ไรอัล" เองก็เผยว่าแม้ตนจะชื่นชอบสุดยอดศิลปินคนนี้และเคยประกวดเงาเสียงมาแล้ว แต่โดยส่วนตัวแล้วตนคิดว่าไม่เหมือนเท่าไหร่

"แต่ผมว่าฟังแล้วไม่เหมือนเท่าไหร่ คือเทียบไม่ติดเลยเอาง่ายๆ แต่ว่าเราเหมือนมีเค้าเป็นครูในการร้องเพลง ผมชอบฟังเค้าแล้วเก็บเอามาสอดใส่ในเสียงของตัวเอง ก็ชอบหลายเพลง อย่างเพลงโปรดตอนนี้ชอบเพลงเปลี่ยนรักเปลี่ยนรส รู้สึกฟังแล้วเพลงนี้สบาย ชิลๆ เพลงมันเศร้า แต่อารมณ์ฟังแล้วมันเพลิน"

ทำไมชอบเพลงลูกทุ่งรุ่นเก่าๆ?..."ผมว่าฟังแล้วมันอินน่ะครับ อาจจะเกิดไม่ทันในยุคที่ต้องเปิดฟังวิทยุ เพราะเกิดมาก็มีเอ็มวี มียูทูบให้ดูแล้ว ซึ่งบรรยากาศมันต่างกัน แต่ว่าเคยไปนั่งร้านอาหารที่แบบอยู่กลางทุ่งนา แล้วเค้าเปิดเพลงลูกทุ่งคือเรารู้สึกดีมาก มองซ้ายมองขวาเจอทุ่งนา แล้วบรรยากาศมันก็ยิ่งรู้สึกเป็นธรรมชาติมาก"

จากนักร้องเดินสายกลายมาเป็นนักร้องมีสังกัดเด็กหนุ่มเผยว่าทุกอย่างมันมาไกลจากสิ่งที่ฝันไว้จริงๆ ส่วนเรื่องอนาคตเจ้าตัวระบุว่าไม่อยากมองไปไกล ตอนนี้ตั้งเป้าเก็บเงินสร้างบ้านให้พ่อแม่ก่อนแล้วจากนั้นค่อยว่ากันอีกทีแต่อย่างไรเสียเขาก็ยืนยันว่าจะไม่ทิ้งการเรียนแน่นอน

"ผมเรียนคณะวิทยาศาสตร์วิทยาการคอมพิวเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ครับ ตอนนั้นเลือกเรียนเพราะมองอนาคตว่าเราต้องใช้เทคโนโลยี...ก็ไม่ทิ้งการเรียนแน่นอนครับ นักร้องเป็นสิ่งที่ชอบ การเป็นศิลปินสิ่งที่ฝัน แต่อนาคตมันไม่แน่ไม่นอนก็ต้องโฟกัสเรื่องเรียนไปด้วย"

"ถ้าถามถึงชีวิตตอนนี้มันเกินฝันมากๆ เลยครับ จากเด็กสายประกวดคนนึงที่หวังว่าสักวันเราจะมีเพลงเป็นของตัวเองแล้วก็ได้มาเป็นศิลปิน คือมันเป็นความฝันของเด็กทุกคนที่เดินสายประกวดแล้ว แต่ผมมองว่ามันแล้วแต่ช่วงเวลาและโอกาสด้วย อย่างผมก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ เพราะตอนแรกก็คิดแค่มาปลดหนี้ให้ครอบครัวแค่นั้นเอง"

"อนาคตไม่ได้มองไกลมากเลยครับ ตอนนี้อากเก็บเงินซื้อบ้านให้ครอบครัว พอตอนนั้นสำเร็จแล้วค่อยว่ากันเราต้องการอะไร อยากทำอะไร แต่ก็เคยคิดเล่นๆ เหมือนกันว่า ถ้าอายุสัก 30-40 อยากไปนั่งเป็นคอมเมนเตอร์บ้าง เพราะเห็นเค้าวิจารณ์แล้วชอบ(หัวเราะ)"



กำลังโหลดความคิดเห็น