“บุ๋ม ปนัดดา” มองประเด็น “จุ๊บแจง” ถอนตัวประกวดมิสยูนิเวิร์สเพราะผิดระเบียบรับราชการครู ลั่นเป็นกฎที่ควรจะเปลี่ยนได้แล้วยันควรจะเคารพสิทธิส่วนบุคคลบ้าง เพราะครูก็เป็นคน ถ้าไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสียหรือผิดกฎของสถานศึกษานั้นๆ ก็ควรจะมีสิทธิทำได้
หลังจากที่เกิดกรณีของ “จุ๊บแจง กนกวรรณ ชูสุข” ครูสาวที่เข้าประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 ต้องสละสิทธิถอนตัวจากการประกวดแบบกะทันหัน เพราะถือว่าผิดกฎของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ออกกฎว่าห้ามครูสตรีเข้าประกวดนางงาม ซึ่งเป็นกฎที่ตั้งแต่เมื่อปี 2506 ก็เลยเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ล่าสุด “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ในฐานะที่เป็นอดีตนางสาวไทย และเคยเป็นอาจารย์เช่นกัน จึงได้ออกมาเผยความรู้สึกถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องที่เซนซิทีฟมาก และควรจะเปลี่ยนกฎเก่าๆ ให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปได้แล้ว
“มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเซนซิทีฟนะคะ และเป็นประเด็นที่พูดคุยกันมานาน และจริงๆ แล้วปีที่บุ๋มประกวดมันไม่มีชุดว่ายน้ำบนเวที มันก็เลยยังมีข้อยกเว้นแบบที่พอจะคุยกันได้มั้ง เขาก็คงจะรู้สึกว่ามันก็คงจะไม่ได้แรงมากขนาดนั้นมั้ง เพราะไม่มีชุดว่ายน้ำบนเวที แต่มีใส่ให้กรรมการดู ตอนรอบต่างหากในห้อง เพื่อเขาจะได้ดูผิวของเราว่ามีผิวแตกลายมั้ยอะไรมั้ย"
"แต่ในส่วนของการประกวดบุ๋มว่า คือในความรู้สึกบุ๋ม ยุคสมัยมันก็เปลี่ยนไปแล้ว และที่สำคัญคือครูเองถ้าเขาจัดการเรื่องของเวลา คือเข้าใจว่าไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็ตาม แต่ถ้ามันเสียเวลางาน เราต้องขาดลางานโดยที่ไม่สามารถลาได้ อันนั้นถือว่าผิดกฎอยู่แล้ว อันนั้นถือว่าคุณต้องจัดการตัวเองให้ได้ ไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็ตาม ยิ่งเป็นระบบราชการอันนี้เราเข้าใจ อาจจะเป็นข้อที่ทำให้ทางต้นสังกัดเขาติงหรือว่ามาได้"
กฏเก่าควรเปลี่ยนได้แล้ว..."แต่ด้วยกฎระเบียบของการเป็นครู และกฎนี้มันมีมานานแล้วตั้งแต่สมัยพ.ศ.2506 ก่อนบุ๋มจะเกิดอีก คือมันควรจะปรับได้แล้ว เพราะยุคสมัยมันเปลี่ยน และควรเคารพสิทธิส่วนบุคคล คือถ้าเขาจัดการตัวเองได้โดยไม่ได้เสียเวลางาน และทำตามความฝัน โดยไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ คือเขาไม่ได้ใส่ชุดว่ายน้ำไปสอนหนังสือ หรือเอาไปโพสต์อะไรที่มันดูยั่วยวนจนเกินงาม หรือทำให้มันเสื่อมเสียหรือโพสต์อะไร"
"แต่นี่คือการประกวดที่เขามีสิทธิที่เขาจะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยด้วยซ้ำไป บุ๋มว่ามันควรจะเปลี่ยนได้แล้ว ครูก็คนนะ ควรมีชีวิตส่วนตัวนะ แม้กระทั่งเรื่องใส่ชุดว่ายน้ำไปเที่ยวทะเลหรืออะไรก็ตาม ครูก็คน เพียงแต่ว่าไม่ได้โพสต์ทะลึ่งตึงตัง หยาบคายจนเกินงาม บุ๋มเข้าใจคำว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนอื่น อันนี้เข้าใจ แต่บางทีมันต้องเปลี่ยนไปตามยุคบ้างค่ะ”
บอกครูไม่จำเป็นต้องเสียสละทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตส่วนตัว
“ความเป็นครูในยุคสมัยนี้ ถามว่าขอบเขตควรอยู่ขนาดไหน ก็อาจจะต้องมีความน่าเชื่อถือมากกว่าอาชีพอื่น อันนี้เป็นเรื่องที่เราเข้าใจได้ ความน่าเชื่อถือ ความน่าเกรงใจมากกว่าอาชีพอื่น แต่ครูไม่ใช่ว่าจะต้องเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตส่วนตัว นี่ความรู้สึกบุ๋มนะ เพราะถ้าแม้กระทั่งชีวิตส่วนตัวของตัวเองก็ยังไม่มีเนี่ย บุ๋มว่าไม่ใช่"
"ทุกคนสามารถมีความฝัน มีชีวิตส่วนตัวของตัวเองได้ เพียงแต่ว่าเรายังอาจจะอยู่ในยุคการผสมผสานของคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าที่ยังไม่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนได้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ทันที นี่ก็อาจจะเป็นประเด็นและการเปิดประเด็นได้ ก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับน้องจุ๊บแจงด้วยค่ะ"
"ถ้ามองถึงการผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงเนี่ย บุ๋มมองว่าเป็นเรื่องของกฎการกระทรวงที่เขาต้องคุยกันได้แล้ว อะไรที่มันล้าหลัง อย่างเช่นตอนนั้นที่บุ๋มทำกฎหมายข่มขืน นั่นมัน 33 ปีเลยนะที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง นานมาก บุ๋มยังตกใจเลย พอมาศึกษาเรื่องนี้จริงจัง ว่าทำไมมันยังแค่ 8,000 บาทเอง ข่มขืนทั้งที ทำไมมันน้อยจังเลย"
"ยิ่งพอมานั่งศึกษามัน 33 ปีที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย มันก็ต้องมีคนที่ลุกขึ้นสู้ และต้องทำตรงนี้ให้มันเปลี่ยนแปลงและปรับให้มันทันสมัยขึ้น ถ้าไม่มีประเด็นบางทีก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรค่ะ ประเทศไทยเรามักจะเป็นอย่างนี้”
บอกควรจะไปดูครูที่ประพฤติตัวไม่ดีต่อนักเรียน ดีกว่าจะมาจับจุดยิบๆ ย่อยๆ
“เรื่องที่ครูมาเล่นติ๊กต๊อกแล้วโดนวิจารณ์ อันนี้บุ๋มก็เห็นคุณครูหลายคนมาเล่นกับเด็ก ชวนเด็กเฮฮา แล้วเด็กรู้สึกรักคุณครูด้วยซ้ำไป แล้วเขาก็รู้สึกอยากมีส่วนร่วม อยากไปเรียน บุ๋มว่าเดี๋ยวนี้ยุคมันเปลี่ยนไปแล้ว มองที่ความตั้งใจ มองที่ผลงานมากกว่ามองแค่การกระทำอยู่ไม่กี่อย่าง แล้วเอามาตัดสินคนทั้งคน บุ๋มว่ามันไม่ถูกต้อง ถ้าดูที่ผลงาน เขาทำงานได้ดี สอนหนังสือเด็กได้ดี ทำไมไม่มองในจุดนั้น มากกว่ามองในจุดยิบๆ ย่อยๆ"
"กับครูบางคนที่เอาแต่ประพฤติตัวดี แต่ขอโทษ ไม่เคยใส่ใจนักเรียน แถมมีเวลาเด็กมีปัญหา ล่าสุดผอ.บอกว่าข่มขืนไม่เป็นไร เดี๋ยวหยวนๆ กันไป ไม่อยากให้เป็นข่าว เพื่อให้ภาพตัวเองดูสวยงาม แต่ไม่เคยปกป้องนักเรียนอะไรได้เลย บุ๋มว่าอย่างนั้นไม่ใช่ครูมากกว่า ก็ควรจะมองเป็นเรื่องๆ ไป แต่ถ้ามองเรื่องความเหมาะสม อย่างเช่นถ้าจะให้แต่งตัวเซ็กซี่ไปเลย บุ๋มก็เข้าใจในประเด็นนั้นนะ เพียงแต่มันก็ต้องมองตามยุคตามสมัย แต่เรื่องบางเรื่องมันก็ควรมีความเป็นส่วนตัวกันบ้าง ความเหมาะสมกันบ้างในส่วนนี้ค่ะ"
บอกกฎจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จนกว่าจะมีคนเดินเข้าไปยื่นเรื่อง
“ถ้าต่อไปจะมีครูประกวดนางงามอีก ถ้าไม่ขัดกับเวลางาน บุ๋มว่าเขาก็ประกวดได้ แต่บุ๋มว่าตอนนี้มันยังเปลี่ยนไม่ได้ เพราะมันไม่ได้เปลี่ยนที่กฎ ก็คงจะต้องมีคนเดินเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ว่ากฎข้อนี้เปลี่ยนมั้ย เขาอาจจะไม่ได้ดู เพราะอาจจะงานยุ่ง หรือทำแต่เรื่องนู้นเรื่องนี้ โดยที่ไม่ได้มานั่งดูรายละเอียดเรื่องการประกวดหรืออะไรอย่างนี้"
"ถ้าถามว่ามันจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้มั้ยสำหรับกฎเก่าๆ เปลี่ยนได้นะ แต่ต้องมีคนยื่นเรื่องเข้าไป ถ้าเอาแต่ด่ากันในโซเชียล เหมือนเมื่อก่อนอย่างที่บอกว่า ข่มขืนเลว มันควรตาย ข่มขืนเท่ากับประหาร หรืออะไรต่างๆ แต่ถ้าด่ากันแค่ในโซเชียล โดยที่ไม่เดินเข้าไปเพื่อเปลี่ยนกฎของเขา ไม่มีใครเดินเข้าไปเหมือนที่บุ๋มเคยเดินตอนนั้น มันก็ไม่เปลี่ยนค่ะ มันก็จะเหมือนเดิมค่ะ"
"หลังๆ นี้ข่าวเกี่ยวกับครูค่อนข้างเยอะ ถ้าถามว่าบุ๋มรู้สึกยังไง มันต้องดูว่าเป็นข่าวไหน ข่าวที่ครูให้กำลังใจนักเรียน หรือล่าสุดที่มีในคลิปติ๊กต๊อกที่ครูปลอบนักเรียนที่อกหัก บอกว่าไม่เป็นไร ลบเฟซแฟนด้วยกัน อันนั้นน่ารักนะ แต่ถ้าข่าวที่มีครูตามจีบนักเรียน ลวนลามหรือส่งข้อความอะไรแบบนั้น อันนั้นบุ๋มก็ไม่เห็นด้วยตั้งแต่ยุคไหนๆ แล้ว”