“อิ๋งอ้อย” และน้องสาว เผย “อิ๋งอิ๋ง สิทธิณี” สู้มะเร็งไม่ไหว จากไปอย่างสงบ ไม่ทรุนทุราย ช่วงนาทีสุดท้ายไม่ทันได้ดูใจ แต่มีสัญญาณการจากไป ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ครอบครัวทำใจไว้แล้ว ส่วนสมบัติที่มีเยอะมากถึงขนาดสร้างวัดได้นั้น น้องๆ ไม่มีใครเอาสักคน เล็งนำสมบัติไปบริจาคทั้งหมด ด้านสามีที่บอกว่ากลับมาคืนดี แต่ก็ไม่ได้กลับมาดูแล ส่วนร่างกายคงบริจาคไม่ได้แล้ว เพราะเชื้อมะเร็งไปหมดทั้งร่าง ให้ใครก็ไม่มีประโยชน์ ระงับการทำงานของบริษัทอิ๋งอิ๋งทั้งหมด เตรียมตั้งมูลนิธิช่วยศาสนาสานต่อเจตนารมณ์ต่อไป
จากไปอย่างสงบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (2 ก.ค.65) สำหรับอดีตพิธีกรชื่อดังยุค 90 “อิ๋งอิ๋ง สิทธิณี กิตติสิทโธ” ด้วยวัย 57 ปี หลังจากรักษาตัวด้วยอาการป่วยโรคมะเร็งมายาวนานกว่า 4 ปี ซึ่งในช่วงมกราคม 2565 อิ๋งอิ๋งได้ออกมาตัดพ้อในเฟซบุ๊กยอมรับว่าชีวิตอยู่ในช่วงย่ำแย่ เจอมรสุมรอบด้าน ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ช้ำใจสามีหมดรัก แอบนอกใจไปมีหญิงอื่น ต่อมาช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อิ๋งอิ๋ง ได้เผยในรายการคุยแซ่บShow ว่าตนนั้นคืนดีกับสามีเก่าแล้ว และต้องรักษาอาการป่วยต่อเนื่อง
เช้าวันนี้ 2 ก.ค. 65 “อิ๋งอ้อย สิทธิวดี กิตติสิทโธ” น้องสาวของอิ๋งอิ๋ง ได้แจ้งข่าวเศร้าผ่านเฟซบุ๊ก Kattydoll Youn ระบุว่า “เช้าตรู่วันนี้ 2 กค.2565 พี่อิ๋งอิ๋งได้ออกเดินทางสู่ภพภูมิใหม่ ขอให้บุญกุศลทั้งหมดที่พี่อิ๋งอิ๋งเคยได้กระทำมาได้น้อมนำดวงจิตพี่สาวสุดที่รักไปสู่สุคติ ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่มอบให้แก่น้องๆ และครอบครัว ด้วยรักและอาลัยสุดหัวใจ #ครอบครัวกิตติสิทโธ”
โดยร่างของ อิ๋งอิ๋ง ได้เคลื่อนย้ายจากโรงพยาบาลรามาธิบดีมาถึงวัดเวลา 14.35 น. และรอทำพิธีรดน้ำศพในเวลา 16.00น. ที่ศาลาบำเพ็ญกุศล(ศาลาใหญ่) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร พิธีสวดพระอภิธรรมมีขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 กรกฎาคม 2565 เวลา 17.00น. ของทุกคืน และจะมีพิธีฌาปนกิจ 5 กรกฎาคม 2565 เวลา 16.00น.
ต่อมา “อิ๋งอ้อย สิทธิวดี” และ “อุ๊อู๋ สิทธิภาณี กิตติสิทโธ” ได้เปิดใจต่อสื่อมวลชน โดยยืนยันว่าไม่เอาทรัพย์สินพี่สาว ที่มีเยอะมากถึงขนาดสร้างวัดได้ แต่จะนำไปบริจาคทั้งหมด
อิ๋งอ้อย : “เมื่อเช้าเวลา 06.13 น. พี่อิ๋งค่อยๆ ดาวน์ลง เหมือนระบบร่างกายชัตดาวน์หยุดหายใจลงไปเอง พี่อิ๋งเข้า รพ.ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. เขาปิดไม่อยากให้น้องตกใจ พอเรารู้ก็ไปหาเขาที่ รพ.รามาฯ เขายังพูดได้ ทุกอย่างตอบรับ อาทิตย์ถัดมาคุณหมอบอกว่าอยากให้มาเซ็นเอกสารฉบับหนึ่งที่ รพ.ให้เซ็นว่าหนึ่งไม่ปั๊มหัวใจ และไม่ใส่ท่อไม่ทำอะไรเลย เรายังรู้สึกว่าพี่อิ๋งยังตอบรับได้ดีอยู่เลย
พอเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ระบบร่างกายพี่อิ๋งเริ่มไม่ตอบรับ ถามอะไรก็เริ่มไม่ตอบรับถามพี่อิ๋งว่ารู้สึกไหมว่าระบบการตอบรับช้าลงแต่เขาก็ยังตอบรับเราได้ แต่พอหลังจากวันที่ 20 ถามอะไรพี่อิ๋งไม่ตอบรับแล้ว เมื่อสองวันที่แล้วสงสารเขาที่สุดเพราะว่ามือเขาไม่สามารถคอนโทรลอะไรได้เลยมือคว้าสายออกซิเจนและกระชากออกบอกว่าไม่เอาแล้ว จากที่พูดไม่ได้ เขาก็กระชากออกสายออกซิเจนออกและพูดว่าไม่เอาแล้ว
พี่อิ๋งเป็นคนที่ทำบุญเยอะมาก วันสุดท้ายก่อนที่พี่หญิงจะไม่รู้เรื่องมีพระที่พี่อิ๋งนับถือจากภูทับเบิกขึ้นมาทำฟันที่กรุงเทพฯ เราก็โทร.หาครูบาขอให้ท่านมาหาพี่อิ๋งซึ่งวันนั้นเป็นวันที่พี่อิ๋งไม่รู้สึกตัวแล้ว ตอนที่ท่านมาก็บอกพี่เองว่าครูบามา ณ ขณะนั้นพี่อิ๋งก็ยกมือไหว้และบอกสาธุ”
ยันแม้อิ๋งอิ๋งบอกว่าบริจาคร่างกายไปแล้ว แต่มะเร็งได้แทรกเข้าไปหมดแล้ว ให้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สามารถบริจาคได้
อิ๋งอ้อย : “ตอนที่อยู่โรงพยาบาลก็ได้ถามว่าพี่อิ๋งอยากทำอะไรไหมถ้ามีอะไรให้บอกอ้อยได้เลยเดี๋ยวจะทำให้เขาบอกว่าเขาจะจัดการเองไม่เป็นไร ก่อนหน้านั้นเขาบอกว่าไม่อยากให้จัดงานศพ เพราะไม่อยากให้ใครมาร้องไห้ และบริจาคร่างกายไปแล้ว แต่ด้วยร่างกายของพี่อิ๋ง เชื้อมะเร็งเป็นไปหมดแล้วดังนั้นร่างกายไม่สามารถบริจาคให้ใครได้ ตอนที่พี่เองยังนอนรักษาตัวอยู่ต้องเจาะน้ำออกจากปอด แต่ล่าสุดคุณหมอบอกว่าตอนนี้มะเร็งได้แทรกเข้าไปหมดแล้ว ร่างกายให้ไปก็ไม่มีประโยชน์”
สู้มะเร็งตลอด 3 ปี แต่สุดท้ายก็สู้ไม่ไหว
อิ๋งอ้อย : “เมื่อสามปีที่แล้วหลังจากนั้นทำคีโม 24 ครั้ง เขาต่อสู้กับมะเร็งมาเกินสามปีเพราะตอนที่เขารู้ว่าเขาเป็นมะเร็งคือระยะที่สองแล้ว จากนั้นเขาก็สู้มาโดยตลอด แต่ครั้งหลังเขาสู้ไม่ไหวเขาจะเข้ามาให้คีโมแต่เม็ดเลือดขาวต่ำมากและไม่สามารถทำคีโมได้ต้องให้เลือดเพิ่ม พอให้เลือดเพิ่มพี่อิ๋งก็ไม่สู้แล้ว”
บอกถ้าเหนื่อยขอให้พัก จะจัดการทุกอย่างให้เอง แต่ยันไม่เอาสมบัติพี่สาว จะนำทรัพย์สินที่มีมากถึงขนาดสามารถสร้างวัดได้ไปบริจาคทั้งหมด
อิ๋งอ้อย : พี่อิ๋งถ้าเหนื่อยก็พัก พี่อิ๋งไม่สู้ก็ไม่เป็นไร ที่เหลืออ้อยกับน้องสาวจัดการให้เองไม่ว่าบริษัทหรือสิ่งต่างๆ ของพี่อิ๋ง เราคุยกันไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าทรัพย์สมบัติของพี่อิ๋งทั้งหมดอ้อยถามน้องสาวว่าเอาไหมอ้อยก็บอกว่าอ้อยไม่เอา เราทั้งสองคนเลยคุยกันว่าทรัพย์สมบัติของพี่อิ๋งทั้งหมดหลังจากที่เคลียร์ทุกอย่างเราจะบริจาคทั้งหมด เราได้ถามพี่อิ๋งก่อนหน้านี้ว่าเอาวัดไหม เพราะว่าเงินของพี่หญิงทรัพย์สมบัติทั้งหมดสามารถสร้างวัดได้เลยสิ่งที่พี่อิ๋งห่วงที่สุดตอนนี้คือห่วงแมวทั้งสี่ตัว
พี่อิ๋งเคยพูดว่าเขาจะยกสมบัติทั้งหมดให้กับลูกอ้อยแต่อ้อยบอกว่าอ้อยไม่รับ เนื่องจากเรามีมือมีเท้ามีสมองทำไมเราต้องจ้องที่จะเอาแต่สมบัติเขาและก็ไม่ภาคภูมิใจเลย”
ที่ผ่านมาครอบครัวช่วยซัปพอร์ต แต่พี่สาวเป็นคนที่มีโลกส่วนตัว ชอบหนีกลับบ้าน
อิ๋งอ้อย : “ทางครอบครัวเป็นคนซัปพอร์ต มีอยู่ช่วงหนึ่งพาพี่หญิงไปอยู่กับอ้อยที่บ้านแต่เขาก็หนีกลับบ้านเขาบอกมีโลกส่วนตัวเขาบอกกับญาติว่าเขาคิดถึงแมว เขาเป็นผู้หญิงที่สตรองมากนาทีสุดท้ายเขาเจ็บ เขาก็ไม่ร้องเลย ไม่มี ร้องเจ็บโอดโอยเหมือนคนที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย”
ยืนยันไม่เคยทะเลาะกับพี่ คาดออกสื่อเพราะน้อยใจ
อิ๋งอ้อย : “พี่อิ๋งเคยบอกว่าทะเลาะกับอ้อย ต้องบอกว่าอ้อยกับพี่อิ๋งเราเป็นพี่น้องคลานตามกันมาเวลาเราเห็นพี่เจ็บพี่ล้มทำไมเราจะไม่ซัปพอร์ต แม้กระทั่งวันที่เขามีปัญหา พี่อิ๋งจะกลับไปอยู่คนเดียวเราก็บอกว่าไม่ได้ ต้องดึงมาอยู่กับเราเขาก็มาได้แป๊บ ๆ ก็กลับไปอยู่คนเดียวแหละก็บอกกับญาติๆ ว่าสงสารแมวคิดถึงแมว
ถามว่าทำไมพี่พูดแบบนั้น แกน้อยใจ แกคุยกับเราแล้วเราก็บอกแกว่าพี่อิ๋งความสุขสุดท้ายของพี่อิ๋งคิดเลย เพราะนาทีนี้เวลาพี่อิ๋งเหลือน้อย ให้ไปคิดให้ดีๆ อะไรที่มีความสุข อยากทำอะไรพี่ทำเลย ความสุขของพี่อยู่ตรงไหนไปตรงนั้น”
ย้ำสามีไม่ได้กลับมาดูแล คบกันเหมือนกิ๊ก ไม่ได้เข้ามาอยู่ในบ้าน แม้แต่นาทีสุดท้าย ก็ไม่ได้มา
อิ๋งอ้อย : “ก็ไม่ได้กลับมาดูแลนะคะ เหมือนเขาบอกว่าเขาคบกันเป็นกิ๊กเฉยๆ กลับมาก็เจอกัน ออกไปทานข้าว พี่อิ๋งก็ดูแลตัวเอง เขาไม่ได้เข้ามาอยู่ในบ้าน นาทีสุดท้ายของพี่อิ๋งจนวันนี้ แม้กระทั่้งพิธีนำศพ แต่งหน้าศพก็พี่น้องนี่แหละ ส่วนวันอื่นๆ เขาจะมาไหมก็แล้วแต่เขา ตรงนี้เราทำให้พี่สาวเราอย่างดีที่สุด ส่งเขาให้มีความสุขที่สุด”
ไม่ได้โกรธฝ่ายชาย มันคือความสุขของพี่สาว
อิ๋งอ้อย : “ไม่ได้โกรธ เขาโตแล้ว มันคือความสุขของเขา ทุกคนมีครอบครัวแยกกันไป เรารู้ความสุขของเราอยู่ที่ไหน ความสุขของพี่อิ๋งอยู่ตรงไหนพี่อิ๋งทำเลย”
บอกการได้ทำหน้าที่พิธีกรเป็นความสุขที่สุดของพี่อิ๋งอิ๋ง
อิ๋งอ้อย : “ทำค่ะ อย่างลงเสียงพี่อิ๋งลงไม่ไหว เลยบอกว่าเสียงอ้อยคล้ายกับพี่เดี๋ยวอ้อยลงให้ เราก็ไปนั่งลงเสียงให้เขา การเป็นพิธีกรเป็นความสุขของเขาที่สุดเลย รายการโชคดีนาทีทองเป็นรายการที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตเขา เขาเคยบอกว่าในช่วงชีวิตการเป็นพิธีกรของเขา รายการโชคดีนาทีทองเป็นช่วงแห่งความสุขของเขาเขา เป็นสิ่งที่ทำให้วันนี้เขายังสู้อยู่ เขาบอกเลยว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเขาจะมาลงเสียงเอง เดี๋ยวเขาจะไปหาลูกค้าเอง
ตอนนี้ยังมีรายการสั้นที่แกยังทำอยู่ รายการคนไทยไม่ใส่จริต เขาเป็นคนที่ทำนุบำรุงศาสนา บางครั้งในเนื้อรายการไม่ได้มีสปอนเซอร์ซัปพอร์ต แต่แกก็ทำ เพื่อให้คนดูบริจาคมาช่วยเหลือวัด”
ไม่เคยลดเงินเดือนพนักงาน แม้เจอสถานการณ์โควิด
อิ๋งอ้อย : “มีลูกค้าที่อยากจะให้ทำ เราก็ดูอยู่ว่าเราจะสานต่อได้ยังไงบ้าง เพราะตัวอ้อยเองก็ทำธุรกิจอยู่กับสามี แต่เราก็จะมาดูว่าอะไรที่เราทำได้เราก็จะช่วยทำ ในส่วนของบริษัทตอนนี้ของเราเบรกไป ด้วยสปอนเซอร์ค่อนข้างหายากมาก แต่ถ้าสปอนเซอร์คนไหนอยากจะซัปพอร์ตมาเลยค่ะ เราพร้อมทำ พี่อิ๋งเป็นคนที่รักลูกน้องมาก แกมีลูกน้อง 10 คน ช่วงโควิดหลายบริษัทลดเงินเดือนแต่พี่อิ๋งไม่เคยลดเลย จ่ายเต็มอยู่เหมือนเดิม”
เตรียมนำอัฐิไปลอยอังคารรวมกับพ่อแม่ที่กระบี่
อิ๋งอ้อย : “จะเอาไปลอยที่คุณพ่อกับคุณแม่ พื้นเพแกเป็นคนจังหวัดกระบี่ เราก็จะเอาอัฐิไปลอยรวมกับคุณพ่อคุณแม่ที่กระบี่”
นาทีสุดท้ายไม่ทันได้ดูใจ วาระสุดท้ายระบบค่อยๆ พัง ไม่ถ่าย น้ำในปอดไม่ออกแล้ว
อิ๋งอ้อย : “ไม่มีสั่งเสีย ก่อนที่พี่อิ๋งจะเสียพวกเราก็ไปนั่งเฝ้าแกที่โรงพยาบาล พยาบาลก็บอกว่ากลับไปก่อนค่ะเพราะตอนนี้ความดันพี่อิ๋งยังดีอยู่ คงยังไม่ตกวูบไปเลย เดี๋ยวถ้าค่อยๆ เขยิบลงจะโทร.เรียก ก็ซ้อมมาหลายรอบตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว พอโรงพยาบาลสั่งมาเลยค่ะเราก็ไป แต่พี่อิ๋งก็โอเค กลับมาดีขึ้น พอเมื่อวานโรงพยาบาลบอกกลับเลยค่ะ เดี๋ยวตอนเช้ามาใหม่ พอ 06.06 น. พยาบาลโทร.เข้ามา บอกว่าให้รีบมาเดี๋ยวนี้ แล้วพี่อิ๋งก็ไปเลย พวกเราไปไม่ทัน แค่ไม่ถึง 7 นาทีที่โทร.หาเราพี่อิ๋งก็สวิตช์ก็ดับไปเลย เราก็ถามหมอว่าถ้าปั้มขึ้นมาพี่อิ๋งสามารถมีชีวิตอยู่ได้ไหม หมอก็บอกว่าไม่ได้แล้ว ไม่มี ก็เป็นนวาระสุดท้ายของเขาจริงๆ ระบบมันค่อยๆพังไปทีละระบบ ปัสสาวะก็ไม่ถ่ายแล้ว น้ำในปอดก็ไม่ออกแล้ว แต่เขาก็ไม่ร้องนะคะ”
ทำใจตั้งแต่อาทิตย์ที่ผ่านมาแล้ว
อุ๊อู๋ : “ทำใจตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แกส่งสัญญาณมาตั้งแต่เสาร์ที่แล้ว แกไม่ทุรนทุรายอะไรเลย แกจากไปอย่างสงบ”
อิ๋งอ้อย : “ถามว่าแมวใครจะเลี้ยง แมวก็ยังอยู่บ้านที่ออฟฟิศพี่อิ๋ง มีเด็กๆ ดูแลอยู่”
เตรียมตั้งมูลนิธิ ใช้เงินทำนุบำรุงศาสนา
อิ๋งอ้อย : “เป็นไปได้ค่ะ หลังจากนี้เราจะตั้งพี่อิ๋งเป็นมูลนิธิขึ้นมาก่อน แล้วก็จะใช้เงินส่วนนี้ในการทำนุบำรุงศาสนา เพราะพี่อิ๋งเขาย้ำมาเลย เราถามพี่อิ๋งเอาวัดไหม เขาพยักหน้า เขาเอา แต่จะเป็นตรงไหนก็แล้วแต่บุญวาสนาเขาพาไปเลยนะ ถ้าเรามีเงินก้อนนี้ของพี่อิ๋งขึ้นมาปุ๊บ เขาต้องได้”
