“พชร์ อานนท์” ควักเงินล้าน อัปหน้าใหม่ ไม่ง้อหมอไทย บินซบหมอเกาหลี บอกยอมไม่ได้เรื่องความแก่ รีบทำก่อน 60 กันยายนนี้เตรียมทำเพิ่ม ตั้งใจไว้เกือบทั้งหน้า แต่ทำทีเดียวเดี๋ยวทนเจ็บไม่ไหว ไม่สนคนบูลลี่ ไม่ได้ขอเงินกิน
อัปเดตใหม่แบบจัดหนัก สำหรับผู้กำกับมือทอง “พชร์ อานนท์” ที่ล่าสุดเพิ่งกลับจากเกาหลี หลังไปขึ้นเตียงปั้นจมูกและทำตาใหม่ ให้หน้าดูเด็กลง เพราะยอมไม่ได้เรื่องความแก่ โดนงานนี้เจ้าตัวได้เผยว่า ถ้ารอทำตอนอายุเกิน 60 ไปแล้ว มันจะได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ก็เตรียมบินไปทำเพิ่มอีก ถ้าไม่ถูกใจ ก็จะทำใหม่เรื่อยๆ สนุกๆ ไม่เจ็บ
“ไปเกาหลีมา ตอนแรกจะแก้ตากับจมูกที่เมืองไทย แล้วไม่มีหมอที่ไหนทำ เพราะเขาบอกว่าทำไมได้ แก้ไม่ได้แล้ว อายุเยอะแล้ว มันไม่สามารถที่จะเย็บขึ้นได้แล้ว เราก็เลยไปปรึกษาหมอเกาหลีดู หลายโรงพยาบาลเลย จนได้โรงพยาบาลนี้มา เขาแก้ตาให้เราเด็กขึ้น ทำจมูกให้เราสวยขึ้น ทุบของเก่าทิ้งหมดเลย (หัวเราะ) ปั้นจมูกปั้นตาขึ้นมาใหม่ วันนี้วันที่ 12 แล้ว ก็ยังบวมอยู่ ไม่สามารถจะเปิดให้ดูได้ เพราะมันบวมมาก จริงๆ ก็ทำเกือบทั้งหน้านะ แต่ตอนนี้ทำมาครึ่งหน้าก่อน เพราะว่าเราจะทนเจ็บไม่ไหว เดี๋ยวกันยายนจะทำอีกครึ่งหน้าล่าง ทำคอไม่ให้ย่น ทำหน้าตึง ให้เด็กกว่าเก่า เราคุยกับโรงพยาบาลไว้ เขาบอกพอแค่นี้ก่อนไหม เดี๋ยวเราจะเจ็บมาก ไม่ได้ตั้งใจโมดิฟายหน้าใหม่ แต่เราไม่ยอมแก่ไง เราเกิดมาโชคดีหน้าตาไม่ดีไง เราก็เลยต้องไปทำให้มันดี”
ควักเงินเอง ไม่มีสปอนเซอร์
“ควักเงินเองเลยครับ ก็เกือบล้าน ครึ่งหน้าบนนะ แต่ก็ดีกว่าอยู่เฉยๆ เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ เห็นครั้งแรกก็ภูมิใจเลย ออกมาหน้าเด็กมาก ไม่คิดว่ามันจะหน้าเด็กอย่างนั้นไง เราก็เลยอุ้ย…ทำไมหมอเขาทำได้ แล้วตาโตขึ้นตั้งเยอะ จมูกก็เข้าที่ ตอนนี้มันลงตัว รอให้มันหายบวม ว่าจะลดอายุเหลือสักกี่ปี เห็นแค่ตากก็รู้ว่าหน้าเด็กลง แต่จมูกยังใหญ่ เพราะเลาะของเก่าทิ้งหมด ก็รออีกประมาณเดือนหนึ่งจะเข้าที่ แต่ให้สวยจริงๆ หมอบอก 5-6 เดือน”
ตัดสินใจทำเพราะถ้า 60 แล้วมันจะไม่ได้ผล ยอมไม่ได้เรื่องความแก่
“คือตอนนี้มันยังไม่ 60 พอ 60 แล้วทำไปมันจะไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ไง เราก็เลยทำก่อน แก้รอบนี้ถ้าไม่ดีก็แก้อีก นัดหมอไว้แล้ว ยอมไม่ได้นะเรื่องแก่ เดี๋ยวนี้คนเขาก็ทำกันเยอะแยะนะ ครึ่งล่างที่ประเมินราคาไว้แล้ว ก็น่าจะหลายแสนเหมือนกัน ทำสนุกๆ มันไม่เจ็บนะ ตอนทำไม่รู้สึกอะไรเลย แต่พอทำเสร็จก็เจ็บแป๊บเดียว 3 วันก็หายครับ”
ไม่ฟ้องคนบูลลี่ อยากบูลลี่ก็บูลลี่ไป ต้องแยกให้ออก อย่าเอาคำนี้ไปรวมกับทุกเรื่อง
“ก็ไม่เป็นไร บูลลี่ก็บลูลี่ไป เรามีเงินที่จะทำ ไม่ฟ้อง ฟ้องทำไม ช่างมัน บูลลี่ไป เราไม่ได้ขอเงินเขากิน มันพ.ศ.ไหนแล้ว แต่ตอนนี้อะไรๆ คนก็บอกว่าบูลลี่ไปหมด สมมติเราผิวดำ เขาเรียกเราอีดำ อ้าว…บูลลี่ เขาไม่ได้บูลลี่ มึงดำจริงๆ เพราะฉะนั้นอย่าเอาคำว่าบูลลี่ไปรวมกับทุกเรื่อง มึงดำจะให้กุเรียกอีขาวเหรอ ก็ต้องเรียกอีดำถูกไหม”
