ฟังอีกมุม “เบส คำสิงห์” เปิดใจฝ่าดรามาคบกับ “ตงตง” นอยด์จนถึงขั้นอยากจะลดสถานะเหลือแค่ “เพื่อนร่วมงาน” โดนว่า ไม่สวย ไม่เหมาะสม เพิ่งมีแฟนเป็นดาราเหรอ? วอนอย่าบูลลี่อีกเลย รู้ไหม? ทำแบบนี้มันบาป
เส้นทางรักอาจจะไม่ราบเรียบ เพราะตั้งแต่เริ่มเปิดตัวว่าคบหาดูใจกับ “ตงตง กฤษกร กนกธร” ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของ “เบส รักษ์วนีย์ คำสิงห์” ก็ถูกจับตามองพร้อมกับต้องตั้งรับคำวิจารณ์ต่างๆ จากชาวเน็ตที่เมนต์กันยับ ชนิดที่ว่าบูลลี่ตั้งแต่หน้าตาว่าไม่เหมาะสมกับการเป็นแฟนของพระเอก รวมไปถึงละครเรื่องแรกของเธอ “กู้ภัยหัวใจสู้” ทางช่องวัน 31 ที่ถูกจับตามองตั้งแต่ยังไม่ออนแอร์อีกด้วย
“คือจริงๆ หนูดีใจตั้งแต่ตอนที่เบสกับพี่ตงตงมีกระแสช่วงปีที่แล้ว คนก็รู้ว่าที่เราสองคนรักกันก็เพราะละครเรื่องกู้ภัยหัวใจสู้ แล้วก็มีคนแชร์กันเยอะมากว่าอยากดู ตอนนั้นก็ดีใจ แล้วคือละครยังไม่ทันได้ออน แต่คนรอดูแล้ว มันทำให้เรารู้สึกว่าประสบความสำเร็จตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว พอละครออนเรตติ้งก็ดีอีก มันทำให้เราดีใจค่ะ มันเกินคาดตั้งแต่ที่หนูรับละครเรื่องนี้แล้ว รู้สึกว่าโชคดีได้เจอพี่ตงตง ได้มาคบกัน คนชอบ ไม่ได้อวยนะแต่ว่าเรื่องจริง ทำให้คนมาติดตามเราเยอะขึ้น คนมาฟอลโลว์เราเยอะขึ้น ดูคลิปเรารูปเรา ก็รู้สึกดีใจที่เป็นจุดเริ่มต้น
สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจรับเล่นละคร เพราะตอนนั้นเหมือนเขาติดต่อมาทางพ่อว่าอยากได้ลูกสาวมาเล่นละครเรื่องนี้ แล้วก็ได้มาช่องวันได้เซ็นสัญญาเป็นนางเอก ก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะ แต่พ่อกับแม่อยากให้เล่นอยากให้ลูกเป็นดารา อยากให้ยายได้ดู หนูก็เลยยอมเล่น คือที่บ้านเป็นคนต่างจังหวัด เขาจะชอบดูทีวี เปิดทีวีดูกัน
เขาก็อยากให้เราเป็นนางเอกในทีวีให้เราดู พ่อกับแม่ก็ชอบเวลาลูกเป็นดารา ก็จะโม้ ลูกผมเป็นนางเอกละครเรื่องนี้ โม้ให้เพื่อนๆ เขาฟังแล้วมีความสุขแฮปปี้ โอเคเราก็เป็นให้ อีกอย่างคนยุคคุณยายเขายังแฮปปี้กับการดูทีวี ซึ่งเขาก็รู้ว่าเราทำคลิปผ่านยูทิวบ์เหมือนกัน และพอย้อนกลับไปตอนที่พ่อเราเป็นดารา คือพ่อหนูมองว่าถ้าฝากตอนหนูยังเด็ก ก็อาจจะได้บทตัวประกอบ แต่เขาอยากให้เล่นเป็นนางเอก เขาก็เลยไม่ฝาก รอถึงจุดที่เราโตพอ แล้วช่องวันก็ติดต่อมาพอดี
ส่วนกับพระเอก ตอนแรกหนูรู้จักพี่ตงเพราะยายหนูดูละครพี่เขา คือพอบอกชื่อมา ก็นึกหน้าออกว่าคนนี้ แต่ไม่รู้ว่าเขาเล่นอะไรมาบ้าง จนไปเจอกันวันฟิตติ้งเขาก็เข้ามาถามว่าเข้าช่องมาได้ยังไง ก็เลยสนิทกันตั้งแต่วันฟิตติ้ง พอไปถ่ายก็เลยง่าย ฟีลแบบเราร่วมงานกันได้ง่าย"
2 เดือนนิดๆ ก็เริ่มรัก สักพักประกาศออกสื่อว่าเป็นแฟน
"เหมือนกับเริ่มถ่ายได้ประมาณ 2 เดือนนิดๆ พี่เขาก็เริ่มไลน์มาถาม เป็นยังไงบ้าง เราก็สงสัยว่าไลน์มาทำไม ก็ถ่ายละครเลิกกองแล้ว เลิกกอง 4-5 ทุ่ม แล้วไลน์มา เราก็สงสัยว่าไลน์มาทำไม จะชวนคุยทำไม เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องไปกอง เดี๋ยวก็ต้องเจอกัน เราก็งงเพราะก่อนหน้านี้เขาไม่เคยไลน์มา และไม่ได้มีทีท่าว่าจะจีบ เราก็เลยถามไปเลย คนเพิ่งโสดเนอะ ก็ไม่อยากเสียใจอีก ไม่อยากอกหัก ก็เลยถามไปว่า ทักมาทำไม มาคุยแบบนี้เพราะอะไร เขาก็บอกว่าเขาชอบ พี่จะจีบหนูจริงจัง เขาบอกแบบนี้ หนูก็บอกให้คุยกันไปก่อนเพราะว่าหนูตั้งตัวไม่ทัน คุยกันไปก่อนได้ไหม ยังไม่รับปากว่าจะชอบกลับ หรือว่าจะรักเขา เขาก็โอเค
ก็มีบอกเพื่อนว่าตงตงเข้ามาแบบนี้ เพื่อนก็บอกว่ารู้ไหมว่าพี่ตงมีวีรกรรมอะไรบ้าง เล่ามาหมดเลย ก็เลยถามเพื่อนว่าพอจะรู้ไหมว่าตอนนี้เขาคุยกับคนอื่นอยู่ไหม เพื่อนก็ไปสืบมาให้ ก็คือไม่มี ก็เช็กทุก ม. เพราะเขาก็ชื่อเสียงเลื่องลือ แต่พอเช็กไม่มี เราก็โอเค แล้วพอพี่ตงเขาได้มาโปรโมตละครที่ช่องวัน นักข่าวก็สัมภาษณ์แล้วดันไปตอบว่า ศึกษาดูใจกับน้องเบสอยู่ แล้วก็เปิดตัวปั้ง หนูก็แบบตกใจ ศึกษาดูใจภาษาชาวบ้าน ก็คือแฟนกัน แต่เขายังไม่ได้ขอเราไง หนูก็ถามเพื่อนว่าต้องยังไงดี เพื่อนก็บอกเขาน่าจะมีมึงคนเดียวแล้วแหละอย่างนี้ ถ้ามึงชอบก็บอกไปเลยว่าคุยกับเขา ยอมรับไปเลยถ้าใครถาม หลังจากนั้นพอใครถามเราก็ยอมรับ มันก็เลยกลายเป็นคู่ที่เปิดเผยค่ะ แต่จริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจจะเปิด
ถ้าพูดตามตรงคือถ้าเราเปิดแล้วถ้าเลิกกันจะโดนว่า คือความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าจะคบกัน เลิกกันมันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ถ้าเปิดแล้ว มันก็จะมีคนที่ 3-4-5 เป็นร้อยคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น เราก็คิดว่าเราจะรับได้ไหม ถ้าคนด่าเรา แต่เพื่อนกับที่บ้านบอกว่าถ้าพี่เขาเปิดแล้วเราไม่เปิดมันก็จะดูย้อนแย้งกัน (จากทักไลน์ จนพูดออกสื่อว่าเราเป็นแฟน ระยะเวลานานไหม?) 2 อาทิตย์ค่ะ ก็คือคุยกันแรกๆ ก็ฟุ้งผู้ชายไลน์มาก็ตอบทุกวันทุกคืน นอนตี 4 ตี 5 ก็ได้คุยกับผู้ชาย คุยตลอดเวลาทำอะไรก็รายงานกัน แต่พอเขาไปตอบแบบนั้นก็ดีใจอยู่แล้ว จากที่ชอบเขาระดับนี้ก็ชอบเขามากขึ้น"
“มนต์รักโกโก้เย็น” เช้าถึง เย็นถึง “ป๋าตง” ใจป้ำ! เลี้ยงยกกอง
"คือหนูชอบกินโกโก้ และในกองซีนแรกก็ต้องแก้วนึงละ ครึ่งวันต้องมี จะเลิกกองมี เขาก็จะสังเกตว่าหนูชอบกิน แล้วเขากำลังจีบหนู ก็เลยซื้อโกโก้มาส่งที่กอง แต่เขาไม่ได้บอกว่าเขาซื้อ วันนี้เขาไม่มีคิว แล้วทีมงานก็เอามาให้หนูมาตั้งตรงเก้าอี้หนูแล้วบอกให้หนูอ่านชื่อเอาว่าของใคร พออ่านก็เขียนว่า ‘แฟนคลับเบอร์หนึ่ง’ แล้วตอนนั้นพี่ตงเขาเหมือนมีฉายาว่าเป็นแฟนคลับเบอร์หนึ่งเบส เหมือนเขาบอกว่าชอบเบสตั้งแต่ก่อนมาเล่นละคร แล้วทุกแก้วทุกถุงเขียนแบบนี้หมดเลย เราก็เลยรู้ว่าเขาซื้อให้เราก็แจกในกอง แล้วก็เก็บไว้กิน ตอนแรกๆ พอเป็นแฟนกันปุ๊บก็ไม่มีแล้วนะ (หัวเราะ) จนล่าสุดเพิ่งพูดไปว่าไม่มีโกโก้ให้หนูเลยเนอะ เขาก็ส่งมาให้ที่กองถ่ายกองใหม่ ที่เล่นกันคนละเรื่องละ เหมือนจะต้องพูดถึงจะมี (หัวเราะ)
ซึ่งหลายคนมองว่าในยูทิวบ์ที่เราทำ มันดูหวานๆ ก็คือหวานไปก่อน (หัวเราะ) คือหนูรู้สึกว่าเต็มที่ไปก่อน ดีกว่าไม่เต็มที่แล้วมานั่งเสียดาย (ไม่ได้หวานตามโปรใช่ไหม?) ก็มีนะโปร ผู้ชายก็มี ตอนแรกคือหวานมาก แต่ตอนนี้คือฟีลแบบพี่เขาโตกว่าหนูด้วยแหละ 5 ปี ก็จะผู้ใหญ่ไม่ค่อยมากุ๊กกิ๊กหนุงหนิงตัวติดเราตลอดเหมือนตอนแรก"
ขี้งอนยืนหนึ่ง! “เบส” สวนกลับ อย่าให้พูดบ้างนะ
"อย่าให้หนูพูดเรื่องพี่ตงบ้าง ล้อเล่นๆ ก็งอนทั่วไป (พอไม่นั่งใกล้ก็งอนแล้ว?) ใช่ เพราะว่าเวลาเขาไม่นั่งใกล้เขาจะชอบหยิบโทรศัพท์เขามาเล่น ไม่สนใจเรา เหมือนเราเป็นอากาศ เห็นไหมว่าหนูนั่งอยู่ตรงนี้ ก็พี่นั่งไกล ขยับมา เขาก็ค่อยๆ ขยับมา ถามว่าทำไมเราไม่ขยับไปหาเขา ไม่ได้ไง หนูเป็นโรคอะไรไม่รู้จะรู้สึกว่าถ้าเป็นตอนที่จีบเขาไม่นั่งตรงนั้นไง ซึ่งถามว่าต้องปรับตัวกันไหม หนูว่าหนูโต เข้าใจโลก ว่าผู้ชายมักเป็นแบบนี้ แต่บางทีถ้าตอนคุณจีบเรา คุณนั่งตรงนี้ แต่พอเป็นแฟนกันนั่งตรงโน้น ตอนจีบเราคุณไม่เล่นเกมไง แต่พอเป็นแฟนเราคุณเล่นแต่เกม อะไรอย่างนี้ เป็นความรู้สึกในใจ ซึ่งเขาก็บอกนะว่าจะให้เราเหมือนตอนจีบไม่ได้เพราะคบกันมานานแล้ว เราก็ไม่ได้ให้เขาเหมือนตอนจีบ แต่ที่เรางอนเพราะว่าต้องการเรียกร้องความสนใจ
ซึ่งถ้าคิดว่าการงอนจะเป็นปัญหาไหม ถ้าพูดตามตรงว่าจะระเบิดเพราะเรื่องแค่นี้ หนูก็ปล่อย มันไม่ได้หนักหนาถึงขั้นบอกเลิกกัน ถ้าเราจะมีชีวิตคู่ด้วยกันด้วยเอาเรื่องที่แบบหนูไปมีกิ๊ก หรืออะไรแบบนี้แล้วมาบอกเลิกหนูจะเข้าใจ แต่ถ้าหนูขี้งอน หนูชอบให้เขาอยู่ใกล้ๆ แล้วมาบอกเลิกหนู รู้สึกว่าถ้าคุณคิดแค่นี้ก็เลิกกันเถอะ เพราะอนาคต มันจะต้องมีปัญหาอีกหลายเรื่องนะ เรื่องเงิน เรื่องบ้าน เรื่องลูก ต่างๆ แค่นี้อย่าเอามาเป็นปัญหาหลัก
อาจจะปลง (หัวเราะ) คือปลงกับชีวิต หนูอาจจะทำงานหาเงินเร็ว ก็จะเจออะไรมาเยอะ เรารู้อยู่ว่าวงการบันเทิงเป็นยังไง รู้ว่าต้องมีคนด่า ตอนพ่อเป็นดาราก็มีคนด่า คนเกลียด เราก็เห็น เรารู้ แต่เราปลงคือไม่คิดอะไรกับมัน ไม่คาดหวังหรือโฟกัสมันเยอะ
คือถ้างอนจริงจังมาก ต้องเป็นเรื่องผู้หญิง ก็เคยเจอเหมือนกัน นางไม่ได้มีกิ๊กนะ แต่นางเป็นคนเฟรนด์ลี่เล่นกับผู้หญิง เราก็จะไม่ชอบนะแบบนี้ ก็หวงสิ แฟนกัน คือเขาจะชอบเทกแคร์คนอื่นไม่ว่าจะสาว หรือถ้ามีอายุหน่อยก็ชอบไปโอบไปประคองเขา หนูก็บอกว่าก็ละไว้หน่อยถ้าสาวๆ จะไปโอบเขาทุกคนก็ไม่ได้ไหม ก็ถ้าเห็นก็งอน ถ้าไม่เห็นก็แล้วๆ ไป เราเข้าใจแหละว่าเขาเทกแคร์แต่ก็ละไว้หน่อยกับสาวๆ"
“คบกัน” บนคำวิจารณ์ จนอยากจะลดสถานะเหลือคำว่า “เพื่อนร่วมงาน”
"หนูเชื่อว่าเราต้องประคองให้คบกันไปได้นานที่สุด เพราะตอนนี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็อยากให้คบกันไปนานๆ เท่าที่จะทำได้ อยากให้ไปถึงจุดที่ทุกคนคาดหวัง แต่ถ้าไม่ได้ก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่หนูก็คุยกับพี่ตงว่าถึงตอนนี้เราจะโดนด่า แต่ถ้าเราคบกันฝ่าฟันผ่านมันไปได้ 6 ปี 10 ปี ใครจะมาด่าเรา เพราะหนูก็อยากให้มันไปไกลที่สุด ถึงตอนนั้นเขาก็คงเข้าใจแล้วว่าเรารักกันจริง
เพราะพอเรามาคบกัน ก็จะมีที่บอกว่าไม่เหมาะสม คือเราไม่ได้จีบเขาก่อนอ่ะ แต่เรามาโดนว่าไม่เหมาะสม เราก็งงว่าไม่เหมาะสมยังไง ถ้าเรื่องความสวยใดๆ คือรู้แหละว่าพี่เขาหล่อแล้วเราไม่ได้สวยไปเหมาะกับเขาก็จริง แต่เรารักกัน ถ้าเราเป็นคนธรรมดาอาจจะไม่โดนตัดสินเรื่องหน้าตา
เลยรู้สึกว่าคำนี้ทำให้เราเจ็บเหมือนกัน แล้วมันก็บั่นทอนเพราะทำให้เรารู้สึกว่าไม่อยากคบกับคนนี้เพราะเราโดนบูลลี่ ซึ่งหนูก็ผ่านมาแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ตอนเป็นลูกสมรักษ์คนก็จะชมว่าน่ารัก เก่ง มีแต่คำชม คือถ้าด่าว่าหนูเล่นละครไม่ดีจะไม่ว่าเลย เพราะมันอาจจะเป็นเรื่องจริง แต่นี่คือบูลลี่ ไม่สวย ไม่เหมาะสม
หนูก็พูดกับพี่ตงตงว่าหรือเราจะไม่คบกันไหม ก็ร้องไห้ พี่ตงก็เหมือนเขาทำอะไรไม่ถูก เพราะเขาก็ไม่ได้ทำผิด แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงให้หนูไม่โดน เราก็เข้าใจเขาแหละ สถานการณืตอนนั้นก็ตึงเครียด แต่เขาก็บอกให้อดทนไปก่อนให้สู้ไปก่อน ยังไม่อยากเลิกกัน ก็เลยอดทนมาจนถึงจุดที่เริ่มเข้าใจ ใครมาว่าก็มองผ่าน แต่หนูอยากจะบอกว่ามันทำให้เขาบั่นทอน มันบาปมากเลยนะ เราอย่าไปบูลลี่ใครอย่างนั้นไม่ว่ากับใคร
ซึ่งแรกๆ มันหนักมาก ไม่สวย ไม่เหมาะสม ขี้อวด เพิ่งจะเคยมีแฟนเป็นดาราสิ เราก็นอยด์มากตอนนั้น แต่ตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว อาจจะเป็นเพราะเขาด่าไปหมดแล้วเลยไม่ด่าซ้ำ (หัวเราะ) คือหนูไม่ได้เป็นคนเริ่ม หนูก็เลยรู้สึกว่าทำไมเราต้องโดนก็จะมีความรู้สึกนอยด์ คือนอยด์มากเลยนะถึงขั้นร้องไห้คุยกับพี่ตงว่าลองลดสถานะกันดูไหม กลับไปเป็นเพื่อนร่วมงานกันเหมือนเดิม พี่ตงบอกว่าไม่ยอมๆ เขาก็เสียใจ เขาก็ร้องไห้เหมือนกัน เขาก็บอกว่าให้สู้ไปด้วยกันก่อนได้ไหม วันนั้นก็ดรามาทั้งคู่เลย”
