“รัศมีแข” เลิกทนคนบูลลี่ โดนมาตลอด 35 ปี ขอเดินหน้าฟ้อง ไม่นัด ไม่เคลียร์ ไม่รับไหว้ ถ้าอยากแสดงความเสียใจก็ไปกระโดดให้รถชนตาย ความสงสารความเมตตา ต้องใช้ให้ถูกคนมันถึงจะเกิดผล สภาพจิตใจยังเหมือนเดิมต้องค่อยๆ รักษา โดยเยอะจนแพนิก เป็นโรคกลัวคนรังเกียจ กระทบกระเทือนทุกคำด่า ไม่ใช่เทสเอเชีย แต่ไปยุโรปผัวต้องขังกรง
เป็นอีกหนึ่งคนที่โดนบูลลี่มาแบบสาหัส สำหรับ “รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น” ที่ล่าสุดวันนี้ (24 มิ.ย.) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ ในงานบวงสรวงละครเรื่อง “ผู้ใหญ่ลีศรีบานเย็น” ว่าจะไม่ทนแล้วกับคนพวกนี้ เพราะตลอด 35 ปีมันมากเกินไป กำลังเดินหน้าฟ้องเต็มที่ งานนี้ไม่มีสงสาร
“เราโดนตั้งแต่เด็ก อีนิโกร ข้าวนอกนา อีดำตับเป็ด โดนทั้งที่เราเป็นเด็กไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตอนนั้นเราพยายามเข้าใจคนมันหลากหลาย แต่พอโตขึ้นเราได้ไปคุยกับทนายก็มีความรู้สึกว่า เราสามารถปกป้องตัวเราเองได้ เราไม่ยอม ตอนนี้เราบอกเลยว่าโลกแฟชั่นกระเป๋ามาใหม่เยอะมาก เพราะฉะนั้นเราบอกทนายเลย พี่ อันไหนเอาได้ เอาเลย เอาทุกอย่างมาให้ตัวเรา อยากด่า ด่าเลย ถ้าด่าเสร็จปุ๊บแล้วตรงนั้นมันไม่ใช่ บางทีการด่าแทบไม่ได้อ่านข่าวด้วยซ้ำ ไม่ได้อ่านเจตนา บางทีเราถูกพาดหัวเรียกร้องความน่าสนใจเพื่อให้คนเข้าไปอ่านไปดู พอไม่อ่านเนื้อข่าวก็ไปเข้าใจอะไรกันผิดๆ บางทีก็ด่าเราสนุกสนาน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเรียกร้องสิทธิ์ของเรา ตั้งทีมทนายขึ้นมา เสิร์ชรัศมีแขทุกช่องทางโซเชียล แล้วถ้าเจออะไร แขอนุญาตให้ดำเนินการได้เลย”
ตอนนี้อยู่ในช่วงดำเนินการฟ้อง
“มันมีเพจหลักๆ อยู่ ตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่ เดี๋ยวต้องดูว่าทนายจะบอกว่ายังไง แขเบื่อกับคำว่า สู้ๆ นะแข อย่าไปสนใจ แต่เวลาเราเฮิร์ตคนเดียว มันกินไม่ได้คำพูด สุดท้ายแล้วเราทำอะไรเพื่อตัวเราเองบ้างดีกว่า เพราะไม่มีใครมาปกป้องเราหรอก เราต้องปกป้องตัวเราเอง"
ลุยฟ้องอย่างเดียว ไม่นัด ไม่เคลียร์ ไม่รับไหว้
“ไม่ต้องอะไร ก็กดไลน์แล้วบอกว่า พี่ครับ เริ่มได้เลย ไม่นัด ไม่เคลียร์ ไม่รับไหว้ ไม่พูดไม่อะไรทั้งนั้น อยากแสดงความเสียใจ แขบอกเลยกระโดดให้รถชนตายอย่างเดียว ความรู้สึกสงสาร เมตตา อารี ความดีมันควรจะใช้ให้ถูกที่ถูกทางถูกคน แล้วมันจะเกิดผล แต่บางทีใช้ไปแล้วมันไม่เกิดผล มันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร”
กลายเป็นแพนิก พอโดนบูลลี่เยอะๆ
“มันก็ห่างโซเชียลพักหนึ่งแหละ เกิดการกลัวขึ้นว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ไม่รู้จักกัน รีบตัดสินกันในการอ่านหรือทำความเข้าใจในเวลานิดหนึ่ง ก็แปลกใจ ชีวิตเราไม่มีใครชอบหรอกที่โดนว่า ตัวเราเองยังไม่ชอบเลย ก็ต้องระมัดระวังนิดหนึ่ง”
ตอนเข้าวงการใหม่ๆ ถึงขั้นไม่อยากให้ใครโดนตัว เพราะเกิดความระแวง
“จะเป็นโรคกลัวคนรังเกียจ คนคงรังเกียจเราด้วยสีผิว เราจะตกใจแพนิกเวลาคนมากอด อย่างจียอน (ซอ จียอน) มากอด หรือว่าคนมาใกล้ตัว พี่หอม (ศกุนตลา เทียนไพโรจน์) มากอด แรกๆ เราจะคิดว่าเขากล้ากอดเราเหรอ เพราะเราโดนว่าดำสกปรกตั้งแต่เด็ก เราก็จะไม่ค่อยให้คนมาจับตัว เขิน พอเพื่อนมาแตะตัวหรือมากอดเรา ก็จะรู้สึกว่าเขากล้าจับตัวเราเหรอ มันใช้เวลากว่าจะผ่านตรงนี้มา”
กระทบกระเทือนทุกคำที่โดนด่า อยู่เอเชียอาจจะไม่ใช่เทส แต่ถ้าไปยุโรปขอโทษนะ ผัวต้องขังกรง
“แขว่ามันก็ทุกคำแหละที่กระทบกระเทือนโดยเฉพาะเรื่องรูปลักษณ์ของเรา เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ให้เราไปตีพ่อตีแม่เหรอ รูปลักษณ์ที่เรามีอยู่ทุกวันนี้เพราะเราไม่พอใจ มันก็ไม่ใช่ เราก็เป็นอย่างนี้ เราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้และเราไม่อยากเปลี่ยนแปลงด้วย เราขอบคุณด้วยซ้ำเพราะรูปลักษณ์ตรงนี้มันทำให้เรายูนีก เพราะถ้าเราไม่ยูนีกก็คงไม่ได้เป็นดารา ก็คงไม่ได้เป็นนางเอกค่ะ ไปยุโรปฝรั่งก็คงไม่ชอบรุนแรงมาก มันไม่ใช่ความมั่นค่ะ มันคือเรื่องจริง(ยิ้ม) เพราะเราเข้าใจ อยู่เอเชียเราอาจจะไม่ใช่เทสค่ะ แต่ไปยุโรป ขอโทษนะคะ ผัวต้องขังไว้ในกรงนะคะ เพราะเดี๋ยวไปกัดเขา(หัวเราะ) กับสามีเราก็มีระหองระแหงบ้าง เพราะอยู่ไกลกัน แต่ท้ายสุดเราก็เป็นคนฉลาดพอที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเราเอง”
สภาพจิตใจก็ต้องค่อยๆ รักษาไป เพราะยังเป็นเหมือนเดิมอยู่
“ไม่ค่ะ ค่อยๆ รักษาเพราะว่ามันยังเป็นเหมือนเดิมอยู่ ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเราโตก็ยังเป็นเหมือนเดิมอยู่ ไม่มีใครมาปกป้องเรา เราต้องปกป้องตัวเอง”