xs
xsm
sm
md
lg

“อิงฟ้า” ฟิน ปรากฎการณ์ #อิงล็อต สนามบินเวียดนามแตก น้ำตาคลอย้อนกลับไปดูห้องเช่า 400 บาท ไม่คิดว่ามาไกล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อิงฟ้า วราหะ” น้ำตาคลอ ความทรงจำเก่าๆ หวนกลับมา หลังไปดูห้องเช่า 400 บาทใช้ชีวิตในวัยเด็ก มองย้อนกลับไปภูมิใจในตัวเอง ไม่คิดว่าจะมาได้ไกลขนาดนี้ น้ำตาแตกคนแห่กรี๊ดสนามบินเวียดนามแตก ได้ใส่ชุดห้องเสื้อชื่อดังราคาร่วมล้าน เล็งลุยอีกหลายประเทศ โวฟันรายได้แตะ 20 ล้านแล้ว ตั้งแต่คว้ามง

ดังฉุดไม่อยู่เลยทีเดียว สำหรับ “อิงฟ้า วราหะ” มิสแกรนด์ไทยแลนด์ปีล่าสุด ล่าสุดเป็นคู่จิ้นสนามบินแตกคู่กับ “ชาล็อต ออสติน” ไปแล้ว ไปประเทศเวียดนามด้วยกัน คนแห่มาต้อนรับเป็นร้อย โดยอิงฟ้าเผยว่าไม่คิดว่าตนจะมาไกลได้ขนาดนี้เหมือนกัน พร้อมเผยห่วงใยชาล็อตที่ตอนนี้ป่วยจากอาการลำไส้ติดเชื้อ
 
ก็แอบเป็นห่วงค่ะ เพราะว่าจริงๆ น้องเขาก็ป่วนมาประมาณ 2 วันได้แล้ว แต่เนื่องด้วยงาน สปิริตเขาก็สู้ ใจเขาก็สู้จนถึงจบงาน ก็ถือว่าเก่งมากๆ น้องติดเชื้อในลำไส้ค่ะ เกิดมาจากอาหารที่ทาน จริงๆ ตอนช่วงร้องเพลงบนเวที ก็ยังไม่มีอาการเท่าไหร่ แต่ช่วงเล่นเกมหลังๆ ก็เริ่มจะเห็นอาการแล้ว คือคุณหมอไม่ได้สั่งให้พัก แต่ให้ดูในเรื่องของอาหารการกิน แล้วก็ให้ทานยาแก้ติดเชื้อต่อเนื่องค่ะ จริงๆ ทุกคนรวมทั้งบอส ทั้งกอง ก็ถามว่าน้องไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวก็สามารถแจ้งได้ แต่น้องก็ใจสู้ว่าไหว”

น้ำตาแตกคนแห่กรี๊ด จนสนามบินเวียดนามแทบแตก
“ก็มีน้ำตาแตกเหมือนกันค่ะ หนูไม่ได้คิดว่าจะเยอะขนาดนั้น คิดว่าน่าจะประมาณ 20-30 แต่ ณ ตอนนั้นคือเยอะมาก น่าจะหลายร้อยคน เขาก็ตะโกนชื่อเราอิงฟ้าๆ ชาล็อตๆ ก็ดีใจค่ะ ตอนที่เราทำกิจกรรมเขาก็มาดูอยู่ห่างๆ มีขับรถตามด้วย แบบเขียนภาษาไทยใส่กระดาษ มันเป็นโมเมนต์ที่น่ารักมากๆ ไม่คิดว่าจะมาไกลได้มากขนาดนี้ เหมือนเขาชอบเพราะว่าบ้านเขาไม่ได้สนับสนุนเรื่อง LGBTQ+ มากสักเท่าไหร่ พอเห็นเราเป็นนางงามด้วย เพราะคนที่เวียดนามเขาก็ชอบดูนางงามอยู่แล้ว แล้วเห็นว่าเราเป็นตัวแทนของกลุ่ม LGBTQ+ เขาเลยรู้สึกภูมิใจอยากสนับสนุน ก็ใจฟูมากค่ะ

กิจกรรมแน่นมากค่ะ บอสบอกไปเที่ยว (หัวเราะ) การต้อนรับก็เอ็กซ์คลูซีฟหลายอย่างค่ะ ทั้งอาหารการกิน แล้วก็สถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ ที่ ไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์บ้านเขา ก็แฮปปี้กับทริปนี้มากๆ ประทับใจหลายอย่าง ชอบเพื่อนๆ นางงามบ้านเขาที่มาร่วมกิจกรรมด้วยกัน ทุกคนน่ารักมาก ชอบสถานที่ที่ไปเที่ยว ไปทานอาหาร มีได้เรียนภาษาเวียดนามด้วย 2-3 ประโยค”

ภูมิใจได้ใส่ชุดห้องเสื้อที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม หนักกว่า 40 กิโล ราคาล้านกว่าบาท
“เป็นชุดห้องเสื้อที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามค่ะ ชุดหนักมาก เฉพาะหัวประมาณ 10 กว่ากิโล ตัวอีก 30 กว่ากิโล มันหนักมากจริงๆ แต่ภาพตอนที่เราเดินมันสวยจนดีใจที่ได้ใส่ เป็นเกียรติมาก ชุดที่หนูใส่น่าจะประมาณล้านกว่าบาท ของน้องๆ ก็ 4-5 แสนอัปทั้งหมดค่ะ”

เตรียมเดินสายอีกหลายประเทศ ไม่กล้าคาดหวังว่าสนามบินต้องแตกทุกที่
“เดือนหน้าไปลาวค่ะ อันดับแรกก็เตรียมตัวเรื่องภาษา แต่น่าจะมีอีกหลายประเทศที่ต้องไป แต่เรื่องคอนเฟิร์มนี่หนูไม่แน่ใจ ต้องถามบอสอีกที แต่รู้ว่ามีหลายประเทศ คืออิงล็อตไปไกลมาก แม็กซิโก ลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย อเมริกา บราซิล (เตรียมสนามบินแตกทุกที่หรือยัง?) ไม่กล้าคาดหวังเลยค่ะ แค่มีคนมารับก็ดีใจแล้ว จะมากจะน้อยก็ไม่เป็นไร”

เตรียมเบรกงานหลังวันที่ 6 ส.ค. เพื่อประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์ฯ ใจมุ่งมั่นเวลาสั้นๆ ก็ทำได้
“อย่างที่แจ้งไป ว่าหลังจากจบคอนเสิร์ตเดี่ยววันที่ 6 สิงหาคม เราก็จะเบรกงานไป จริงๆ เดือนหน้าก็จะเริ่มจางแล้ว เพราะว่าต้องเตรียมคอนเสิร์ต หลังจากคอนเสิร์ตก็ต้องไปอินโดนีเซีย ก็ 3-4 เดือนที่จะได้เตรียมตัว หนูประกวดมิสแกรนด์กรุงเทพมหานคร หนูเตรียมตัวเดือนเดียวเอง หนูว่ามันอยู่ที่ใจ ถ้ามีเวลาซ้อมเยอะแต่ใจไม่ได้ เตรียมไปก็เท่านั้น แต่ถ้าใจมันมุ่งมั่น แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ ก็สามารถทำได้ ได้เห็นคู่แข่งหลายๆ ประเทศแล้ว ก็ดูแล้วก็ศึกษาค่ะ เรื่องภาษาก็มีให้น้องๆ ช่วยฝึกบ้าง บางทีก็คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ”

ออกงานทุกวันฟันรายได้แตะ 20 ล้าน
“ก็ได้อยู่ค่ะ พอสมควร (หัวเราะ) แม่คือลอยลำแล้ว ไม่ต้องทำอะไร ร้องเพลงอย่างเดียวแล้วก็ดูบ้าน (ถึง 10 ล้านหรือยัง?) ยังไม่ได้เห็นทั้งหมดค่ะ เราจะเห็นเป็นรายเดือน ยังไม่ถึง 10 ล้าน แต่ถ้าองค์รวมทั้งหมดตอนนี้ อย่างที่บอสแจ้งไป ก็น่าจะแตะ 20 ล้านแล้ว

เป้าหมายต่อไปเตรียมซื้อบ้านซื้อรถ
“คือหนูยังขับรถไม่เป็น (หัวเราะ) แล้วก็ยังไม่มีเวลาไปเรียน ก็อาจจะต้องดูกันอีกทีหนึ่ง แต่ว่าน่าจะเร็วๆ นี้ เพราะมันต้องมีเนาะ มาการทำงาน ส่วนเรื่องบ้านตอนนี้โฟกัสที่บ้านแม่ให้เรียบร้อยก่อน บ้านตัวเองเดี๋ยวค่อยว่ากัน อาจจะเป็นคอนโดก่อนเพื่อความสะดวก บ้านแม่ก็เหลือลงเฟอร์นิเจอร์อย่างค่ะ เป็นบ้านหลังเล็กๆ บ้านค่อยๆ สร้างมาค่ะ เพิ่งเสร็จตอนหนูประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์เลย แต่ว่ายังไม่ได้ลงดีเทลแต่งบ้าน คือสร้างมาก่อนประกวดแล้ว ค่อยๆ เติมมาเรื่อยๆ ตามจำนวนเงินที่เรามี

กลับไปดูบ้านเช่า 400 บาท เป็นกำลังใจให้คนที่ลำบาก
“จริงๆ ไม่ได้กลับไปเห็นครั้งแรกหรอก กลับไปเห็นหลายครั้งแล้ว ชอบไปดู อยากรู้ว่าปัจจุบันเป็นยังไงบ้าง เราอยากให้แฟนคลับเห็นว่าสิ่งที่เราพูดมันเป็นเรื่องจริง ให้เขาได้สัมผัสไปกับเรา อย่างน้อยมันเป็นกำลังใจให้คนที่เขากำลังลำบากอยู่ จะได้รู้ว่าอนาคตข้างหน้า คุณอาจจะประสบความสำเร็จแบบเราก็ได้ อย่าไปท้อกับมัน”

น้ำตาคลอ เห็นความทรงจำเยอะมาก
ความทรงจำตรงนั้นมันเยอะมากจริงๆ ค่ะ (น้ำตาคลอ) พูดแล้วเซนซิทีฟอะ (หัวเราะ) ดูไม่ได้คิดว่ามันลำบาก แต่ถ้ามองกลับไป ถึงความเป็นอยู่ตอนนั้น ก็คงเรียกว่าลำบาก เพราะช่วงตอนเด็กมันมีแต่ความอบอุ่น เป็นวัยที่เราได้อยู่กับครอบครัวจริงๆ ถ้าหนูจำไม่ผิดน่าจะเดือนละ 400-600 นะ ทำงานกันหามรุ่งหามค่ำเลย ก็สงสารพ่อกับแม่เวลาที่ต้องออกไปขายของข้างนอก เข็นจากบ้านไปวัด เราก็จะเห็นถึงความลำบาก มันถึงทำให้เรามีแรงผลักดัน กระตือรือร้นในการที่จะทำให้เขาสบายขึ้น

สภาพบ้านยังอยู่เหมือนเดิม ไม่แน่ใจว่าก่อนหน้านี้มีคนมาอยู่หรือเปล่า แต่ทุกอย่างมันยังเหมือนเดิมหมดเลย แม้กระทั่งโซ่ที่ใช้คล้อง มีที่เขียนไว้หน้าประตู หนูยังคิดอยู่เลยว่าหนูเขียนหรือเปล่า แต่จำไม่ได้ แต่ข้างบ้านที่เป็นสติ๊กเกอร์ หนูเขียนเอง มันก็ยังอยู่”

มองย้อนกลับไป ภูมิใจในตัวเองมาก
“มากๆ ค่ะ แล้วมันอยู่ไม่ไกลกันด้วย ตัวแม่เองเขาก็ดีใจที่มีบ้านเป็นของตัวเองสักที ก็ภูมิใจมากๆ ด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของเรา”

ภูมิใจเป็นกระบอกเสียง “สมรมเท่าเทียม” ทวงคืนสิ่งที่ LGBTQ ควรได้รับ
ตอนแรกที่ทราบว่าโดนปัดตกก็เฟลเนาะ ไม่ผ่านอีกแล้ว แต่พอได้ติดตามข่าวว่ามันผ่านมาอีกขั้นแล้ว ก็มีน้ำตาแตกเหมือนกัน เพราะเราดูภาพบรรยากาศที่คนเขาร้องไห้ดีใจกัน เราก็อินไปด้วย อย่างน้อยเราก็เป็นเสียงหนึ่ง ที่พยายามเป็นกระบอกเสียงมาตลอด เกี่ยวกับเรื่องของ LGBTQ+ เรื่องสิทธิ์ที่เขาควรจะได้รับ ก็ดีใจมากค่ะ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง แต่คิดว่ามันยังได้มากกว่านี้ แต่ก็เข้าใจว่าบางอย่างมันก็ต้องใช้เวลาด้วย แต่อย่างน้อยได้เห็นการยอมรับมากขึ้นก็โอเค”

คนชมว่าเราเหมือนเป็นคนเปิดเรื่องนี้ให้คนเข้าใจมากขึ้น ก็ดีใจนะคะ เพราะว่าหนูมาอยู่ตรงนี้ก็โดนดรามาเยอะเหลือเกิน คนว่าก็เยอะ คนให้กำลังใจก็เยอะ อย่างน้อยมันพิสูจน์ทำให้หลายๆ คนเห็นว่าสิ่งที่เราทำตรงนี้ มันไม่ได้ให้ตัวเองคนเดียว มันเพื่อทุกคนคนแหละ โดยเฉพาะ LGBTQ

จริงๆ อย่าใช้คำว่าเรียกร้องเลย เขามาทวงคืนมากกว่า ในสิ่งที่เขาควรจะได้รับ ก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดของ LGBTQ มันคือการยอมรับ อย่างน้อยขอให้รักกันเองก่อน อย่าเพิ่งบูลลี่กันเอง อย่าเพิ่งเหยียดกันเอง ถ้ากลุ่ม LGBTQ แข็งแรงมากพอ ไม่ว่าจะเจอปัญหาหรือไปเรียกร้อง ทวงคืนสิทธิอะไร มันจะไม่ใช่ปัญหาเลย ก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ”









กำลังโหลดความคิดเห็น