xs
xsm
sm
md
lg

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” เลื่อนอีกไม่ได้ หัวใจโตขึ้น ป่วยลิ้นหัวใจรั่วระยะสุดท้ายแย่ลง เตรียมผ่าตัดใหญ่ครั้งแรก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ฟิล์ม รัฐภูมิ” เลื่อนอีกไม่ได้ เตรียมผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต ลิ้นหัวใจรั่วระยะสุดท้าย ใช้เวลาพักฟื้น 2 อาทิตย์ ลั่นมีคนที่คุย แต่ไม่ได้คิดเรื่องแต่งงาน อยากมีลูก แต่ก็ขอดูแลรักษาหัวใจ โอดค่ารักษาแพงมาก หลานล้าน ไม่มีประกัน

หลังจากที่เคยออกมายอมรับว่าเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วระยะสุดท้าย หมอนัดผ่าตัดแต่ก็เลื่อนมาตลอด ล่าสุด “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ก็ได้เผยว่าตอนนี้คงเลื่อนอีกไม่ได้แล้ว เพราะถึงร่างกายแข็งแรง แต่หัวใจแย่ลง

“ตอนแรกวางแผนกับคุณหมอที่รามาฯ จะผ่าในเดือนเมษายน แต่พอดีละครยังถ่ายไม่จบ เลยเลื่อนไปผ่าตัดส.ค. ตอนนี้ได้กำหนดที่แน่นอน วันที่ 8 ส.ค. เข้าโพยาบาลเตรียมตัว และวันที่ 9 ผ่าตัดครับ ก็ฝากทุกคนด้วยนะ ผมเป็นอะไรบอกแม่ผมด้วย

ที่ต้องกังวลก็คือผมต้องเข้า รพ.วันที่ 8 ผมจะสลบไป ผมต้องใช้เวลาผ่าตัดจริงๆ 4 ชั่วโมง กว่าผมจะฟื้นน่าจะประมาณเกือบ 1 วัน พอฟื้นมาแล้วต้องอยู่ในไอซียู น่าจะเกือบ 2 วัน ยังไงก็ฝากรายงานคุณแม่ผมด้วยนะ เป็นการผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกในชีวิตเลยครับ ผมกังวลเพราะผมไม่เคยผ่าตัดมาก่อน ก็กลัว ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผมรู้ว่าผมเป็นโรคหัวใจ ก็ศึกษามันตลอด และคอยฟอลโลว์กับคุณหมอ 2-3 เดือนครั้งตลอด

คือผมสุขภาพผมแข็งแรงมากนะ แต่หัวใจผมไม่ได้แข็งแรงแล้ว มันเป็นขั้นร้ายแรงสุด แต่ร่างกายผมแข็งแรงมาก มันเลยยังพยุงร่างผมให้อยู่ได้ แต่ว่ามันก็ควรจะรีบผ่าตัด ซึ่งผมยังติดงานอยู่ครับ งานต่างๆ ก็เลื่อนไปหมดเลย ผมอยากให้มันจบภายในเดือนนี้หรือเดือนหน้า เพราะตั้งแต่เดือนหน้า ผมก็ต้องเริ่มเข้าไปกายภาพตัวเอง ซึ่งมันต้องซ้อมหายใจ ไอ จาม ใหม่ มันจะใช้เวลาพอสมควร

และผมต้องไปบริจาคเลือด มันมีหลักสูตรเยอะมากเลยก่อนจะผ่าตัด แล้วหลังจากผ่าตัดผมก็ต้องพักฟื้นอีกเกือบๆ 2 อาทิตย์ เพื่อจะกลับมาปกติได้ ก็กลัวครับ มันกลัวไปหมดครับ โชคดีที่ได้คุณหมอที่เก่งมากที่รพ.รามาฯ ที่มาดูแล คือเลื่อนไม่ได้แล้วครับ มันอันตรายมาก ผมเลื่อนมาเกือบ 2 ปีแล้ว”

หัวใจเรามันไม่ไหวครับ ตอนแรกมันรั่ว เรารู้จากอาการของหัวใจ ตอนแรกมันรั่วแค่ห้องซ้ายห้องเดียว แต่คุณหมอบอกว่าถ้ายังดึงไปอีก ขวาน่าจะไปด้วยแล้ว ผมก็มองว่ามันไม่ปกติแล้ว แล้วหัวใจผมเริ่มโตขึ้น อาการแย่เริ่มตามมาแล้ว เพราะหัวใจมันเริ่มโตขึ้น คือถามว่าส่งผลยังไง ตัวผมไม่มี ไม่ได้รู้สึกอะไร คือจริงๆ คนที่เป็นแบบผมต้องนอนไม่หลับ มือเท้าบวม หายใจติดขัด แต่ผมไม่เป็นอะไรเลย ผมถึงบอกว่า หัวใจกับร่างกายมันคนละส่วนกัน ผมเป็นลิ้นหัวใจรั่วระยะสุดท้ายเลยครับ ระยะที่ 4 ก็อันตรายทุกเวลาเลยครับ แต่ความโชคดีของผมคือร่างกายแข็งแรง มันเป็นแค่หัวใจ แต่ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงก็ไปตั้งแต่แรกแล้วครับ

ผมรู้ตอนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ปีกว่าแล้ว เขาให้ระวังว่าอย่าออกกำลังกายหนัก อย่าเครียด อย่านอนดึก เวลาเล่นละครก็ปกติทุกอย่างเลยนะ ออกกำลังกายก็เหมือนเดิม ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน 25-30 กิโล ผมก็ทำได้ปกติ ก็บอกคุณหมอ คุณหมอก็งง และถือว่าโชคดีนะ จริงๆ คนที่เป็นแบบผมก็น่าจะไม่ไหวแล้ว”

พักฟื้น 2 อาทิตย์
พักฟื้นประมาณ 2 อาทิตย์ครับ ผมได้อาจารย์สยาม ที่รามาฯ เก่งมาก เขาผ่าตัดแผลเล็กด้วย ปกติแล้วผ่าหัวใจสมัยก่อนจะผ่าแหวกอก แต่ของผมโชคดีที่ได้นวัตกรรมใหม่ที่ไทย คุณหมอเขาทำได้ แผลเล็กสอดไปทางขวามาถึงทางซ้ายหัวใจ และทำการซ่อมแซม ปกติเคสที่ผ่านมา 2 อาทิตย์ก็จะหาย แต่ว่าความแข็งแรงของร่างกาย เราเดาไม่ได้เลย ผมไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไง ผมแพลนตัวเองว่าหลังจากนี้จะยังไม่รับอะไร ละครติดต่อมา 2 เรื่อง ก็บอกเขาไปว่าอยากจะเริ่มประมาณต.ค.ก็น่าจะพอดี”

ให้เพื่อนสนิทมาเฝ้า
“ให้เพื่อนดูแลครับ เพื่อนสนิทที่เป็นผู้จัดการ โตมาด้วยกัน”

ไม่สนใจเรื่องรัก สนใจแค่ความสำเร็จเรื่องงาน
“ผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย ผมก็เหมือนเดิมครับ มาๆ ไปๆ มากกว่า แล้วก็ไม่ได้ไปโฟกัสมันก็เลยไม่ได้มีข่าวอัปเดตอะไรเพราะว่าผมสนใจเรื่องงานความสำเร็จอย่างเดียว คือตัวเองมีธุรกิจเยอะด้วยแล้วบวกกับว่าบางทีใครที่ไม่เข้าใจเรา เราก็ต้องไปเข้าใจเขาก่อน มันก็ดึงกันไปมามันก็ไม่ดี”

คุยอยู่คนเดียว แต่แพลนอนาคตเป็นศูนย์ ไม่โฟกัสเรื่องครอบครัว
“มีอยู่แล้วครับเป็นเรื่องปกติ คุยคนเดียวครับ แพลนอนาคตไม่มีเลย อนาคตเรื่องนี้เราไม่มี เป็นศูนย์เลย จริงๆ ผมไม่ได้โฟกัสตรงนี้ มันก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจมากกว่า อะไรที่มันคลิกกันมันก็โอเค แล้วเราอายุปูนนี้แล้วมันก็ไม่ได้ไปสนใจอะไรมาก (คุยเฉยๆ ไม่คิดเรื่องครอบครัว?) ไม่ได้โฟกัส คือครอบครัวผมมีอยู่แล้ว ผมก็อบอุ่นอยู่แล้ว”

คิดเรื่องมีลูก แต่ขอดูแลหัวใจเก็บเงินรักษาตัวดีกว่า แพงมาก หลายล้าน ไม่มีประกัน
“ตรงนั้นคิดตลอดเวลาอยู่แล้ว เราเป็นคนที่คิดเยอะ ถ้าจะมีมันต้องมีเงินเลี้ยงเขาก่อน ตัวเขาก็เข้าใจ ตอนนี้ดูแลหัวใจตัวเองก่อน เรื่องแต่งงานมีลูกไม่ได้คิดเลย เอาแต่ธุรกิจอย่างเดียว ตอนนี้ก็ห่วงแต่สุขภาพตัวเอง ถามว่าแก่ตัวจะเป็นยังไง จริงๆ ในตัวผมทุกคนจะทราบอยู่แล้วว่าผมจะดูแลครอบครัวผมก็คือคุณพ่อคุณแม่ และจะดูแลแต่ธุรกิจ แค่นี้ก็หนักพอแล้ว เราทำแต่งานไม่ได้ไปโฟกัสตรงนั้น ยิ่งโตมันก็ยิ่งชินรู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่มีอะไรแน่นอน แล้วเราเองต้องเอาตัวเองให้รอดก่อนเราถึงจะเอาชีวิตคนอื่นมา

ถามว่าแม่ไม่อยากอุ้มหลานเหรอ มีอยู่แล้ว (ลูกของพี่ชาย?) ใช่ ตอนนี้เก็บตังค์อย่างเดียวครับ เก็บตังค์รักษาตัวเองแหละ แพงมาก หลายล้านครับ ไม่มีประกัน”





กำลังโหลดความคิดเห็น