นับเนื่องจากการยุติบทบาทในฐานะบริษัทของ “นาดาวบางกอก” เชื่อว่าสิ่งที่หลายคนจับตามอง ก็คือเส้นทางต่อจากนั้นของเหล่าบรรดา (อดีต) เด็กในสังกัด ว่าชีวิต และทิศทางในวงการบันเทิงหลังจากนี้ จะดำเนินไปอย่างไร ?
แต่สิ่งที่น่าชื่นชม และน่าชื่นใจก็คือ ผลผลิตที่เกิดจากการปลุกปั้น ปลูกฝัง สร้างโอกาส และให้อนาคตของ “นาดาวบางกอก” นั้น วันนี้มีหลายคนที่เติบกล้าอย่างแข็งแรง สามารถนำประสบการณ์ และชั่วโมงบินที่สั่งสมมาตลอดการทำงานในรั้วบ้านหลังเดิม เพื่อมาต่อยอดในการทำงานในวงการบันเทิงได้อย่างสง่างาม
ไม่ว่าจะเป็น “เจเจ - กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม” กับ “ต้าเหนิง - กัญญาวีร์ สองเมือง” คู่รักร่วมค่าย ซึ่งแยกตัวออกมาก่อนที่ “นาดาวฯ” จะประกาศยุติบทบาทของตัวเอง
โดยทั้งคู่ก็ร่วมกันเปิดตัวค่าย "QOW Entertainment" (คาวว์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์) ของตัวเอง โดยมีผู้บริหารของ 4NOLOGUE (โฟร์โนล็อค) ร่วมเป็นหุ้นส่วนและที่ปรึกษา ซึ่งจะเป็นบริษัทที่คอยดูแลงานให้กับทั้งคู่ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงยังมีโครงการที่จะมีศิลปินหน้าใหม่มาร่วมในสังกัดด้วย
และอีกหนึ่งความท้าทายภายใต้การทำงานของ QOW Entertainment ก็คือการมีโอกาสในการทำหน้าที่ดูแลไอดอลคนดัง อย่าง “มาร์ค GOT7” ที่มาจัดแฟนมีตติ้งที่ไทย โดย บ. 4NOLOGUE เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม และพักผ่อนต่อจนถึงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
เรียกว่าเป็นการเริ่มต้นบทบาทใหม่ในฐานะ “ประธานบริษัท” ที่ไปได้สวยเลยทีเดียว
อีกหนึ่งหนุ่มที่เติบโตในเส้นทางเดียวกัน ก็คือ “เจมมี่เจมส์ - ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ” ที่ใช้ระยะเวลา 8 ปีเต็ม ในรายการเรียนรู้การทำงานในวงการบันเทิงในฐานะหนึ่งในนักแสดงของ “นาดาวฯ” กระทั่งล่าสุด ก็ลุกขึ้นมาเปิดบริษัทของตัวเองแล้วเช่นเดียวกัน ภายใต้ชื่อ “JMJ LABEL” (เจเอ็มเจ ลาเบล) ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพื่อดูแลการรับงานของตัวเอง รวมทั้งยังเป็นบริษัทที่ดำเนินการผลิต Creative Content เป็นของตนเอง โดยนำเสนอผ่านช่องYouTube JMJ LABEL ที่จะบ่งบอกความเป็นตัวตน และนำเสนอสิ่งที่ตัวเองรักไปพร้อมๆ กัน
ทั้งนี้มีการเปิดเผยถึงแผนงานเบื้อต้นที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้อย่างแน่นอน เริ่มจากการเปิดตัว Documentary | JMJ : LESSON 25 สารคดีเรื่องราวชีวิตของเจ้าตัวที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ผ่านฝีมือการกำกับ ของ “อัด -อวัช รัตนปิณฑะ” ต่อด้วยรายการรีโนเวทออฟฟิศ JMJ LABEL ที่ทุกคนจะได้ลุ้นไปกับทุกขั้นตอนการก่อสร้างออฟฟิศในฝันของเขา และยังจะมีรายการอื่นๆ ตามมาอีก ไม่ว่าจะเป็นรายการทำอาหาร, รายการท่องเที่ยว และอื่นๆ ที่จะตามมาติดๆ
และที่จะไม่พูดถึงคงจะไม่ได้ สำหรับคู่จิ้นที่โด่งดังสุดกู่ในขณะนี้ อย่าง “พีพี - กฤษฏ์ อำนวยเดชกร” และ “บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” ที่เพิ่งผ่านพ้นดรามาการโดนบุลลี่เหยียดเพศมาหมาดๆ
ต้องยอมรับว่า “พีพี-บิวกิ้น” เป็นคู่จิ้นที่มีกระแสต่อเนื่องมาโดยตลอด นับจากผลงานซิรีส์ “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” ซิรีส์วายเรื่องแรกของ “นาดาวฯ” ที่โด่งดังๆ สุดๆ ทั้ง 2 ซีซัน , กวาดรางวัลมานับไม่ถ้วน พอๆ กับการกวาดพรีเซ็นเตอร์สินค้ามากมาย ที่มีทั้งงานเดี่ยว และงานคู่
การประกาศยุติบทบาทของ “นาดาวฯ” ในจังหวะขาขึ้นของทั้งคู่นั้น ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า แล้วเส้นทางการทำงานในวงการต่อจากนี้ จะมีการสะดุดหรือไม่ ? อย่างไร ?
แต่ทั้งคู่ก็ไม่ปล่อยให้คำถามค้างคาอยู่ในโลกโซเชียลแบบไร้คำตอบ เพราะเพียงไม่นานนับจากข่าวคราวสะเทือนวงการจากกรณีการปิดตัวของ “นาดาวฯ” ก็ตามมาด้วยข่าวคราวการเปิดตัวบริษัทรับงานอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ “PPKritEntertainment” (พีพีกฤษณ์ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์) และ “BillkinEntertainment” (บิวกิ้น เอ็นเตอร์เทนเม้นต์” ตามลำดับ
ที่สำคัญ ทั้งคู่ไม่ได้เปิดบริษัทเพื่อเดินอยู่บนเส้นทางบันเทิงต่อไปอย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง แต่มีพันธมิตรที่ดีในการดูแลการรับงาน การขายงานให้ ก็คือ “หวานเจี๊ยบ” ผู้จัดการส่วนตัวของนางเอกแถวหน้า อย่าง “ชมพู่ – อารยา” , “คริส หอวัง” ฯลฯ ในลักษณะสัญญาใจ โดยแยกกันอย่างเด็ดขาดกับส่วนของ Mllions of stars ซึ่งเป็นบริษัทของ “หวานเจี๊ยบ”
นอกจากจะมีบริษัทคอยดูแลการหางาน รับงานของตัวเองแล้ว ทั้ง “พีพี-บิวกิ้น” ก็ยังมีบริษัทผลิตอาหารเสริม และเครื่องสำอาง ที่ลงทุนร่วมกันกว่า 10 ล้านบาทอีกด้วย รวมถึงธุรกิจส่วนตัวของแต่ละคนอีก
ทั้งหมดทั้งมวล คือการก้าวย่าง และเติบโต ของบรรดา (อดีต) เด็กในสังกัด “นาดาวบางกอก” ที่ต้องเรียกว่าเส้นทางในวงการบันเทิงต่อจากนี้ ก็สามารถไปต่อได้อย่างสง่างาม สวยหรู แม้จะไม่มีร่มเงาของต้นสังกัดคอยดูแลเหมือนเดิม
ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18-24 มิถุนายน 2565