อดีตแฟนสาว “ท็อป ณฐกร” มาพร้อม “ทนายเจมส์” นัดสืบพยานกรณีถูกทำร้ายร่างกายด้วยการบีบคอ เผยคู่กรณีไม่ประสงค์จะไกล่เกลี่ยเพราะยืนยันว่าตนเองไม่ผิด ก่อนแจงความผิดในคดีทำร้ายร่างกายโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับ 60,000 บาท ด้านอดีตแฟนสาวรัองไห้ ยังฝังใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว นึกถึงก็ร้องไห้ ทำให้ไม่กล้ามีรักใหม่ ชีวิตต้องพึ่งยานอนหลับ
ผ่านมา 1 ปีกว่าแล้ว แต่ยังไม่จบง่ายๆ สำหรับคดีที่อดีตแฟนสาวของนักแสดงหนุ่ม “ท็อป ณฐกร ไตรกิศยเวช” ยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีกับฝ่ายชาย ในคดีทำร้ายร่างกายและกักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายได้มีการไกล่เกลี่ยกันแล้วแต่ไม่ลงตัว ทั้งนี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบกับสภาพจิตใจของฝ่ายหญิง กลายเป็นคนหวาดผวาจนต้องพบแพทย์ทุกเดือน และไม่กล้ามีแฟนอีก
ความคืบหน้าในส่วนของคดี วันนี้ (16 มิ.ย.2565) ศาลแขวงพระนครเหนือ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ได้นัดสืบพยานทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายหญิงเดินทางมากับ “ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต” ทนายความส่วนตัว พร้อมพยานที่จะใช้สู้คดีอีก 4 คน ซึ่งทางด้านของอดีตแฟนสาวของ ท็อป ณฐกร ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมทนายเจมส์ มั่นใจในหลักฐานที่มี
ทนายเจมส์ : “ช่วงเช้าศาลท่านก็เมตตาไกล่เกลี่ยให้อีกรอบนึง แต่ก็ไม่สำเร็จ ก็เลยสืบพยานกัน มีการสืบตัวผู้เสียหายก่อน ก็เสร็จแล้ว แต่ทางฝั่งของจำเลยยังไม่ได้ถามค้าน รอฝั่งจำเลยถามค้านมาก่อน ฝั่งท่านอัยการและทางฝั่งซึ่งเป็นผมทนายโจทก์ร่วมจะถามติงกลับ วันนี้มีพยานทั้งหมด 4 ปาก ที่อัยการเตรียมมาก็จะมีผู้เสียหาย พนักงานโรงแรม พนักงานสอบสวน แล้วก็คุณหมอ แต่คุณหมอไม่น่าจะสืบ แต่เป็นการเข้ารับข้อเท็จจริงกัน”
ไม่ขอพูดถึงแนวโน้มคดีว่าออกไปในทิศทางไหน อยู่ในขั้นตอนสู้กันด้วยหลักฐาน
ทนายเจมส์ : “ผมขออนุญาตไม่ตอบเรื่องแนวโน้ม แต่ก็มั่นใจในตัวท่านอัยการที่ท่านรวบรวมพยานหลักฐาน ตั้งแต่พนักงานสอบสวน มั่นใจในตัวพนักงานสอบสวน พนักงารอัยการว่าท่านรวมรวมพยานหลักฐานได้ค่อนข้างดี ในส่วนของผมก็จะมีพยานหลักฐานอื่นอีก เช่น คลิปจากกล้องวงจรปิด ผมก็เอามาเสริมเข้าไปเพื่อให้พยานหลักฐานหนักแน่นขึ้น”
อดีตแฟน : “(ไกลเกลี่ยกันมานาน?) มันก็นานแล้วเนอะ ประมาณปีกว่าแล้ว จริงๆ มันเลยคำว่าไกล่เกลี่ยมาแล้ว ตอนนี้มาสู้กันด้วยหลักฐานแล้ว ซึ่งหลักฐานทุกอย่างอยู่ในชั้นศาลหมดแล้ว”
ทนายเจมส์ : “ทางจำเลยเขาไม่ประสงค์จะไกล่เกลี่ย ในมุมของเขาก็มองว่าเขาไม่ผิด ทางฝั่งผมก็เอาตามที่พยานหลักฐานมี ฝั่งเขามีพยานหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ก็ว่ากันไป ผมยังไม่เห็นแนวทางการต่อสู้ของจำเลยนะครับ ผมไม่ก้าวล่วงจริงๆ เป็นสิทธิและเสรีภาพของเขาที่เขาจะต่อสู้ในเชิงคดี ตัวจำเลยจะปฎิเสธยังไงก็ได้ จะเบิกความยังไงก็ได้ตามสิทธิที่เขามีรัฐธรรมนูญรับรองอยู่ว่าสิทธิของบุคคลย่อมไม่เบิกความให้ตัวเองได้รับความเสียหาย เขาจะยังไงก็ได้ แต่สิ่งที่เขาพูดกับหลักฐานที่เรามีอะไรจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน อันนี้เป็นหน้าที่ของศาลแล้ว ทางผมไม่ได้กังวลอะไร ผมมั่นใจในตัวพยาน หลักฐาน บางอย่างที่เราเห็นว่ามันสามารถเอาไปเสริมในสำนวนได้ เราก็ได้ยื่นไปแล้วในวันนี้”
ประเมินค่าเสียหายทางตนเรียกร้องไป 300,000 บาท
ทนายเจมส์ : “คดีนี้เป็นคดีอาญากับแพ่งรวมกัน ข้อหาก็มีทำร้ายร่างกาย กับ กักขังหน่วงเหนี่ยว ในความคิดเห็นของผม ไม่ใช่ว่าไปใส่กุญแจมือเขานะ เพียงแค่ดึงแขนเขาไม่ให้ไปไหนมาไหน อันนี้ก็เป็นการหน่วงเหนี่ยวแล้ว ทำให้เขาหมดสิทธิและเสรีภาพในตัวเองที่เขาจะไปไหนมาไหน ส่วนที่เราเรียกร้องไปก็ยังเป็นเหมือนเดิม คือ ค่าเสียหายก็ว่ากันไปตามหลักฐาน มันเป็นตัวเลขที่ประเมินค่าไม่ได้ แต่ละคนมีสภาพจิตใจที่แตกต่างกัน บางคนเขาบอกกระทบกระเทือนจิตใจ เรียกล้านนึง บางคนบอกล้านนึงไม่เหมาะสม แต่คนที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ตัวเลขอยู่ที่เท่าไหร่ ยังไง ศาลท่านจะวินิจฉัยเอง มันเอาความรู้สึกของแต่ละคนมาวัดกันไม่ได้ ทางเราเรียกไปตัวเลขรวมๆ ประมาณ 300,000 บาท แต่ว่าศาลท่านจะใหัเท่าไหร่ยังไงนั้น ทางน้องผู้เสียหายเขาเข้าใจแล้ว เขาประเมินอยู่ว่าสิ่งที่ทำกับเขาควรจะได้เท่านี้ ส่วนศาลท่านจะให้เท่าไหร่แล้วแต่ดุลยพินิจของท่าน”
อดีตแฟน : “มันก็ไม่ได้หายไปนะ มันก็ยังอยู่ นึกถึง พูดถึง มันก็ยังร้องไห้ตลอด พอนึกถึงเหตุการณ์นั้นมันก็ยังฝังใจอยู่ แต่ตอนนี้โชคดีคือมีทนายดี เขาจะให้กำลังใจ แนะนำเราให้เราไปทำบุญให้เราลืมเรื่องเครียด เรื่องที่เราเศร้า (วันนี้ได้มาเจอเขาเป็นอย่างไรบ้าง?) ก็นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นที่เขาทำเราอยู่ดี ใครก็ตามไม่ควรโดนทำร้ายร่างกาย คนเราคุยกันได้ มีอะไรก็คุยกัน”
สภาพจิตใจ อดีตแฟนตอนนี้ต้องหาหมอทุกเดือน พึ่งยาให้นอนหลับ ร้องไห้ฝังใจนึกถึงเรื่องนี้ตลอด จนไม่กล้ามีรักใหม่
อดีตแฟน : “ต้องกินยาเพื่อให้มันนอนหลับ แล้วก็สวดมนต์ เราก็ไปเป็นจิตอาสา เปลี่ยนความเศร้าของเราให้มันเป็นการช่วยเหลือสังคม มันก็ดีขึ้น พอเราเห็นคนอื่นมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย แต่มันก็ยังไม่ได้หายไป ไม่ได้กังวลกับคดี แค่รู้สึกว่า…ก็เชื่อในความยุติธรรม ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่มาว่าเรา คุณไม่ได้มายืนอยู่ในจุดเรา ก็เชื่อในทนายความ เชื่อในกระบวนการยุติธรรม
ตอนนี้ยังไม่กล้ามีแฟนใหม่เลย (ร้องไห้) หนูยังไม่กล้าเริ่มต้นใหม่กับใครเลยค่ะ หนูกลัวเจอแบบนี้อีก บางทีนึกถึงเรื่องนี้มันก็ร้องไห้ตลอด ใครถามถึงเรื่องนี้ร้อยครั้งก็ร้องร้อยครั้ง (ร้องไห้สะอื้น) เราไม่ควรโดนแบบนี้ พ่อแม่ยังไม่ตีเราเลยค่ะ เขาเป็นคนที่เรารัก เราคบกัน ทำไมเขาต้องมาทำร้ายเรา มีอะไรคุยกันสิ ไม่รักหรืออะไรก็คุยกันได้
เผยถึงกรณีที่คนมองว่ามีเจตนาในการถ่ายคลิปเพื่อแบล็กเมล์ “ท็อป ณฐกร” ตลอด 2 ปีที่คบหากันก็มีการถ่ายแบบนี้ตลอด
อดีตแฟน : “เห็นกระแสนี้อยู่ค่ะ ก็รู้สึกเสียใจอยู่นะ ไม่ว่าเราคบใครเราก็ถ่ายไว้แบบนี้ตลอด เราไม่เคยเอาไปเผยแพร่ในที่สาธารณะเลย มันไม่มี (ยืนยันว่าถ่ายเก็บไว้ส่วนตัวจริงๆไม่เคยเอามาเผยแพร่ แบล็กเมล์?) ก็ถ่ายรูปแฟนปกติ ถ้าเขาไม่ใช่แฟนเราเราก็ไม่ถ่าย ถ้าเขาเป็นใครก็ไม่รู้เราก็ไม่เคยถ่าย”
ทนายเจมส์ : “ไม่ทราบว่าเขาทำไมคิดว่าจะถ่ายไว้แบล็กเมล์ ใครพูดว่าถ่ายรูปไว้แบล็กเมล์ก็ไม่รู้นะ เมื่อกี้ผมก็ถามในบัลลังก์นะครับว่าตอนที่น้องเป็นพยาน ถ่ายไปทำไม ถ่ายเพื่ออะไร เขาบอกว่าถ่ายแบบโมเมนต์แฟน แล้วไม่ใช่ถ่ายครั้งแรก ถ่ายมานานแล้ว 2 ปีมีรูปเต็มไปหมดเลย ที่เขาลบรูปก็ไม่ได้ลบเฉพาะวันที่เกิดเหตุเท่านั้น แต่เป็นการลบย้อนหลังไปเก่อบหมดที่คบกัน ผมไม่รู้ว่าสาเหตุที่ลบเพราะอะไร ถ้าเกิดว่ากลัวว่าจะเป็นรูปลับ ที่มันเกิดขึ้นในวันที่เกิดเหตุ ทำไมถึงไปลบอันเก่าๆ ด้วย”
แจงที่ฝั่ง “ท็อป ณฐกร” บอกยังลบรูปไม่หมดน่าจะเป็นรูปเก่า
ทนายเจมส์ : "รูปไม่หมดน่าจะเป็นรูปเก่าๆ เมื่อ 1-2 ปีที่แล้ว คือเขาคบกันมา 2 ปีแล้วนะก่อนเกิดเหตุ เพราะฉะนั้นรูปที่ถ่ายไว้มีเยอะแน่นอน"
อดีตแฟน : "ถ่ายไว้หมดค่ะ ไปสนามบินด้วยกัน ไปดูหนัง ไปวัดก็ถ่าย บางทีถ่ายเขาแคะจมูก ถ่ายตอนเขาหาวเราก็แอบถ่ายมันตลกดีคนเป็นแฟน ชอบถ่ายรูปเก็บไว้ (มีรูปลับส่วนตัวอะไรที่ทำให้เขารู้สึกกลัวจนอ้างว่าเราถ่ายเพื่อเก็บไว้แบล็กเมล์?) ต้องถามอย่างนี้ดีกว่าเจตนาที่เขากลัวเพราะอะไร ถ้าเขาคบเราคนเดียว คนเราเป็นแฟนกันคบคนเดียวมันไม่มีอะไรให้น่ากลัวเลยค่ะ ตอนนี้ก็ยังมีรูปคู่อยู่
ตอนเป็นแฟนกันเวลาเรารักใครเราก็ตั้งใจรัก ตอนนี้เขาเป็นแฟนเรา เราก็รักเขา (เสียงสั่นเครือ) เราก็ซื่อสัตย์ต่อเขา บางทีไม่ได้เจอกันก็ดูรูป ถามว่าตอนนี้ยังเก็บรูปถ่ายคู่กับเขาอยู่ไหม ก็มีเก็บค่ะ ไม่ได้ลบ (เหตุผลที่เก็บไว้เพราะอะไรนอกจากเป็นหลักฐาน?) ตอนนี้ไม่ได้คิดเรื่องหลักฐานเลยค่ะ ผู้ชายคนนี้เราเคยรักเขา (ตอนนี้ยังรักเขาอยู่ไหม?) ไม่แล้วค่ะ ตอนนี้ไม่ได้รักแล้ว"
หลังจากเกิดเรื่อง ทาง “ท็อป ณฐกร” ก็ได้ติดต่อมาพูดคุยกันอีกเลย
อดีตแฟน : "ไม่เคยติดต่อมาแสดงความรับผิดชอบหรือติดต่อมาห่วงใยคนเป็นแฟนกันหรือในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งไม่มีค่ะ"
ทนายเจมส์ : "วันพรุ่งนี้ (17มิ.ย.) สืบพยานจำเลยอีกหนึ่งวัน ก็น่าจะนัดฟังคำพิพากษาแล้ว แต่ผลคำพิพากษาไม่รู้ว่าท่านจะพิพากษาในรูปแบบไหน มันไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ไปต่อยไปตีกัน คือเกิดจากความสัมพันธ์ของคนเป็นแฟนกัน เรื่องราวที่มันเกิดขึ้นผมคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องทั่วไปที่คู่รักเขาเป็นกัน เพียงแต่ว่าวันนี้พอไม่ได้ปรับความเข้าใจกันมันเป็นเรื่องของคดีอาญา ความผิดยอมความไม่ได้ แล้วพอคุยกันไม่จบก็ต้องมาให้ศาลท่านวินิจฉัยว่าการกระทำในลักษณะนี้มันผิดกฎหมายมั้ยหรือมันไม่ผิด หรือเขามีเจตนาอะไร ต้องเป็นแนวทางนำสืบของฝ่ายจำเลยเขา"
อดีตแฟน : "มันเป็นเรื่องมานานแล้วตั้งแต่แรกถ้าสมมติเขามาแสดงความรับผิดชอบ ถ้าไม่ได้รักเราความเป็นเพื่อนมนุษย์อีกคนหนึ่งได้รับความทุกข์ทั้งกายทั้งใจ(เสียงสั่นเครือ) การแสดงความรับผิดชอบถามทุกข์สุขเขายังไม่มีให้เราเลย ตอนนี้ปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการความยุติธรรมแล้วเพราะหลักฐานทุกอย่างอยู่ในชั้นศาล”
ไม่ขอฝากอะไรถึง “ท็อป ณฐกร” แต่ขอพูดกว้างๆ ว่าการมีแฟนที่ซื่อสัตย์ดีที่สุดแล้ว
อดีตแฟน : “(มีอะไรอยากบอกเขา?) ไม่บอกเขาแล้วกัน พูดกว้างๆ แล้วกันนะคะ ถ้าใครมีแฟนซื่อสัตย์ต่อแฟนดีที่สุดค่ะ เราชื่นชมทนายเจมส์มาก เขาเป็นคนที่รักภรรยามาก อยากมีแบบพี่ทนายเจมส์สัก 10 คนบนโลกนี้ ผู้ชายที่ซื่อสัตย์รักเดียวใจเดียวมันโคตรเท่สำหรับเรา”
ทนายเจมส์ : “เรื่องคดีความในเรื่องของความเป็นสามีภรรยาแฟนกันต่อให้มีจดทะเบียนสมรสก็ตาม ไม่มีใครมีสิทธิ์ไปทำร้ายร่างกายกัน ขนาดคุณมีทะเบียนสมรสเมียคุณไม่ยอม คุณยังไปข่มขืนเขาไม่ได้เลย อยากให้เคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน มีอะไรคุยกัน ถ้าอะไรที่คุณคิดว่าคุณถูกกระทบกระเทือนสิทธิของคุณ ใช้สิทธิ์ตามกฎหมายครับ อย่าไปใช้ความรุนแรงเพราะมันอาจจะนำคดีอื่นๆ ติดตามมาถึงคุณก็ได้เพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ
ความผิดในคดีทำร้ายร่างกายโทษหนักจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับ 60,000 บาทคือโทษสูงสุด แต่ว่าโทษอันหนึ่งที่ตอนแรกแจ้งความกันไปคือทำร้ายไม่เป็นเหตุอันตรายต่อกายและจิตใจ แค่ฟกช้ำดำเขียว โทษจำคุก 1 เดือนปรับ 10,000 บาทเป็นคดีลหุโทษ รับสภาพก็ปรับ 1,000 ก็กลับบ้านแล้วสมมติเป็นคดีน้อยๆ นะ แต่พอมันเลยเถิดมามันไม่ได้แล้ว พอมันมีข้อเท็จจริงเรื่องเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือไม่เข้ามาก็ต้องให้ศาลท่านวินิจฉัย”
เชื่อฝั่ง”ท็อป ณฐกร” จะสู้จนถึงที่สุด
ทนายเจมส์ : “เขาก็คงสู้สุดฤทธิ์เลย เขาก็บอกว่าเขาเป็นนักกีฬา เขารับไม่ได้ว่ามาทำร้ายร่างกายผู้หญิง ผมเข้าใจนะอาจจะยื้อยุดฉุดกระชากกันแล้วเกิดรอยแผล ถามว่าตั้งใจไหม มันก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก มันเป็นไปตามอารมณ์ รู้ไหมว่าความลับอยู่ในมือถือความลับมากความลับน้อยวัดจากอะไร วัดจากความเร็วที่ผู้ชายดึงโทรศัพท์คืน ถ้าไม่มีความลับก็เอาไปเลย แต่ถ้ามีความลับก็รีบดึงคืนมาเลย”