บอกกล่าวตั้งแต่บรรทัดแรกแล้วกันนะครับสำหรับคอหนัง โดยเฉพาะนักวิจารณ์ทั้งมืออาชีพและสมัครเล่นผู้ยกให้หนัง Top Gun Maverick เป็นสุดยอดของหนังแอ็กชั่นดรามาประจำปีนี้ที่ไม่อาจหักคะแนนเต็มได้เลย โดยจะบอกว่าส่วนตัวของผู้เขียนแล้วมีความเห็นต่างเป็นอย่างยิ่ง แม้ถ้าเจาะจงลงไปที่ความตื่นเต้นเร้าใจตลอดเวลากว่าสองชั่วโมงที่หนังดำเนินเรื่องจะไม่สามารถหยิบปากกามาวง ทว่ากลวิธีในการดำเนินเรื่องอันเป็น ‘หัวใจ’ ของหนังยุคใหม่เมื่อเปรียบเทียบกับ RRR หนังอินเดียที่ผู้เขียนเพิ่งเขียนถึงไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ช่างร้ายเหลือกว่าเยอะ
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้เขียนจึงเห็นต่างกับคนอื่นๆ ที่ยกนิ้วโป้งสองข้างให้กับ Top Gun Maverick
ว่าไปแล้วพื้นฐานของ Top Gun Maverick กับ RRR ในบริบทของตัวเรื่องอยู่ในระดับเดียวกัน นั่นคือมีที่มาที่ไป ไม่มีอะไรให้ต้องขยับคิ้วเข้าหากัน เปรียบเป็นนิยายชิงซีไรต์กรรมการรอบสุดท้ายคงตัดสินยาก ครั้นต่อเมื่อมีกรรมการสักคนหยิบยกกลวิธีดำเนินเรื่องแบบแปลกใหม่ ที่สำคัญคือ ‘เล่าเรื่อง’ (เขียนบท) อย่างสร้างสรรค์ ลึกล้ำกว่า นั่นแหละครับที่สมควรจะคว้ารางวัลใหญ่ไปประดับเกียรติ
อย่างไรก็ตาม หากยกเอากลวิธีเล่าเรื่องออกไปไว้ในมุมข้างๆ หนังอย่าง Top Gun Maverick คะแนน 100 ผู้เขียนก็ให้ 99 คะแนน เนื่องจากเป็นหนังที่ถ่ายจริง แสดงจริงมากกว่าจะใช้เทคนิกพิเศษ แล้วก็เหตุผลสำคัญนี้ Top Gun Maverick จึงจำเป็นต้องดูในโรงภาพยนตร์เท่านั้น ยิ่งทันสมัยมากยิ่งเหมาะ
.เหนือยิ่งสิ่งใด หนังเรื่องนี้มีกลิ่นอายของคอหนังอายุเกินกึ่งศตวรรษที่ประมวลเอามนตร์เสน่ห์ของ ทอม ครูซ เมื่อเกือบ 40 ก่อนย้อนกลับมา ไม่อธิบายว่ามันเป็นอย่างไรแต่อยากให้ไปพิสูจน์ทราบกันให้ได้ โดยเฉพาะนักดูหนังรุ่นใหม่ด้วย เพราะ Top Gun Maverick เป็นหนังแอ็กชั่นดราม่าที่แตกต่างกว่าหนังทุกเรื่องในรอบทศวรรษอย่างนั้นเลย
ทอม ครูซ น่าจะแซยิดปีนี้พอดี แต่เขายังเป็น ‘ป๋า’ ที่บรรดาเด็กหนุ่มเสืออากาศและนางซีตาร์ที่ว่าเป็นมือหนึ่งของเจนเนอเรชั่นยังต้องทึ่งทั้งฝีมือการแสดงและรูปร่างหน้าตาที่ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่สิบรมตำนานของแท้
ไม่ว่ากันนะครับที่ผู้เขียนให้ Top Gun Maverick 99 จากคะแนนเต็ม 100