“เคน ธีรเดช” ซึ้งเป็นผกก.ละครครั้งแรกในชีวิต ดาราเบอร์ใหญ่ให้ใจ มาเล่นรับเชิญให้ฟรีไม่เอาค่าตัว “ชมพู่ อารยา” ขอแค่จับฉ่ายหนึ่งหม้อ ลั่นไม่หวังเรื่องผลกำไร แต่ “หน่อย บุษกร” หน้าเขียวแล้ว พร้อมเผยลูกสองคนโตแล้วไม่เคยสร้างปัญหา ที่ผ่านมาไม่เคยขอดูเกรดลูก ขอแค่มีแรงบันดาลใจ ได้ทำสิ่งที่ชอบ ไม่หวงหากลูกมีแฟน
เป็นพระเอกเล่นหน้ากล้องหล่อๆ อย่างเดียว พอต้องมารับหน้าที่เป็นผู้กำกับครั้งแรก ก็ทำเอาคุณพ่อลูกสองอย่าง “เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์” ถึงกับออกปากว่าเหนื่อยเลยทีเดียว ซึ่งเจ้าตัวเผยถึงละครเรื่อง ซุปตาร์ 2550 ในงานเปิดตัว แบรนด์ DEVONTE ผลิตภัณฑ์สกินแคร์สำหรับผู้ชาย ณ ห้องประชุม ณ ฉัตรา 1 ชั้น 2 โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ยันปีนี้ได้ดูกันแน่ ขอบคุณเหล่าซุปตาร์หลายๆ คนที่มาร่วมเล่นรับเชิญให้
“ละครตอนนี้ใกล้ปิดแล้วครับ น่าจะ 80% แล้วครับ ดารารับเชิญเยอะมากจริงๆ ครับ (ยกมือไหว้) ต้องขอบคุณพี่ๆ น้องๆ นักแสดงทุกๆ คนเลยที่มาให้ใจผมกับคุณหน่อย (บุษกร วงศ์พัวพันธ์) มาช่วย มาทำให้งานเราว้าว จริงๆ ด้วยการที่ทุกๆ คนมา ผมเชื่อว่าพอทุกคนรู้ว่าพี่เคนเขาตั้งใจ นี่เป็นความฝันของเขา ทุกคนก็เลยอยากมาเติมเต็มความฝันของผมให้มันเป็นจริงๆ ก็ขอบคุณมากๆ ครับ (ยกมือไหว้) ก็มียกหูหาเองเลยครับ อะไรที่ไม่เคยทำก็ทำหมดเลยครับ (หัวเราะ)
เรื่องค่าตัวก็แล้วแต่คนเลยครับ ถ้าคนที่เขาคิด เราก็จ่ายครับ แต่คนที่ไม่คิดก็มีครับ อย่างชมพู่ (อารยา เอ ฮาร์เก็ต) ก็จ่ายเป็นจับฉ่ายหนึ่งหม้อ ก็ไม่ว่ากัน เพราะจริงๆ แค่มาก็ดีใจแล้ว ในส่วนตัวผมไม่เคยเป็นผู้กำกับมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต มันใหม่มาก คือเขาก็ไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่เขามาทำให้ผมมันจะดีหรือไม่ดี แต่ทุกคนแค่รู้สึกว่าแค่เป็นพี่ หนูไป คือเขาให้ใจมาแล้ว ก็ต้องขอบคุณ จะคิดหรือไม่คิดเราก็ต้องแล้วแต่เลยครับ
เราต้องขายแรงบันดาลใจของเราก่อน ผมว่าทุกคนคงรู้ได้ว่ามันมาจากตัวผมจริงๆ มาจากความรู้สึกนึกคิดของผมที่อยากจะพรีเซ็นต์ น้องเขาถึงได้อินตาม คือถ้าเราไม่อินกับโปรเจกต์เรา คนอื่นเขาก็อาจจะคิดว่านี่อะไร ผมก็ต้องมีความมั่นใจในสิ่งที่ผมทำ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะตอบรับ คนที่ปฏิเสธก็มี แต่ผมก็เข้าใจ เพราะตัวผมก็ปฎิเสธงานคนอื่นเยอะเหมือนกัน มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจครับ
เรื่องคิวแต่ละคนเราก็หาเวลากันจนได้ คือน้องๆ บางคนก็ว่างวันนี้ วันนี้ไม่ว่าง แต่สุดท้ายเราก็รวบรวมมาได้เกือบจะหมดแล้วครับ เหลืออีกแก๊งเดียว ซึ่งแก๊งนี้ถ้ามานี่ โอ้โห คือมาทีเดียวทั้งแก๊ง ไม่ได้มาคนใดคนนึง ก็เป็นแก๊งนักแสดงที่เป็นเพื่อนสนิทกันและทุกคนฮอตหมด จะมีผู้หญิงอยู่ 5 คนและผู้ชาย 1 คน เดี๋ยวถ้าถ่ายแล้วคงจะมีข่าว ก็จะได้รู้กันครับ ตอนนี้เป็นเซอร์ไพรส์ไว้ก่อน (ยิ้ม) แต่ปีนี้ได้ดูกันแน่นอนครับ น่าจะก่อนปลายปี หวังว่านะครับ”
ยอมรับเหนื่อยมาก แต่ดีที่มีทีมงานรุ่นใหม่เข้ามาช่วย
“เรื่องนี้เป็นผู้กำกับด้วยและแสดงด้วย ก็เหนื่อยมากครับ ภาระความรับผิดชอบของเรามากขึ้น และพอเราเป็นผู้กำกับเองก็เหมือนพ่วงตำแหน่งผู้จัดไปด้วย น้องที่มาเราก็ต้องดูแลเขา ต้องคอยเอาใจใส่ แต่สิ่งที่ทำให้เราทำได้ เพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นงานของเรา และเป็นสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ ไม่งั้นผมคงตายไปแล้วจริงๆ นะ (หัวเราะ) เพราะเราทำแบบนี้ตลอด พอวันที่ไม่ถ่ายผมก็ต้องไปดูโลเกชั่น ไปทำทุกอย่างที่ทีมงานเขาทำกัน ไปนั่งประชุม มันเหมือนผมทำงานเกือบจะ 7 วันอยู่แล้ว วันที่อยู่หน้าเซ็ตผมก็ต้องมากำกับ และต้องวิ่งไปวิ่งมา แต่ก็มีผู้กำกับร่วมนะครับ ก็คือเป็นทีมงานรุ่นใหม่พอสมควรที่ผมหามาจากการที่ผมเจอและรู้จักกัน ก็มารวมตัวกันครับ
ถามว่าทำทุกอย่างเพื่อเก็บประสบการณ์หรือเซฟงบ จริงๆ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเซฟงบเลย แรกเลยคือผมมีไอเดียนี้ขึ้นมา ช่วงโควิดนี่แหละที่เราเริ่มว่าง ก็มีไอเดียนี้ที่รู้สึกว่ามันตลกดี แปลกดี ก็ลองเอาไอเดียนี้ไปคุยกับทางช่อง ช่องก็บอกว่าแปลกดี น่าสนใจ ให้ไปลองพัฒนามา ตอนนั้นมีเวลาเยอะก็ทำมาเรื่อยๆ จนมันกลายเป็นรูปเป็นร่าง ตอนแรกผมก็ไม่ได้มองจะเป็นผู้กำกับเองหรอก ผมจะหาผู้กำกับมา ผมแค่เป็นคนคิดพล็อตเรื่อง ก็ยังมองว่าเราต้องอยู่ในฐานะนักแสดงนี่แหละ สุดท้ายแล้วยิ่งเราอินกับมันมากเท่าไหร่ก็คงไม่มีใครรู้ดีเท่าเราแล้ว เพราะผมรู้ว่าคนที่เป็นผู้กำกับเหนื่อยแค่ไหน จากการที่เราเป็นนักแสดงและเราเห็นว่าความรับผิดชอบมันคนละเรื่องกันเลย
แต่พอไปถึงจุดนั้นจริงๆ ผมกลับไม่ได้กลัวกับความเหน็ดเหนื่อย หรือปัญหาที่มันจะต้องเกิดขึ้น และผมก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอยู่แล้ว อุปสรรคมันเยอะ การแก้ปัญหาอะไรต่างๆ แต่มันก็ผ่านมาได้ แต่ถามว่าไม่หวังผลกำไรเลยไหม เรื่องนี้ต้องไปคุยกับคุณหน่อยนะ (หัวเราะ) ตอนนี้หน้าเขียวแล้ว”
เผยตอนนี้ลูกชายสองคน ทั้ง “น้องคุณ” และ “น้องจุน” ยิ่งโตก็ยิ่งเลี้ยงง่าย ไม่เคยสร้างปัญหาให้
“ตอนนี้ลูกๆ เริ่มโตแล้วต้องบอกว่าง่ายมาก ยิ่งโตยิ่งทำให้ผมรู้สึกสบายใจ เพราะตอนช่วงแรกๆ ที่เขายังเบบี๋ผมรู้สึกว่าเหนื่อยมากจริงๆ ผมไม่อยากทำงานเลย เพราะผมทำหน้าที่คุณพ่อแบบฟลูไทม์จริงๆ คือเราไม่มีพี่เลี้ยง แต่ตอนนี้มันผ่านจุดนั้นมาหมดแล้ว เขาโตแล้ว แต่สิ่งที่ผมได้รับในวันนี้คือความที่เราใกล้ชิดกับเขาเยอะ มันทำให้เขากับเราสื่อสารกันรู้เรื่องง่ายขึ้นมาก จนตอนนี้เหมือนเป็นเพื่อนกัน และเขาก็ค่อนข้างจะไม่สร้างปัญหาอะไรให้ผมกลุ้มใจ ทำให้ผมสามารถที่จะออกมาทำงานได้เต็มที่ โดยที่ผมไม่ต้องไปนั่งกังวลเรื่องชีวิตวัยรุ่นของเขา ซึ่งก็เป็นข้อดี
เขาก็เข้าใจ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมามันเหมือนผมให้เวลากับเขาเพียงพอและเต็มที่จริงๆ จนถึงวันนี้เขาโตแล้ว เขาก็มีอิสระของตัวเอง โดยที่เขาไม่ได้รู้สึกว่าในวัยเด็กเขาขาดความเป็นพ่อจากผมไป ผมก็ไม่ได้วางอนาคตให้เขานะ ตอนนี้ก็พยายามให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาชอบ ผมจะบอกกับเขาเสมอว่าชอบอะไร อยากทำอะไรให้มาบอก เพราะผมอยากให้เขามีแรงบันดาลใจ เรื่องเรียนผมไม่เคยมานั่งขอว่าลูกต้องเกรดเท่าไหร่ยังไง ผมก็เอาประสบการณ์จากตัวเราเป็นหลัก คือเราก็มองว่าเด็กๆ ผมก็ไม่ใช่คนเรียนเก่ง แต่สุดท้ายคนเราพอเจอสิ่งที่เราอยากทำ เราชอบ ตรงนั้นต่างหากที่จะพาตัวเราไปในจุดนั้นจุดนี้ได้”
ไม่ห่วงถ้าลูกจะมีสาวๆ เข้ามาบ้าง แต่ฝั่ง “แม่หน่อย” อาจจะมีบ้าง
“แต่ตอนนี้เขาก็ยังเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ นะ คนพี่ด้วยโรงเรียนที่เขาเรียนมันค่อนข้างเป็นโรงเรียนที่ไม่มีการบ้าน สมมติเทอมนี้น้องคุณจะต้องเอาโปรเจกต์ไปเสนอครู สมมติเทอมนี้อยากทำเรื่องบอร์ดเกมส์ เขาก็จะไปศึกษาเรื่องนั้น และคุณครูก็จะถามว่าทำไมถึงอยากทำ ก็ต้องเสนอจนกว่าโปรเจกต์จะผ่านและครูอนุมัติว่าคุณทำโปรเจกต์นี้ได้ และต้องมีการพรีเซ็นต์ ผมเลยรู้สึกว่าตรงนี้มันดี มันทำให้เด็กเหมือนเป็นสตาร์ทอัปหรือได้ทำงานจริงๆ เด็กจะมีความมั่นใจที่จะไปพูดกับคน ไปหาข้อมูล มากกว่าที่จะต้องมานั่งคิดเลขหรือทำอะไรที่เขาอาจจะไม่ได้อินตรงนั้น
แพลนส่งไปเรียนต่างประเทศยังไม่มีครับ อันนี้ก็แล้วแต่เขาเหมือนกัน ถ้าเขาอยากไปก็คงต้องดูว่าอยากไปไหน ผมทำใจได้ แต่คุณแม่น่าจะห่วงกว่า เรื่องสาวๆ เดี๋ยวแม่รู้ว่ามาคุยกับผม (ทำมือจุ๊ๆ ที่ปาก) คือผมไม่ได้มีปัญหาเลยถ้าลูกจะมีแฟน จริงๆ คุณหน่อยก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่มุมแม่ก็จะมีนิดนึงเนอะ ผู้หญิงก็จะหวงลูกชาย ถ้าผมมีลูกสาวก็อาจจะมีความรู้สึกแบบนั้น แต่นี่มีลูกชายผมก็เลยเต็มที่ แต่คุณหน่อยก็อาจจะมีซักไซ้เยอะหน่อย จริงๆ ก็เป็นเพื่อนเขานี่แหละ ถ้าคุณหน่อยเห็นก็จะทักทายนิดนึง ผมเองบางทีก็ถาม แต่มันก็ไม่ใช่ว่าผมถามอะไรแล้วเขาจะต้องตอบเราทุกเรื่อง แต่ผมก็ใช้ความเป็นเพื่อนนี่แหละ ถ้าวันนึงเขาอยากจะเล่า เขาจะเดินมาหาผมเองว่าพ่ออะไรอย่างนั้นอย่างนี้”
บอกบ้านที่ญี่ปุ่นไม่ได้ไปดูแลเลยตั้งแต่มีโควิด
“บ้านที่ญี่ปุ่นไม่ได้กลับไปดูเลยครับ โควิดก็ทำอะไรไม่ได้เลยครับ ก็ปล่อยยาวเลยครับ และพอผมมาทำละครก็เลยไม่ได้คิดเรื่องเที่ยวอะไรเลย ก็ต้องรอให้โปรเจกต์ซุปตาร์ 2550 มันจบก่อน จริงๆ สิ้นเดือนหน้าก็น่าจะจบแล้วครับ แต่ผมก็ต้องเข้าห้องตัดต่อไปดูเรื่องโปรดักชั่นอีกทีด้วย แต่มีคนดูแลอยู่แล้วครับ แต่เรื่องการท่องเที่ยวก็ยังไม่มีครับ”
