“แก๊ปเปอร์” เผยถูกคู่กรณีผิดสัญญาชำระเงินค่าผลิตซีรีส์ฟ้องกลับ แถมเรียกเงินคืน 5 ล้าน โอดเสียค่าโง่ไปหลายล้าน พร้อมยกมือไหว้ขอโทษ “เต๋า ทีวีพูล” อโหสิกรรมให้ ด้าน “หมิว สิริลภัส” ยืนหยัดไม่ได้ทำผิดทำไมต้องขอโทษ ย้ำคนเสพข่าวเดี๋ยวนี้ไม่โง่ ดูออกใครตอแxล ส่วนตนไม่ตอแxล ก็ต้องเป็นอีกฝ่าย
จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว “ซีรีส์ Check Out คืนนั้นกับนายดาวเหนือ” ณ กันตนา ซีนีเพล็กซ์ (กันตนาเหม่งจ๋าย) งานนี้ “แก๊ปเปอร์ วรฤทธิ์ นิลกลม” ในฐานะผู้จัด บริหารบริษัท ๙ หน้า โปรดักชั่น จำกัด ก็ได้ควง “ชาฮับ มารุจน์ ประเสริฐศิลป์ กูมมุดดิน” และ “หมิว สิริลภัส กองตระการ”มาเคลียร์ประเด็นร้อน ก่อนหน้านั้นเคยขึ้นโรงพักแจ้งความ “เต๋า ทีวีพูล” เต้ามั่ว ดารา ม. ล้วงงู โดยแก๊ปเปอร์ยังเผยอีกว่าพรุ่งนี้ (14 มิ.ย.) ต้องเตรียมขึ้นศาลในวันเกิด รวมทั้งเผยว่าถูก “ชลลดา ทรงลำเจียก” ฟ้องกลับ หลังจากที่ตนฟ้องอีกฝ่ายฐานผิดสัญญาการชำระเงินค่าผลิตซีรีส์ I AM YOUR KING ผมขอสั่งให้คุณ ซีซั่น 2 คู่กรณีจะเรียกเงินคืน 5 ล้าน
“คดีล่าสุดก็จะขึ้นศาลพรุ่งนี้ ตรงกับวันเกิดเลย 14 มิ.ย. ขึ้นศาลพรุ่งนี้เป็นศาลอุทธรณ์ครับ หลังจากที่ชนะคดีไปก็ยังไม่ได้มีอะไร เขาก็มีการยื่นอุทธรณ์และได้ข่าวมาตามที่ผมได้รับเอกสารก็คือมีการฟ้องร้องกลับเกิดขึ้น ก็โดนเรียกกลับคืนอีก 5 ล้าน ซึ่งกูลงทุนซีรีส์หมดแล้ว อย่าฟ้องกูเลย (หัวเราะ)
ส่วนถามว่าเขาฟ้องข้อหาอะไร ผมจำเรื่องคดีไม่ได้ แต่เหมือนประมาณว่าเราผิดเงื่อนไข ผิดสัญญา ก็ไม่คิดว่าจะมาขึ้นศาลในวันเกิดตัวเอง พรุ่งนี้ก็ต้องไปขึ้นศาลประมาณ 8-9 โมงเช้า ก็น่าจะรู้แล้วว่าศาลอุทธรณ์จะว่ายังไงต่อ เราจะไปต่อฎีกาได้ไหม หรือเราจะได้เงินคืนหรือเปล่า ผมก็ยังตอบไม่ได้ แต่ก็ต้องสู้ต่อไป เพราะผมรู้สึกว่าคนที่ทำไม่ดีกับคนอื่น มันไม่ควรจะมีพื้นที่ยืนในจุดนี้ เพราะเขาอาจจะไปหลอกคนอื่นต่อได้
และเงินที่ผมสูญเสียไปมันก็หลายล้านมากๆ เสียค่าโง่ไปเยอะมากครับ ค่าทนายเราก็ลง ค่าอะไรต่างๆ เราก็ลง แต่ว่าเราโดนแบบนี้ มันพูดยากมาก เพราะตั้งแต่เป็นข่าวมาก็มีคนมาบอกหลังไมค์ว่าเขาก็โดนมาเหมือนกัน แต่ไม่มีใครฟ้องอันนี้ก็ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน แต่แบบนี้ก็น่ากลัวเหมือนกันนะ กลัว PDPA เขาฟ้องกลับขึ้นมาทำไงวะเนี่ย (หัวเราะ) แต่เราไม่ได้เอ่ยถึงใครเนอะ ก็ร้อนตัวเอา”
อโหสิกรรมในวันเกิดให้ “เต๋า ทีวีพูล” แถมยกมือไหว้ขอโทษเอง แต่หมิวยืนกรานไม่ได้ทำผิดแถมจัดเต็มคนดูออกใครตอแxล
แก๊ปเปอร์ : “อึกคดีนึง เต๋า ทีวีพูล อันนี้พูดได้ เพราะข่าวมันออกไปแล้ว วันเกิดผมก็ถือว่าอโหสิกรรมให้ เราไม่ฟ้องไม่อะไรอีกแล้ว เจอหน้ากันสามารถคุยทักทายกันได้ปกติ และไม่ได้คิดจะมาเอาเรื่องเอาราวอะไรอีกแล้ว เพราะถือว่ามันผ่านไปแล้ว ผมรู้สึกว่าพอแล้ว วันนี้ผม ชาฮับ - หมิว เราก็พอเท่านี้นะ ถือว่าเป็นพี่น้องร่วมวงการกัน มันก็มีรู้ผิดรู้พลาด แต่บางอย่างก็เบาลงบ้าง (หัวเราะ)”
หมิว : “แต่อย่าแตะอีกนะ”
แก๊ปเปอร์ : “มีอะไรไปฟ้องที่หมิวครับตอนนี้ ผมไม่เกี่ยวแล้ว”
ชาฮับ : “ตอนแรกผมก็เครียดมากครับ แต่พอเราถ่ายซีรีส์เสร็จ เรากลับไปทำงาน ที่ทำงานส่วนมากก็จะให้กำลังใจครับ ผมเชื่อในวิจารณญาณของคนฟังและคนดูว่าเขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร ผมก็รู้สึกสบายใจที่ผู้ใหญ่เข้าใจ ก็ขอบคุณทางพี่แก๊ปด้วยครับ และวันนี้ก็เป็นไปอย่างที่พี่แก๊ปบอก เราก็ยุติ และเดินหน้าต่อ เจอกันได้ปกติ ทักทายได้ปกติครับ”
หมิว : “คือจะบอกว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นทั้งหมด มันมีแค่หมิวกับชาฮับเท่านั้นแหละที่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือไม่จริง เพราะฉะนั้นพอเป็นบุคคลที่สามมาพูด เราก็อยากถามเหมือนกันว่ามาอยู่ด้วยกันกับเราตอนที่เราทำแบบนั้นเหรอ”
แก๊ปเปอร์ : “ใจเย็นๆ ใจร่มๆ (หัวเราะ)”
หมิว : “คือเราอยู่ในกอง เราทำงานอยู่ด้วยกัน มันไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นครั้งแก๊ปกับชาฮับบอกว่าปล่อย หมิวปล่อยก็ได้ (เสียงสูง) แต่อย่าเกิดซ้ำอีก”
แก๊ปเปอร์ : “หลังจากวันนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างเงียบ ตั้งแต่ขึ้นโรงพักกันวันนั้น นักข่าวมากันพรึ่บพรั่บก็คิดว่าข่าวออกเยอะพอสมควร แต่ก็เงียบตามสเต็ป แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้างั้นเอาแบบนี้ ถ้าพี่เต๋าไม่มาขอโทษพวกเรา วันนี้ผมอาจจะเป็นฝ่ายขอโทษแทนที่ออกข่าว แล้วบางครั้งอาจจะใจร้อนหรือเรายังไม่ยกหูหากันเอง ก็ขอโทษพี่เต๋าทีวีพูลเองแล้วกัน (ยกมือไหว้) ถือว่าเราอาจจะชะล่าใจในความแรงหรือการออกข่าวไป ก็ต้องขอโทษด้วยกันแล้วกัน”
หมิว : “แต่ข่าวมันก็แรงนะ มันก็ส่งผลกระทบถึงเรา”
แก๊ปเปอร์ : “เอาน่ะ เราผิด เราก็ขอโทษไป”
หมิว : “เราไม่ผิดเธอ ก็เขาพูดเรื่องไม่จริงเราก็ต้องบอกว่ามันคือเรื่องไม่จริง เราต้องยืนหยัดค่ะว่าเราไม่ได้ทำจริงๆ เพราะฉะนั้นการที่เขาพูดอะไรที่ยกน้ำ ยกฟ้า ยกอะไรมาพูดแบบนี้ ต้องบอกว่าเดี๋ยวนี้ผู้ชมไม่ได้โง่ คนเสพข่าวไม่ได้โง่ เพราะฉะนั้นอย่าทำตัวโง่ใส่เขา เดี่ยวเขาทำตัวฉลาดกลับขึ้นมาเราจะไปต่อไม่ได้ (ยิ้ม)
ถามว่าเหมือนเรายังติดใจ จริงๆ หมิวไม่ติดใจนะ เพราะหมิวอยู่ในวงการบันเทิงมา เจอข่าวมาทุกรูปแบบแล้ว แต่หมิวสงสารน้อง น้องเพิ่งเข้าวงการบันเทิงมา แทนที่น้องจะมีผลงานให้มันเป็นข่าว หรือเรื่องอื่นๆ ที่เป็นข่าวที่ดีๆ กลับกลายเป็นว่าน้องจะต้องมาโดนข่าวอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งเราอยากถามเลยว่าคุณเป็นสื่อมวลชน คุณมีจรรยาบรรณหรือเปล่าแค่นั้นเอง แล้วมาทำเด็กเพิ่งเข้าวงการแบบนี้ ทำหมิวไม่เป็นไรหรอก หมิวอยู่วงการมา 10 กว่าปีแล้ว แต่นี่น้องเพิ่งเข้าวงการ ให้น้องเขาเดินทางดีๆ หน่อยแค่นั้นเองค่ะ
จริงๆ หมิวไม่ได้เดือดร้อนนะ เพราะมันก็เป็นแค่ข่าวๆ นึงที่เกิดขึ้นมา และเราบริสุทธิ์ใจจริงๆ ว่าเราไม่ได้ทำ เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นเลย หมิวเลยกล้าเปิดหน้าชนไง ไหนใครพูดมาเลย หมิวกล้าแท็กไปหาเลยนะว่าใช่หมิวหรือเปล่า ม.ในกองมีอยู่คนเดียว หรือแม่ใคร เพราะหมิวรู้สึกไม่แฟร์กับการที่เราตั้งใจทำงาน ซีรีส์ที่น้องเขาตั้งใจทำการแสดง อยากให้มันออกมาดี อยากให้มันมีกระแสของการทำงาน แต่กลายเป็นว่ามันมีคนชุ่ยๆ คนนึงหยิบกระแสอะไรมาก็ไม่รู้ เดี๋ยวนี้โลกมันพัฒนาไปถึงไหนแล้ว มันไม่ใช่ยุคสมัยก่อนแล้วที่เอาอักษรย่อมาเล่น เอาเรื่องใต้สะดือมาเล่นแบบนี้ หมิวรู้สึกว่ามันดูไม่ฉลาด เดี๋ยวนี้เราสามารถขายข่าวดีๆ ให้คนติดตามได้ นี่คือการแสดงออกทางความคิดหรือทัศนคติของนักข่าวที่เขามีคุณภาพ
แต่หมิวค่อนข้างเชื่อว่าคนเสพข่าวสมัยนี้ค่อนข้างฉลาดพอ มีวิจารณญาณมากพอในการที่จะกลั่นกลองดูว่าข่าวนี้มันจริงหรือไม่จริง คนนี้พูดจริงหรือตอ…(ทำปาก) หมิวกล้าบอกเลยว่าหมิวไม่เคยตอ…(ทำปาก) เพราะฉะนั้นถ้าหมิวไม่ ก็ต้องเป็นอีกฝ่ายนึงแล้วล่ะค่ะ (ยิ้ม)
ส่วนเรื่องคดีหมิวปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแก๊ปเปอร์เลย เพราะเราไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนหรือกระทบกับการทำงานของเราอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้แก๊ปเปอร์บอกว่าเราหยุด อโหสิ แก๊ปเปอร์วาง แต่หมิวแค่เดินผ่านเฉยๆ (ยิ้ม) และที่แก๊ปเปอร์ยกมือไหว้เนี่ย เอาจริงๆ สังคมไทยผู้ใหญ่กับผู้น้อย แก๊ปเปอร์ทำถูกแล้วค่ะในการที่เป็นผู้น้อย แต่หมิวรู้สึกว่าหมิวไม่ได้วัดกันตรงนั้น เราวัดกันที่ใครพูดจริง ใครพูดไม่จริง เพราะฉะนั้นจะให้หมิวยกมือไหว้ หมิวไม่ยก (ยิ้ม)หมิวเฉยๆ จะพูดอะไรก็พูดไปเลย แต่อย่ามาทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียงอีกแค่นั้นเอง เพราะเราก็มีเส้นของเรา ก็ไม่มีอะไรจะพูดถึงเขาค่ะ แต่ถ้ามีอีกเดี๋ยวเราก็คงได้รู้จักกันค่ะ”
ไหว้ย่อขอบคุณช่วยโปรโมตซีรีส์
“แต่ก็ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ (ไหว้ย่อ) ที่โปรโมตซีรีส์ให้เรา น้องจะได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ถ้าเป็นไปได้พูดในเรื่องดีๆ ดีกว่า โตแล้ว จะพูดอะไรใช้หัวหน่อย หมิวอยู่ในวงการมาตอนเด็กๆ เราพูดอะไรเราไม่ได้คิด แต่พอเราโตขึ้นมาเรื่อยๆ เราอยู่ในวงการมาเรื่อยๆ หมิวว่าพี่เขาน่าจะอยู่มาก่อนหมิวอีกนะ แต่พอหมิวโตขึ้นเวลาพูดอะไรมันต้องใช้สติมากขึ้น ใช้ความคิดมากขึ้น กลั่นกรองมากขึ้น ดูสิว่าพูดไปแล้วมันจะไปกระทบใครหรือเปล่า แล้วอันนั้นคืออะไร พูดด้วยใจเหรอคะ ไม่ผ่านสมอง ไม่ผ่านความคิด ไม่ผ่านอะไรเลยหรือเปล่า เอาเป็นว่าพูดได้แต่ขอให้อยู่ในขอบเขตที่พอดีกันแล้วกันค่ะแซวเล่นนิดๆ หน่อยๆ ได้ แต่ไม่ใช่จะต้องมาเต้าข่าวให้มันเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนั้น เพราะมันสร้างผลกระทบให้กับตัวนักแสดงเองด้วย”