กลายเป็นศึกหนังหน้าครูไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ “ปิ๋ม ซีโฟร์” มาไหว้ “หนังหน้าครู” ที่แกลอรี่ของ “จิลล์ จักรพงศ์ การสมพรต” หรือแจ๊คจิลล์ อดีตนักร้องฝาแฝดกูรูกุมารทองเครื่องลางของขลัง โดยมีทั้งหมด 21 หน้า เยอะที่สุดในประเทศ และทันทีที่เจ้าตัวเห็นหนังหน้าครูก็iร้องห้ก้มกราบร้องไห้สัมผัสได้ว่า หนึ่งในหน้าครูนั้น คือครูในอดีตชาติเมื่อ 200 กว่าปีก่อน และได้ขอพรไว้ 3 ไปข้อ เมื่อสมดังปรารถนาก็เลยมารำถวายมือหนังหน้าครู พร้อมกับ เจน นุ่น โบว์ ซุปเปอร์วาเลนไทน์ จนกลายเป็นข่าวใหญ่โต
แต่ถึงแม้หนังหน้าครูจะเป็นที่ศรัทธาของปิ๋มและคนในวงการบันเทิงหลายคนที่มากราบไหว้แล้วสำเร็จสมหวัง แต่ก็มีคนที่ไม่เห็นด้วยซึ่งจิลล์ จักรพงศ์ กับ ปิ๋ม ซีโฟร์ ได้ไปออกรายการถกไม่เถียงช่อง 7 ถึงเรื่องราวของหนังหน้าครู ก็เจอ “ครูไก่” ดร.สุรัตน์ จงดา อาจารย์วิทยาลัยนาฏศิลป์และผู้เชี่ยวชาญงานด้านศิลปะวัฒนธรรม ศิลปะการแสดง พื้นฐานนาฎศิลป์ไทย พูดว่า ไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยินเรื่องหนังหน้าครูในวงการนาฏศิลป์ แนะนำให้เอาไปเผาทิ้ง ทำเอาปิ๋ม ซีโฟร์ เดือดจัดถึงขั้นข่มตาหลับในรายการ
แต่ล่าสุดก็ยังไม่จบ เมื่อครูไก่ได้โพสต์ภาพรูปตนเองกับจิลล์ จักรพงศ์ พร้อมกับข้อความ “เลิกงมงายได้แล้ว หนังหน้าผีอะไรก็ไม่รู้เพ้อ” แล้วก็มีคนเข้ามาคอมเม้นท์ชื่นชมครูไก่ และวิพากษ์วิจารณ์การบูชาหนังหน้าครูของปิ๋ม ซีโฟร์ กับ จิลล์
ซึ่งจะเกี่ยวพันกับประเด็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์หนังหน้าครูหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ ทำเอาปิ๋ม ซีโฟร์ ต้องขอโพสต์ข้อความบ้างว่า ถ้ามีคนบอกให้ดร.เอาความเชื่อและความศรัทธาที่ดร.ไหว้อยู่ไปเผาบ้างจะรู้สึกอย่างไร แล้วหัวเราเยาะแบบไม่ใช่วิถีครู ดร.ไม่ได้แปลว่าถูกทุกอย่าง อย่าเอาตำแหน่งมาฟาดใครให้เอาหัวใจและความรู้ฟาดคน
#น้อมรับทุกความคิดเห็นด้วยความเคารพนะคะ แต่ถ้าคำว่า #ดอกเตอร์ แปลว่าคิดถูกพูดถูก เร็วๆนี้เตรียมเรียกปิ๋มว่า #ดอกเตอร์ปิ๋ม ได้เลยค่ะ ทุกคำที่ออกจากปากพิพากษาตัวตน #อย่าเอาตำแหน่งฟาดใครให้เอาหัวใจและความรู้ฟาดคน #หนังหน้าครู ครูบาอาจารย์ไม่ได้ผิดแต่ผิดที่พวกคนกลุ่มน้อย(ที่คุณกล่าว)อย่างพวกปิ๋มนี่ล่ะที่ไปขอแล้วดันได้อย่างที่ขอ
*ถ้ามีคนจู่ๆถือวิสาสะบอกให้ดร.เอาความเชื่อและศรัทธาและที่ดร.ไหว้อยู่ไปเผาทิ้งแล้วหัวเราะเยาะแบบไม่ใช่วิถีของครูผู้ให้ความรู้ดร.จะคิดยังไง(ถ้างั้นคนทั้งประเทศที่ไปขอโชคขอลาภก็งมงายแบบดร.ว่าใช่มั้ยคะ)
*ลูกศิษย์ของดร.กระหน่ำสาดโคลนทั้งที่ยังไม่เห็นกับตาและไม่มีข้อพิสูจน์..ซึ่งปิ๋มก็มองว่าถ้าปิ๋มเป็นครูปิ๋มจะปรามลูกศิษย์มิใช่เป็นผู้นำเสียเอง #ดอกเตอร์ไม่ได้แปลว่าถูกทุกอย่าง #อย่าเอาตำแหน่งมาฟาดใครให้เอาหัวใจและความรู้มาฟาดคน
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้คงต้องให้ผู้มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ละครนอก ละครใน ละครเร่ ต่างๆ มาเป็นผู้ให้ความรู้อีกครั้ง ส่วนประวัติหนังหน้าครูตามคำบอกเล่าของลุงชาวอยุธยาที่มอบหนังหน้าครูทั้ง 21 หน้าให้กับจิลล์ จักรพงศ์นั้น ได้บอกเล่าว่า มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น การไหว้หน้าครูมีมาแต่นานแล้ว ผู้ที่จะถูกทำหนังหน้าครู จะต้องสวย หน้าตาดี รำแสดงเก่ง โดดเด่นเป็นที่นิยมของคนดู มีเสน่ห์สะกดคนดูเวลาไปเปิดการแสดงที่ไหน ก็จะมีคนรอดูกันแน่น
เมื่อตายแล้วจะถูกเลาะหนังหน้ามาทำหนังหน้าครู กลายเป็นครูปกปักรักษาคณะลูกศิษย์ โดยจะต้องเอ่ยปากลั่นวาจาไว้ก่อนตายขอสละวิญญาณเพื่อเป็นหน้าครู
คณะไหนที่มีหนังหน้าครูบูชา หรือผู้ที่บูชา จะเป็นผู้มีเสน่ห์ เป็นที่ต้องตาต้องใจ ใครเห็นก็รัก ใครเห็นก็หลง การแสดงดั่งมนต์สะกด ประหนึ่งครูบาอาจารย์มาประทับประสิทธิ์ประสาทวิชาจนเป็นที่หลงไหล
ในทุกปีจะมีการทำพิธีไหว้หนังหน้าครู เหมือนการไหว้ครูในปัจจุบัน ต่อมาพิธีการเลาะหนังหน้าครูได้จางหายไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ต่อมาใช้หนังสัตว์ และปัจจุบันใช้กระดาษที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้
สำหรับหนังหน้าครู นอกจากจะมีการใช้ในการบูชาครู ส่งเสริมหน้าที่การงานการแสดงการร้องการรำแล้ว ในบางอาจารย์ก็นำไปใช้ในการเสน่ห์เมตามหานิยม แก้มนต์ดำ รักษาโรคต่างๆ หนังหน้าครูนี้ จึงเป็นที่ต้องการของผู้ที่ต้องการเสน่ห์ การพูด การใช้วาจา การค้าการขาย รวมไปถึงอาชีพต่างๆ ที่ต้องมีครูในการประสิทธิ์ประสาทวิชาก็สามารถบูชาได้เช่นกัน