xs
xsm
sm
md
lg

“จิลล์ - ปิ๋ม ซีโฟร์” เผยครอบครอง หนังหน้าครู ไม่ผิดกฎหมาย หยุดก้าวร้าว เลิกดูถูกความเชื่อคนอื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ปิ๋ม ซีโฟร์” รำถวาย “หนังหน้าครู” หลังขอพร 3 ข้อแล้วสมหวัง ด้าน “จิลล์” เล่าที่มา รับมาบูชาเมื่อ 13 ปีแล้ว ไปแจ้งกรมศิลป์แต่หน้าแหกกลับมา บอกไม่มีสารบบ หาข้อมูลเองแต่ยังไม่ชัวร์ ขอรอผู้รู้มายืนยัน ยินดีหากหน่วยงานจะพิสูจน์ เชื่อมีอยู่จริงเพราะสัมผัสได้ตลอดเวลา ยันไม่ใช่ลัทธิใหม่ ครอบครอง 21 ชิ้นเยอะที่สุดในประเทศ ศึกษาแล้วไม่ผิดกฎหมาย

จากกรณีที่ “ปิ๋ม ซีโฟร์” ได้มากราบ “หนังหน้าครู” ที่แกลอรี่ของ “จิลล์ จักรพงศ์ การสมพรต”(แจ๊คจิลล์) แล้วเกิดอาการร่ำไห้ไม่หยุด เพราะสัมผัสได้ว่า หนึ่งในหนังหน้าครูนั้น มีครูในอดีตชาติของตนเมื่อ 200 กว่าปีรวมอยู่ด้วย จึงได้ขอพรไว้ 3 ข้อ พร้อมอธิษฐานจิต หากสำเร็จดังปรารถนา จะมารำถวาย ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน พร 3 ข้อที่ขอไปก็สัมฤทธิ์ผล แถมยังได้เกินกว่าสิ่งที่หวังไปอีก

ล่าสุดวันนี้ (9 มิ.ย.) เจ้าตัวพร้อมด้วยลูกศิษย์ อย่าง “โบว์ ซุปเปอร์วาเลนไทน์” และ “โบว์ บูลเบอรี่” ก็เลยได้กลับมารำถวายให้ตามสัญญา ซึ่งงานนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ “จิลล์ จักรพงศ์” จะเปิดบ้านให้เห็นหนังหน้าครู ครบทั้ง 21 หน้าอีกด้วย โดยนับเป็นผู้ที่ครอบครองหนังหน้าครู เยอะที่สุดในประเทศไทย

ปิ๋ม : “วันนี้มารำถวายครู จากที่คุณจิลล์อนุญาตให้มากราบครู แล้วบังเอิญมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นในชีวิตหลายอย่าง ได้ในสิ่งที่ขอไป วันนี้ก็เลยอยากจะมาบูชาและรำถวายครู ตามที่ได้สัญญาไว้ ขอไป 3 เรื่อง ก็สำเร็จทั้ง 3 เรื่อง แล้วยังได้เกินมาด้วย ทีนี้เมื่อปิ๋มได้แล้วปิ๋มก็มีความสุข เลยอยากจะถ่ายทอด อยากให้ทุกคนที่รู้ที่มา มีความสุขแบบปิ๋มด้วยค่ะ

ได้รับหนังหน้าครูมาบูชาต่อ จากคุณลุงท่านหนึ่ง เมื่อ 13 ปีที่แล้ว
จิลล์ : “ต้นเรื่องเลยนะครับ คือเมื่อประมาณ 13 ปีที่แล้ว ประมาณปี 52-53 เราเป็นคนที่ชอบสะสมเครื่องรางและชอบประวัติความเป็นมาของเครื่องรางต่างๆ ต่อมาพอเราไปบ้านหลังนี้ คือเป็นลุงแก่ๆ อายุ 94 ปี ลุงถามว่าเป็นดาราหรือเปล่า เราก็บอกว่าใช่ แล้วเขาก็บอกว่ามา กูจะเอาอะไรให้มึง เขาก็นำเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ที่มีตู้กระจก และมีหน้าครูทั้งหมดเลยอยู่ที่นั่น บอกว่ากูจะให้มึง มึงเอาไปดูแลให้กูหน่อย เพราะอีกไม่นานกูก็คงไปแล้ว ลูกหลานกูมันก็ไม่เอา ไม่บูชาแล้ว กูบวงสรวงครั้งล่าสุดคือเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ถ้ารวมนี่ก็เป็น 40 ปี ไม่มีใครบวงสรวงเลย

ผมก็ได้มาแบบงงๆ ว่าเอามาทำอะไร พอเอามาเราก็เริ่มค้นคว้าหาข้อมูล โทร.ไปหาพี่หนุ่ม (กรรชัย กำเนิดพลอย) ก่อนเลยว่าผมมีหนังหน้าครู จะถามเรื่องนี้กับกรมศิลป์ยังไง เขาก็บอกว่าไปติดต่อได้เลย ผมก็ไปติดต่อ เขาก็บอกว่ามันไม่มีอยู่ในสารบบ เราก็เหมือนกับมืดแปดด้าน หน้าแหกกลับมาเลย ว่าจะยังไง แล้วครูอายุ 94 ก็ได้มาจากรุ่นปู่เขา พ่อเขา ก็แปลว่า 150 ปีขึ้นไป แล้วพอมาถึงเราบอกไม่มีในสารบบ

เขาบอกว่าเป็นหนังหน้าครูละคร แล้วเป็นละครอะไร เราก็ถามลุงเขาว่าเอามายังไง เขาบอกว่าเมื่อก่อนนี้ในคลอง เขาเรียกว่าคลองละคร แต่ปัจจุบันเรียกคลองมโนราห์ อยู่ จ.อยุธยา เราก็ไปหาว่าคลองนี้มันมีอยู่จริงไหม มันก็มีอยู่จริง เมื่อก่อนมันเป็นคลองตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นตอนกลาง มันเป็นละครนอก ไม่ใช่ละครใน พอได้จิ๊กซอว์ต่างๆ ก็มารวมกันเป็นเรื่องราว แล้วก็เชิญคุณปิ๋มมาตั้งแต่ก่อนโควิด”

ปิ๋ม : “ก็ยังมาไม่ได้เพราะติดโควิด พอโควิดซาๆ ว่างแล้วก็มาไหว้”

จิลล์ : “บอกคุณปิ๋มมาไหว้เถอะ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่อยากให้คุณปิ๋มมาไหว้ เหมือนครูเขาอาจารย์เขา แล้วผมไม่รู้หรอกว่าเขารำได้ เขาเรียนนาฏศิลป์มา คิดดูนะผมมี 21 ชิ้น มีเยอะที่สุดในประเทศไทย ไม่พอผมได้จิ๊กซอว์บางอย่างมา ว่าบางบ้านก็มีหนังหน้าครู และเขาก็ยังไหว้บวงสรวง แล้ววันนี้เขาก็บวงสรวงเหมือนกับเราด้วย แล้วก็มีการลงทรงด้วย เป็นเรื่องบังเอิญที่เราเลือกวันนี้ ซึ่งตรงกับทั้งประเทศเลย ตามโรงเรียนต่างๆ ก็มีการไหว้ครูบาอาจารย์วันนี้”

ปิ๋ม : “ต้องขออนุญาตนะคะ เราสองคนก็อาจจะสื่อสารผิดหรือถูกประการใด เราก็เป็นเพียงแค่ผู้น้อยที่อาจจะยังไม่รู้ ต้องขอขมาครูบาอาจารย์ถ้าเกิดเราสื่อสารผิดพลาดไป แต่ด้วยจิตบริสุทธิ์ของเราสองคน เพียงแค่อยากจะเป็นสะพาน สื่อให้หลายๆ คนมากราบครูอาจารย์ ตามที่เราสัมผัสจิตได้ และอยากให้ทุกคนมีความสุขตามเจตนาของคุณจิลล์ที่ตั้งใจไว้แต่แรก ว่าอยากให้คนได้มาบูชากราบไหว้ โดยที่ไม่ได้อะไรจากการที่เปิดบ้านให้ใครเข้ามาในบ้าน แล้วสำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยหรือยังมีคำถามว่าใช่ไม่ใช่ ในศรัทธาที่เราตั้งมั่น ก็อยากจะให้พิสูจน์ในความเชื่อและศรัทธาของเรา ลองดูก็ได้ค่ะ”

จิลล์ : “จากในกล้องทั้งหมดก็ได้นะครับ เห็นหน้าครูแล้วลองอธิษฐานดู แต่ถ้าใครไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเป็นการสะสมเครื่องรางโบราณแล้วกัน สะสมเพื่อให้คนรุ่นหลังได้เข้าใจ ได้รู้ว่ามันมีจริงๆ”

สัมผัสได้ตลอดเวลาว่ามีอยู่จริง ได้ยินเสียงคุยกันในห้อง ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่
จิลล์ : “สัมผัสได้ตลอดเวลาครับ ก็มีการคุยกันอยู่ในห้องเจี๊ยวจ๊าวเลย พอผมเปิดเข้าไปแล้วเปิดไป ก็ไม่มีอะไร แต่ผมยืนอยู่หน้าห้องผมได้ยินเสียงคนอยู่ในห้อง เป็นเสียงผู้ใหญ่คุยกัน คือฟังไม่เป็นภาษา เราก็ตกใจคิดว่าเป็นข้างบ้านหรือเปล่า แต่เปิดเข้าไปไม่มีใคร เราก็บอกครูเอาอีกแล้วนะ ต้องการอะไร หลังจากนั้นเราก็เลยทำเป็นคลิปขึ้นมา บอกว่าเดี๋ยวจะเชิญคุณปิ๋มมาด้วย ครูไม่ต้องกลัว ต่อไปนี้คนจะรู้จักครู ว่าครูคือใคร ประวัติเป็นยังไง ผมไม่ได้เป็นลัทธิใหม่ แต่มันมีแบบนี้มาตั้งแต่โบราณแล้ว ผมยินดีถ้าหน่วยงานไหนอยากจะมาพิสูจน์”

ขอไม่ตอบว่าทำไมคนโบราณถึงมาบูชาหนังหน้าครู เพราะต้องรอผู้รู้มายืนยัน
ปิ๋ม : “เราสองคนขออนุญาตไม่ตอบเรื่องนี้ เพราะเราเกิดไม่ทัน สองเราไม่ได้เป็นผู้รู้เรื่องนี้จริงๆ เรากำลังหาข้อมูล หากได้ข้อมูลที่ชัดเจน เราจะมาพูดอีกครั้ง และเชิญผู้รู้ท่านนั้นมายืนยันในสิ่งที่เราเชื่อและศรัทธา ถ้าเราพูดไปเดี๋ยวจะพูดผิดพูดถูก”

จิลล์ : “หลายๆ ท่านบอกมีจริง หลายๆ ท่านบอกไม่เคยเห็น มันอายุเป็นร้อยๆ ปี แต่ประวัติศาสตร์ไม่เคยเขียนเอาไว้ แต่ส่วนใหญ่คนโบราณจะบูชาผีเป็นหลัก”

ปิ๋ม : “แล้วสิ่งที่ทำให้ปิ๋มเชื่อว่าครูบาอาจารย์ยังอยู่ คือถ้าเกิดว่าหนังหน้าครู เป็นหนังจริงของมนุษย์ แน่นอนที่สุดในความรู้สึกของปิ๋มคือจิตของผู้นั้น ยังต้องผูกอยู่กับเนื้อหนังมังสา ที่ไม่ได้ถูกเผาไป ในความคิดส่วนตัวคือท่านอาจจะยังผูกพันอยู่”

ไม่ผิดกฎหมายการครอบครอง ถ้าไม่ได้ทำให้เดือดร้อนใคร
จิลล์ : “ก็ยังไม่ได้พิสูจน์ แต่ทางกฎหมายหรือทางนิติวิทยา เราสอบถามหมดแล้วเรื่องการครอบครอง อันนี้เป็นมรดกตกทอดที่เขาให้สืบสานต่อกันมาไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าเอาไปทำให้สูญเสียชื่อเสียง ก็จะผิดกฎหมาย และเอาไปค้าขายไม่ได้ แต่ผมก็บอกแล้วว่าขายไม่ได้ก็อยู่กับผมไปนี่แหละ อยู่กันไป ตอนแรกก็กดดันเหมือนกัน เพราะเป็นของที่มันใหญ่ แล้วถ้าเป็นข่าวแล้ว มันต้องมีคนที่ชอบไม่ชอบ ที่ไม่เห็นด้วย แล้วพยายามจะหาช่องกฎหมายมาเล่นงานเราแน่ แต่ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่าเราได้รับมรดกตกทอด สืบสานมาอีกทีหนึ่ง เหมือนอัฐิของปู่ย่าตายายนั่นแหละ เราไม่ได้ไปขโมยใคร ไม่มีเจ้าทุกข์ก็จบครับ”

คุณสมบัติของคนเป็นหนังหน้าครู ต้องเป็นครูผู้สอนหรือตัวพระตัวนางของละครนอก ที่สั่งเสียไว้กับลูกศิษย์
จิลล์ : “ต้องเป็นครูละครที่รำสวย อาจจะเป็นตัวพระตัวนาง หรืออาจจะเป็นครูสอน เมื่อตายแล้วจะสั่งเสียกับลูกศิษย์ว่า เมื่อกูตายไปแล้ว เอาหน้ากู เอาหนังกู ไปทำเพื่อเป็นมิ่งขวัญกำลังใจของคณะ เวลาไปเล่นละครที่ไหนมีแต่คนหลงคนชอบ จ้างไปเล่นบ่อยๆ อันนี้เป็นเกี่ยวกับเรื่องมนต์ต่างๆ ตามความเชื่อของละครนอก แต่ถ้าใครจะคอมเมนต์ หรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมก็ได้ เราเปิดรับหมด เพราะมันไม่มีประวัติจารึกเอาไว้”

เคลียร์ดรามาทำสีหน้าเหมือนไม่พอใจ หลังไปออกรายการหนึ่ง แล้วทางกรมศิลป์บอกว่าไม่มีจริง ให้จำเริญและเอาไปเผา
จิลล์ : “ต้องบอกก่อนว่าเราก็พยายามค้นหาเหมือนกัน เพราะถ้าอะไรเป็นผี เขาเขี่ยทิ้งหมด เพราะฉะนั้นเราเลยอยากจะให้มาช่วยกันหาประวัติความเป็นมา ผมไม่ได้ผลประโยชน์อะไร แต่มันเป็นมรดกของชาติ ผมอยากทำเป็นข้อมูล ให้คนรุ่นหลังได้สืบสานกันไป”

ปิ๋ม : “ขออนุญาตเอ่ยนามครูไก่ วันนั้นที่ไปออกรายการแล้วเรานั่งหลับตา เพราะอยากจะแสดงความน้อมรับในสิ่งที่ครูบาอาจารย์พูดมา แต่ในใจด้วยความเคารพนะคะ ปิ๋มมองว่าเรื่องนี้มันยังไม่มีข้อพิสูจน์ เพราะฉะนั้นการที่ใครจะตัดสินว่าใช่หรือไม่ใช่ ถูกหรือไม่ถูก มันน่าจะมีการพิสูจน์ก่อนไหม พอเป็นข่าวมันก็จะมีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ แต่สิ่งที่ปิ๋มรับสารมาคือมีบางคนหัวเราะเยาะ ดูถูก ก้าวร้าว ให้ร้าย หรือตัดสินไปแล้วในความเชื่อที่พวกเรากำลังศรัทธาอยู่ เลยขออนุญาตกราบเรียนว่าถ้าจะพิพากษา หนึ่งเราทุกคนตรงนี้เกิดไม่ทันแน่ๆ ผู้ให้ข้อมูลก็เกิดไม่ทัน เพราะฉะนั้นก่อนจะตัดสิน ในความคิดส่วนตัวปิ๋มนะคะ ต้องไปถามผู้รู้ก่อน ต้องรู้ให้ชัดเจนก่อน ในส่วนคำแนะนำปิ๋มก็น้อมรับไว้พิจารณา แต่ก็ต้องขออนุญาตเจ้าของผู้ครอบครองก่อน ว่าเขาจะนำไปจำเริญหรือไม่ มันเป็นสิทธิ์ของผู้ครอบครอง ถ้าเราศรัทธาแล้วเราไม่เดือดร้อน ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ปิ๋มจะศรัทธาต่อค่ะ”











กำลังโหลดความคิดเห็น