“โอม ภวัต” ควง “นนน กรภัทร์” เปิดใจเคลียร์กันเรียบร้อย ไร้ปัญหาร่วมงาน บอกเกิดจากความไม่เข้าใจ เพราะเคยมีปัญหาและเคลียร์กันหลายรอบแล้ว เหมือนลิ้นกับฟัน เพราะไลฟ์สไตล์และนิสัยก็ไม่เหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่ได้เคลียร์ก็สบายใจทั้งสองฝ่าย ยอมรับผู้ใหญ่ทางค่ายเรียกเข้าไปพบ ช่วยแนะนำอบรม บอกรู้สึกว่าห้องเย็นมากกว่าปกติ พร้อมขอโทษแฟนคลับที่ทำให้กังวล เป็นห่วงและทำให้ผิดหวัง
ทำเอาแฟนคลับของคู่จิ้นสายวาย “โอม ภวัต จิตต์สว่างดี” และ “นนน กรภัทร์ เกิดพันธุ์” ถึงกับตกอกตกใจกันยกใหญ่ เพราะอยู่ดีๆ ทั้งคู่ก็เกิดมีปากเสียงกันในงานประกาศรางวัลงานหนึ่ง จนทีมงานต้องเข้ามาแยกออกคนละมุม ล่าสุดหลังจากผ่านมาร่วม 2 สัปดาห์ ทั้งคู่ก็ควงกันมาร่วมงาน LIVE! OPENING THE BED CINEMA BY OMAZZ SFX CINEMA THE CRYSTAL EKAMAI-RAMINDRA ที่สุดของประสบการณ์ชมภาพยนตร์บนที่สุดของที่นอนระดับพรีเมียม ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า ชั้น 4 ศูนย์การค้าเดอะ คริสตัล เอกมัย-รามอินทรา โดยยืนยันว่าได้มีการเคลียร์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โอม : “มันเป็นเรื่องราวที่ก็ผ่านมาสักพักนึงแล้วนะครับ จริงๆ วันนั้นผมกับนนนมีความไม่เข้าใจกันนิดหน่อยในเรื่องบางเรื่องครับ แต่ปกติเวลาเรามีปัญหาเราก็จะเคลียร์กัน แต่สถานการณ์ตรงนั้นมันไม่มีเวลาที่จะให้เราเคลียร์กันเลย ก็เลยทำให้เราเกิดเหตุการณ์นั้นครับ ถามว่ามันรุนแรงถึงขั้นต้องทะเลาะกันตรงนั้นเลยเหรอ (นิ่งคิด) คือถ้าใจผมตอนนั้นผมไม่ได้อยากพูดอะไรออกมาเลย ตัวผมอยากอยู่นิ่งๆ อยากอยู่เงียบๆ ด้วยซ้ำ ถ้าสังเกตคือผมไม่พูดอะไรเลยจนนนนเดินเข้ามา”
นนน : “ตอนนั้นก็ตกใจครับ คือมันผิดสังเกตอะไรหลายๆ อย่าง เราก็เลยเดินเข้าไปว่าเป็นอะไรไหม”
โอม : “แต่ก็ได้เคลียร์กันแล้วครับ แรกสุดผมต้องขอโทษแฟนคลับทุกคนก่อนที่มาให้กำลังใจพวกเรากัน บางคนมากันตั้งแต่เช้า แต่พอถึงจังหวะนั้นจริงๆ เราไม่ได้โฟลด์อย่างที่ควรจะเป็น และไม่ได้คุยเล่นด้วย ต้องขอโทษไว้ก่อนสำหรับวันนั้น (ยกมือไหว้) และหลังจากเหตุการณ์วันนั้นผมก็ได้นั่งคุยกับตัวเองก่อนที่จะไปคุยกับนนน นั่งทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเราวะ เราผิดพลาดตรงไหน เหมือนเราได้เรียนรู้ เราก็ขอโทษเพื่อน ก็ได้เปิดใจคุยกันว่าวันนั้นมันอย่างนี้ๆ นะ มันก็เหมือนทุกๆ ครั้งที่เราเข้าใจผิดกัน”
บอกเข้าใจกันและกันอยู่แล้ว แต่คนเราทำงานด้วยกัน มันก็ต้องมีปัญหากันบ้างเป็นปกติ
นนน : “หลายๆ อย่างเราเข้าใจเพื่อนเราอยู่แล้วครับ ด้วยเราเป็นคนวิเคราะห์คนอยู่แล้ว เราก็เข้าใจเขาในระดับนึงอยู่แล้วแหละ แต่บางอย่างเขาก็ต้องมาบอกเราว่าเขาเป็นอะไร เพราะบางทีเราก็ได้แค่วิเคราะห์ แต่มันอาจจะไม่ได้เป็นไปตามนั้นจริงๆ หรอก เพราะบางทีเขาอาจจะรู้สึกอีกแบบนึงก็ได้ ก็เคลียร์ในกัน 100% แล้วครับ การร่วมงานกันยังเหมือนเดิมครับ มันก็มีอะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่เข้าใจกัน และเปิดใจเคลียร์กันก็หลายรอบแล้ว”
โอม : “หมายถึงมันเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนกันเวลาทำงานด้วยกันมันก็อาจจะมีปัญหากันได้อย่างนั้นอย่างนี้”
นนน : “มันก็คนสองคนแหละครับ นิสัยก็ไม่เหมือนกัน บางทีอาจจะมีอะไรที่ทำไปแล้วคนนึงอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ มันก็ต้องคุยกัน ถามว่ามันเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว (นิ่งคิด) มันมีปนๆ กันไปครับ อาจจะมีนิสัยส่วนตัวผมด้วย อาจจะมีด้วยบริบทงาน”
โอม : “ด้วยนิสัยส่วนตัวผมด้วย ด้วยอะไรหลายๆ อย่างมันรวมๆ กันมากกว่าครับ จากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วครับ (หัวเราะ)”
นนน : “มันก็เคลียร์ๆ กันมา ตอนนี้ก็ทำงานปกติแล้วครับ ถามว่าผมรู้จักนิสัยโอมแค่ไหน ผมว่ารู้จักในระดับนึงเลยแหละ รู้จักว่าเพื่อนจะชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แต่บางอย่างมันก็อาจจะผิดที่เราด้วย ที่บางทีเราทำสิ่งนี้ไปเขาอาจจะไม่ได้ชอบ หรือเขาคิดไปอีกแบบนึง ซึ่งมันเป็นปกติของเพื่อนที่ทำงานด้วยกันหรืออยู่ด้วยกัน จะเรียกว่าฟีลลิ้นกับฟันก็ได้ (ยิ้ม) ด้วยไลฟ์สไตล์มันก็คนละทางกันแล้ว”
เผยได้ปรับความคิดทัศนคติของตัวเองมากขึ้น ถือเป็นประสบการณ์ในชีวิต
โอม : “คือผมรู้จักนนนมากอยู่แล้วแหละ แต่หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผมเข้าใจนนนมากขึ้นมากกว่า และจากสิ่งที่ผมได้เรียนรู้วันนั้นผมได้เรียนรู้แอดติจูดของตัวเองในการพัฒนาทัศนคติ ความคิดของตัวเอง ให้ตัวเองมองบวกมากขึ้น บางอย่างเราคอนโทรลไม่ได้ครับ ก็เหมือนกลับมาอยู่กับตัวเอง และคุยกับเพื่อนตรงๆ พอเปิดใจกันคราวนี้มันทำให้เรารู้ว่าทางออกที่เราอยากทำคือแบบนี้นะ เพื่อนจะทำแบบนี้นะ ก็สบายใจขึ้น พอหลังจากนั้นผมว่าการกลับมาทำงานกับนนนมันแฮปปี้ขึ้นกว่าทุกครั้ง แต่ทุกครั้งที่เราไม่เข้าใจกันและได้เคลียร์กัน มันจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นหลังจากนั้นตลอดเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
จริงๆ พอเห็นภาพวันนั้นก็มีหลายๆ ความรู้สึกเกิดขึ้นครับ เห็นฟีดแบ็กทุกอย่าง เห็นทั้งคนที่ให้กำลังใจ พ่อแม่ผมก็บอกว่าโอมทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ เราก็รับฟังหมด แต่จะไม่มีใครมาตัดสินเรา จะให้เราคิดเองมากกว่า เราก็เข้าใจและเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากภาพตรงนั้น ก็เป็นหนึ่งประสบการณ์ชีวิตของผมที่ทำให้ผมได้โตขึ้น ก็ทั้งขอบคุณและขอโทษครับ ช็อตที่แม่ของนนนเข้าไปห้าม จริงๆ ไม่ได้ห้ามครับ เพราะไม่ได้จะต่อยกัน (หัวเราะ) แค่จะเคลียร์กัน อารมณ์เหมือนเข้าไปบอกว่าใจเย็นๆ ไปข้างหลังดีกว่า เราก็เลยออกไปก่อนครับ ผมก็ตกใจมากๆ เหมือนกันนะ เพราะหลังจากที่ตัวเองเริ่มมีสติขึ้น ก็ตระหนักคิดอะไรหลายๆ อย่างขึ้นมาได้ครับ
อย่างแรกผมก็ต้องขอขอบคุณทุกๆ คนมากๆ นะครับที่อยู่ข้างๆ กันเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าในวันที่ดี วันที่ไม่ดี ก็อยู่เป็นกำลังใจให้กัน ไม่โกรธกัน ขอโทษที่ทำให้ตกใจ ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ฟีลนี้แหละผมกับนนน เป็นเพื่อนรักกัน ลิ้นกับฟัน มีการเข้าใจผิดกันบ้าง แต่พอเราได้เคลียร์กัน ทุกครั้งเราจะเปิดใจเคลียร์กันจริงๆ พอได้เคลียร์กันก็อยากจะบอกทุกคนว่าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องเครียดแล้ว ขอโทษและขอบคุณนะครับที่อยู่ข้างๆ กันเสมอมาครับ”
บอกโดน “ถา สถาพร พานิชรักษาพงศ์” บอสใหญ่ค่าย GMMTV เรียกเข้าห้องเย็น
นนน : “ก็เป็นเรื่องปกติครับ เพื่อนผู้ชายครับ เพื่อนผมสมัยมัธยมมันก็มีเข้าใจกันผิดเป็นเรื่องปกติครับ แต่ตอนนี้ก็เคลียร์กันแล้ว ก็ขอบคุณทุกคนนะครับที่เป็นห่วงในเหตุการณ์นี้ และที่คอยให้กำลังใจ คอยซัพพอร์ต ก็ฝากติดตามงานต่อไปของเราด้วยก็ได้ครับ ทางค่ายก็เป็นปกติครับ คือมีก่อนหน้านี้ที่เราไม่เข้าใจกัน เราก็ต้องการตัวกลางมามองภาพรวม มาคอยให้คำแนะนำหรือคำปรึกษา ก็มีพี่ถาเข้ามาช่วยพูดคุย (หัวเราะ) ว่าตอนนี้สมมติยังไม่โอเค ก็ค่อยคุยกัน โอเคแล้วก็ค่อยมาคุยกัน ก็เหมือนเข้าห้องเรียนครับ”
โอม : “แอร์เย็นอยู่เหมือนกันครับ”
นนน : “แอร์ที่ตึกเป็นแอร์ที่เย็นทุกห้องอยู่แล้วครับ โดยเฉพาะห้องพี่ถา เขาอยู่คนเดียว มันจะไม่มีคนเข้าบ่อย พอเข้าไปทีมันเลยเย็นมาก แต่ไม่กระทบกับงานครับ ไม่มีงานอะไรที่ต้องยกเลิก เพราะเกิดเรื่องขึ้นเราก็คุยกันเร็วที่สุดให้มันไม่กระทบงาน เพราะเราต้องทำงานด้วยกัน ทุกอย่างมันต้องไปต่อครับ”