เกาะติดหน้าจอ อย่าให้คลาดสายตา! เปิดศึกซีซั่นใหม่รายการเรียลลิตี้น้ำดี Win Win WAR Thailand เฟ้นหานักธุรกิจแบ่งปัน สร้างอาชีพในฝันให้คนไทย ชิงเงินรางวัลสูงถึง 2 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวรายการใหม่ Win Win WAR OTOP Junior ให้น้อง ๆ เยาวชนเข้าร่วมแข่งขัน ชิงทุนการศึกษามูลค่ารวมกว่า 450,000 บาท พร้อมกับทริปในฝันเพื่อศึกษา Social Innovation
เดินทางมาถึงซีซั่นที่ 4 แล้วในปีนี้ สำหรับ Win Win WAR Thailand รายการเรียลลิตี้คุณภาพที่ดูสนุกและเข้มข้นด้วยเนื้อหาสาระแนวธุรกิจ เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักธุรกิจแบ่งปันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยเปิดโอกาสให้คนที่มีความฝัน มีความสามารถ เข้าร่วมแข่งขันชิงรางวัลสุดยอดนักธุรกิจแบ่งปันเพื่อสร้างธุรกิจในฝันที่จะเติบโตไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน โดยมีรางวัลชนะเลิศตั้งไว้ที่ 2 ล้านบาท
ภายใต้การจัดทำโดยศูนย์ C asean หนึ่งในบริษัทในเครือของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) Win Win WAR Thailand ได้รับเสียงชื่นชมพร้อมรางวัลการันตี 2 ปีซ้อน ทั้งรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ประจำปี 2561 และรางวัลทีวีสีขาวประจำปี 2562 และมียอดเข้าชมทาง Online กว่า 24 ล้านครั้งในซีซั่นที่ผ่านมา
ขณะที่การแข่งขันในซีซั่นที่ 4 กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น เราพามาทำความรู้จักกับเรียลลิตี้คุณภาพรายการนี้ในหลากแง่หลายมุมจากผู้เกี่ยวข้อง พร้อมเผยสีสันไฮไลต์สุดพิเศษรับซีซั่นใหม่ ด้วยรายการ Win Win WAR OTOP Junior ที่น้อง ๆ เยาวชนผู้มีความฝัน ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด!
ธุรกิจดี สังคมดี
เปิดแนวคิดเรียลลิตี้คุณภาพ
ก่อนที่สปอตไลท์จะสาดฉายบนเวที ท่ามกลางการพรีเซนต์ไอเดียธุรกิจอย่างเข้มข้นของบรรดาผู้เข้าแข่งขันที่เปี่ยมด้วยความฝัน... “ต้องใจ ธนะชานันท์” กรรมการผู้จัดการ C asean และเจ้าของรายการ บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของรายการเรียลลิตี้โชว์นี้ว่า หลังจากได้เริ่มใช้วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนพัฒนาชุมชนตั้งแต่ปี 2559 พร้อมทั้งจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคมในทุกจังหวัด ทำให้เกิดไอเดียต่อยอดขยายผลเรื่องการใช้กลไกวิสาหกิจเพื่อสังคมให้เป็นวงกว้างมากขึ้น
“ถ้าเราสามารถเปิดโอกาสให้กับคนที่คิดอยากจะมีธุรกิจของตัวเองหรือมีไอเดียอยากจะทำธุรกิจที่ดีต่อสังคม สามารถจะพัฒนาเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมได้ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี ก็เลยเป็นที่มาว่า เราคิดถึงรูปแบบรายการทีวีที่เฟ้นหาสุดยอดนักธุรกิจแบ่งปัน คือเฟ้นหาคนที่อยากทำธุรกิจซึ่งมีผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจ และมีประโยชน์ด้านสังคมหรือดีต่อสิ่งแวดล้อมไปด้วย”
และนั่นก็คือจุดออกสตาร์ทของรายการคุณภาพอย่าง Win Win WAR Thailand ซึ่ง กิติกร เพ็ญโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Heliconia H Group ที่ปรึกษารายการ ได้ให้คำจำกัดความของชื่อรายการที่เป็นคอนเซปต์และเป้าหมายซึ่งทำได้ดีตลอด 3 ซีซั่นที่ผ่านมา
“รายการนี้จะไม่เหมือนกับรายการธุรกิจอื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปทางธุรกิจอย่างเดียว แต่รายการนี้ ธุรกิจดีไม่พอ ต้องดีต่อสังคมด้วย ตรงนี้เป็นแนวความคิดที่สำคัญ โดย Win ตัวที่หนึ่งคือ Win ทางด้านธุรกิจ คุณจะต้องมีไอเดียธุรกิจที่ดี สามารถสร้างรายได้และมีโอกาสในการเติบโต ส่วน Win ตัวที่สองคือ Win ต่อสังคม หมายถึงต้องเอื้อประโยชน์ต่อสังคมในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต ผมยกตัวอย่างว่า สมมติว่าคุณทำธุรกิจแล้วเอาเงินไปบริจาค ก็ดูเหมือนดี แต่ก็อาจจะไม่ใช่ แต่ถ้าคุณทำธุรกิจโดยที่ Product หรือ Service ของคุณดีต่อสังคมด้วย และคุณก็สามารถทำธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อไปได้ ก็จะดีมาก ๆ อันนี้คือคอนเซปต์หลักของรายการ”
ขณะที่ เจรมัย พิทักษ์วงศ์ กรรมการ Amarin Group กล่าวเสริมว่า นี่คือโครงการที่สนับสนุน Social Enterprise ของ C asean ซึ่งทำ Format นำเสนอออกมาเป็นรูปแบบของรายการ โดยต้องการสนับสนุนคนที่ลุกขึ้นมาทำธุรกิจเพื่อชุมชน เพื่อความยั่งยืน และเพื่อสังคม ผ่านรายการที่ดูสนุก ได้ความรู้ในการทำธุรกิจ มีความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจ โดยปีนี้จะมีการออกอากาศทั้งทางช่องอัมรินทร์ทีวี 34 และช่องทางออนไลน์
“สำหรับเกณฑ์การตัดสิน สิ่งที่เราจะใช้พิจารณา หลัก ๆ ก็คือคำว่า WAR ซึ่งย่อมาจาก Willingness ความมุ่งมั่น Ability ความสามารถ และ Readiness ความพร้อม เพราะฉะนั้นความหมายแฝงมันไม่ใช่การแข่งขัน มันคือ KPI ของการให้คะแนน พวกเราคณะกรรมการจะดูว่าใครมีความพร้อม มีความอยากทำ มีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน เพราะมันมีอุปสรรคที่จะเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่ใช่ครั้งเดียวแล้วมันจะไปได้ มันไม่มีสูตรสำเร็จสำหรับธรุกิจครั้งเดียวแล้วจะไปได้ ซึ่งมันจะต้องคอยปรับเรื่อย ๆ และนี่ก็คือความสนุกของรายการ”
จากรุ่นใหญ่ ขยายสู่รุ่นเล็ก
โอกาสสำหรับเยาวชน กับรายการใหม่ในซีซั่น 4 Win Win WAR OTOP Junior
จากซีซัน 1 จนถึงวันนี้ Win Win WAR Thailand ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมแข่งขันมากกว่า 4,000 ทีม สร้างโอกาสให้กับธุรกิจเพื่อสังคมมากกว่า 100 ธุรกิจ ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ประจำปี 2561 ได้รับรางวัลทีวีสีขาวประจำปี 2562 และมียอดเข้าชมทาง Online กว่า 24 ล้านครั้งในซีซั่นที่ผ่านมา ทั้งกลุ่มผู้ชมคนไทยและชาวอาเซียนหลายประเทศ
แน่นอนว่า หลังจากเดินทางมาถึงซีซัน 4 ในปี 2565 นี้ เรียลลิตี้ได้เพิ่มความพิเศษซึ่งนับเป็นสีสันใหม่เข้ามา ด้วยรายการ Win Win WAR OTOP Junior โดยเปิดโอกาสให้น้อง ๆ อายุ 9 – 14 ปี ใช้ความรู้ในห้องเรียนผสมกับภูมิปัญญาและวัสดุท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้สร้างเป็นสินค้าและบริการที่เอื้อประโยชน์ให้กับสังคม พร้อมเปิดเวทีให้สมัครเข้าร่วมแข่งขันเพื่อพัฒนาศักยภาพ และเปิดโอกาสการเรียนรู้ รับสมัครรูปแบบทีม สมาชิกไม่เกิน 5 คน
ต้องใจ ธนะชานันท์ ให้ข้อมูลว่า Win Win WAR OTOP Junior ต้องการจะส่งเสริมนักธุรกิจรุ่นเยาว์เพื่อสังคม และให้กำลังใจเยาวชนที่ทำประโยชน์ต่อสังคม โดยผู้ชนะจะได้รับรางวัลเป็นทุนการศึกษา คนละ 40,000 หมื่นบาท หรือ 20,000 บาทต่อเทอม เป็นเวลาหนึ่งปี นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานด้านนวัตกรรมที่ต่างประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์ หรือประเทศใกล้เคียง เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิต ประสบการณ์การเรียนรู้ ที่จะนำมาต่อยอดพัฒนาตัวเองได้ต่อไป
มากกว่ารางวัลที่มอบให้คือช่วยเหลือให้ถึงเป้าหมายที่ฝัน
ความโดดเด่นประการหนึ่งของ Win Win WAR ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เป็นเด็ดขาดก็คือ นี่ไม่ใช่แค่รายการประกวดที่เมื่อได้ผู้ชนะแล้วก็จบ โดย กิติกร เพ็ญไพโรจน์ ขยายความว่า รายการนี้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่พยายามจะให้โอกาสคนที่อยากจะทำธุรกิจ และเป็นธุรกิจที่ดีต่อสังคมจริง ๆ ซึ่งรายการเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการ Recruit คน คัดเลือกคน และให้รางวัลคนที่ทำได้ดีในแง่ของคอนเซ็ปต์ต่าง ๆ พอจบรายการก็จะมีทีมจากโครงการไปช่วยส่งเสริมให้เขาสามารถทำธุรกิจได้อย่างที่เขาตั้งใจให้ดี ได้ตามที่เขาหวัง
สอดคล้องกับคำกล่าวของ ต้องใจ ธนะชานันท์ ที่บอกว่า หลังจบรายการแข่งขัน ทีมงานโครงการจะมีการทำงานร่วมกับผู้เข้าแข่งขันที่เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย หรือ 5 คนสุดท้ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้พวกเขาก้าวไปถึงเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์
“ยกตัวอย่างผู้เข้าแข่งขันที่ชนะไปในปีแรก ชื่อ คุณคำรณ มะนาวหวาน ซึ่งเป็นผู้พิการที่ทำเครื่องมือให้กับคนพิการในราคาถูกและคุณภาพดี เราก็ยังทำงานกับเขาต่อเนื่องมาตลอด ตั้งแต่การเข้าไปทำให้ธุรกิจของเขากลายเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม ได้รับการจดทะเบียน ช่วยเขาทำเรื่องบัญชี เข้าไปเป็นกรรมการบริหารบริษัท และเชื่อมโยงเขากับหน่วยงานต่าง ๆ”
ทั้งนี้ นอกจากที่กล่าวมา ต้องใจยังสรุปให้ฟังถึงผลดีที่ผู้เข้าแข่งขันจะได้รับก็คือ หนึ่ง ได้ประชาสัมพันธ์ตัวเองให้เป็นที่รู้จัก สอง ได้โอกาสในการรับคำแนะนำจากกรรมการและได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ นอกจอที่ส่งเสริมให้ได้เจอกลุ่มคนต่าง ๆ ที่จะช่วยสร้างทักษะให้มากขึ้น
“อย่างสุดท้ายคือ เวลาเราจัดงานที่ไหน หรือเรามีกิจกรรมอะไร เราก็เชิญเขามาตลอด ไม่ว่าจะมาขายของร่วมในงานเรา มาเป็นวิทยากร หรือมาเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ เรียกว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่อง ไม่ได้จบไปปีต่อปี ใครที่เข้ามาอยู่ใน Community เราก็พยายามจะดูแลเขาอย่างต่อเนื่อง”
สุดท้ายแล้ว ต้องบอกว่า นี่คือโอกาสสำคัญจริง ๆ สำหรับคนไทยรุ่นใหม่ที่มีความฝันในด้านการทำธุรกิจที่เอื้อประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยผู้สนใจ สามารถดูรายละเอียดและเกณฑ์การแข่งขันเพิ่มเติมได้ที่ Facebook page: Win Win WAR Thailandหรือ สอบถามได้ที่ LINE OA: @winwinWARthailand หรือ https://bit.ly/3xCSa6N โทร 02-785-9977
