xs
xsm
sm
md
lg

“เอ๊ะ อิศริยา” ตกใจ แม่ไล่ออกจากบ้าน...ไปมีแฟน! (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เอ๊ะ อิศริยา” ควงคุณแม่ตอบเรื่องความรัก พูดไว้ตั้งแต่ 14 ไม่อยากมีแฟน ขอบคุณแม่เข้าใจไม่ซีเรียส ถ้ามีแล้วสุขน้อยกว่าทุกข์ก็ไม่เอา ยังไม่เจอคนที่ใช่พร้อมจะไปโฟกัสด้วย ปฏิเสธผู้ชายตลอดให้แม่คุยแทน ด้านคุณแม่คิดไม่ถึง ลูกสาวจะเอาจริง ไล่ไปมีแฟน

ครองความโสดมายาวนาน ตั้งแต่เข้าวงการตอนอายุ 14 จนตอนนี้ 39 ปีแล้วก็ยังโสดอยู่ สำหรับนักแสดงสาว “เอ๊ะ อิศริยา สายสนั่น” ที่ไม่เคยมีข่าวเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับชายหนุ่มคนไหนเลย ล่าสุดวันนี้ (6 มิ.ย.) ได้เจอเจ้าตัวในงานบวงสรวงละคร “มงกุฎกรรม” ในฐานะผู้จัดคนสวย พร้อมกับคุณแม่ ก็เลยขอกระซิบถามสักหน่อย ว่าทำไมลูกสาวถึงยังไม่มีแฟนสักที

แม่ : “ถ้าบอกตรงๆ นะคะ เขาบอกแม่ตั้งแต่เล่นละครตั้งแต่เด็กแล้ว เขามีความรู้สึกว่าอยากอยู่กับแม่ เขาไม่อยากมีแฟน เพราะเขามองว่ารักเดี๋ยวก็ต้องเลิกกัน เพราะเขาเข้าวงการตั้งแต่อายุ 14 ปี เขาก็จะเห็นอะไรเยอะแยะ เขาบอกว่าถ้าลูกขอไม่แต่งงาน ไม่มีแฟนเลยแม่จะว่าไหม”

เอ๊ะ : “อันนี้พูดตั้งแต่ก่อนเข้าวงการนะคะ ตั้งแต่อายุ 14-15 ปี เป็นสิ่งที่คิดตั้งแต่เด็กและเริ่มเป็นสาวที่จะมีคนเข้ามา คิดอย่างนี้เลย จำได้ว่าสมัยเด็กขอทำงานอะไรก็ได้ ที่ต้องทำกับแม่ แล้วก็อยู่ใกล้แม่ เรื่องแฟนไม่ค่อยคิดเลย”

แม่ : “เราก็รู้สึกดีใจสินะ ก็เด็ก เราก็คิดว่าเดี๋ยวเขาโตขึ้นก็คงเปลี่ยนไป เขาก็คงไปเล่นละคร และอยู่ในวงการมานานมากแล้ว ณ วันนี้นะ แบบ…ไปไหมลูก (หัวเราะ) เป็นไปไม่ได้แล้วค่ะ เพราะไม่ว่าใครจะโทร.เข้ามา ส่งโทรศัพท์ให้แม่ แม๊(เสียงสูง) บล็อก เรารู้แล้วว่าเส้นทางของเขาคือครอบครัว คือมีแม่ มีน้องชาย มีพี่ชาย แล้วก็มีหลานเล็กๆ น่ารัก 2 คน เขาก็แฮปปี้กับตรงนี้ และมีความรู้สึกว่ากำลังใจมันอยู่ตรงนี้”

เอ๊ะ : “จริงๆ ต้องบอกว่าแต่ละบ้านไม่เหมือนกันนะคะ โชคดีที่คุณแม่รับได้ คือบางบ้าน 20 กว่า เรียนจบ ไม่มีแฟน ไม่แต่งงาน บางบ้านซีเรียสมากอ่ะ โชคดีคุณแม่ไม่คิดอย่างนั้น แม่บอกแล้วแต่เลย อะไรมีความสุขทำไป เรื่องของลูกไม่ได้ซีเรียส”

ไม่ได้ตั้งธงว่าจะโสด แต่ถ้ามีแล้วสุขน้อยกว่าทุกข์ก็ไม่เอา
เอ๊ะ : “คือไม่ได้บอกว่าเราจะต้องตั้งธงว่าจะโสดซะทีเดียว แค่ว่าถ้าเรามีแฟน แฟนจะต้องทำให้เรามีความสุข อาจจะมีความสุขไม่เท่าครอบครัวเราค่ะ แต่อย่างน้อยมันก็มีสุขมากกว่าทุกข์ค่ะ”

แม่ : “แม่บอกเลยว่าไม่มี ไม่มีวัน ตอนนี้ 39 แล้วนะ แค่เขาบอก 29 ถ้าเอ๊ะยังไม่มี ตอนอายุ 30 ปีคงไม่อยากมี พอ 30-32 จนมา 39 ปี แม่บอกเลยไม่มีทางมี”

เอ๊ะ : “จริงๆ ต้องบอกว่าถ้าสมมติเราเจอคนที่ใช่ เราอาจจะคบ แต่มันยังไม่มีคนที่เราหันไปโฟกัสที่เขา มากกว่าสิ่งที่เรากำลังโฟกัสอยู่ค่ะ”

ปฏิเสธผู้ชาย ให้คุณแม่คุยแทนตลอด
เอ๊ะ : “ก็ค่อนข้างปฏิเสธ บางทีก็ให้คุณแม่คุย เราปฏิเสธในขั้นต้นก่อน โชคดีโทรศัพท์เอ๊ะจะโอนข้อมูลไปเครื่องคุณแม่ ถ้าไม่รับ เขาก็จะรู้ว่าไม่รับ”

แม่ : “แม่ก็รับแล้วบอกว่าน้องอ่านหนังสืออยู่ คือน้องเอ๊ะเขาเรียนปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอกที่ธรรมศาสตร์หมดเลย เขาก็ต้องอยู่กับตำราและเล่นละครด้วย เขาก็มองว่าชีวิตแบบนี้เขามองว่ามันแฮปปี้แล้ว เขาไม่อยากจะมีอะไรแล้ว เหมือนเรียนจบก็เป็นอาจารย์และไปเป็นผู้จัด แล้วก็ทำงานของตัวเอง เขาก็คิดว่าแฮปปี้มาก”

เอ๊ะ : “แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้มองแบบเหมือนเราเรื่องมาก เรื่องเยอะ จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ เอ๊ะว่าคนเราทุกคนสามารถเลือกอะไรที่เราชอบได้ นี่คือสิ่งที่เราชอบ ไม่ใช่ว่าเราไม่มีแฟนแล้วมันเป็นอะไรนะ เราเลือกแล้วที่มีความสุขในแบบนี้ของเรา

ไม่ได้ผิดหวังกับความรักเลยเลือกจะไม่มี เพราะยังไม่เคยได้รักใคร แค่เป็นความชอบ เหมือนชอบพระเอกเกาหลี
เอ๊ะ : “จริงๆ จะว่ากลัวก็ไม่ใช่ เพราะว่าเราไม่ได้ผิดหวังกับความรัก เพราะเราไม่เคยรักใคร ชอบมีแหละ แบบปลื้มคนนี้ แต่ถ้าเป็นรักมันไม่ใช่ค่ะ แค่ชอบในภาพลักษณ์ที่เขามี เหมือนเราชอบพระเอกเกาหลี เราชอบแต่มันไม่ใช่ความรักค่ะ เรากลัวผิดหวังไหม ไม่รู้ว่ากลัวหรือเปล่า แต่คิดว่าที่เป็นอยู่โอเค”

บอกแม่พูดไปอย่างนั้น จริงๆ ก็ไม่อยากให้มีอยู่แล้ว
เอ๊ะ : “แม่เขาพูดไปอย่างนั้นแหละค่ะ จริงๆ เขาไม่อยากให้มีอยู่แล้ว”

แม่ : “เรื่องของเรื่องเนี่ย พูดตรงๆ เลยนะ เพราะว่าเห็นแม่มีลูก 5 คน แม่ก็ต้องเลี้ยงลูก 5 คนด้วยตัวเอง เหมือนเรื่องมงกุฏกรรมนี่แหละค่ะ เหมือนเลยค่ะ เพราะว่าเราก็เลี้ยงพวกเขามา ให้ได้เรียนหนังสือ เขาก็คงเห็นแม่ว่าแม่ทำงานทุกอย่าง บางทีก็กลับดึก ตื่นเช้าแม่ก็ต้องรีบไปทำงาน เขาเลยมีความรู้สึกว่าเขาขออยู่คนเดียวดีกว่า”

เอ๊ะ : “คือต้องบอกว่าไม่เคยผิดหวังกับประสบการณ์ตรงนะคะ แต่คนรอบข้างคือใช่ เราก็มองมว่ามันไม่ใช่ความผิดหวังนะ เราก็มองว่ามันเป็นชีวิตคน มีรักที่สมหวัง ไม่สมหวังแต่ส่วนตัวก็คิดว่าถ้ารักแล้วมันต้องเลิกก็อย่ารักดีกว่า เราอยู่ได้เพราะทุกวันนี้เรารักตัวเอง เรารักครอบครัวก็น่าจะโอเคแล้วค่ะ”








กำลังโหลดความคิดเห็น