xs
xsm
sm
md
lg

“ออย ธนา” รู้ ลูกมีคำถามเรื่องพ่อแม่แยกทางแต่ซับซ้อนเกินเด็ก 8 ขวบจะเข้าใจ แบ่งวันเลี้ยงลูกตามกฎหมาย (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ออย ธนา” แจงลงรูปบวชเพราะถ่ายละคร รับตอนนั้นอินจนอยากบวชจริง แต่เคลียร์งานไม่ได้เลยหมดไฟไปแล้ว โต้อยากบวชเพราะปัญหาชีวิตคู่ ตอนนี้เคลียร์ลงตัวในศาลปิด แยกกันอยู่ ช่วยกันเลี้ยงลูกแบบแบ่งวัน เชื่อลูกสาวมีคำถาม แต่คงซับซ้อนเกินสำหรับเด็ก 8 ขวบ เลิกมองเรื่องรักและชีวิตคู่ โฟกัสแค่ต้องดูแลลูกให้ที่สุด

ทำเอาแฟนๆ ตกอกตกใจและอนุโมทนาสาธุไปพร้อมๆ กัน เมื่อเห็นหนุ่ม “ออย ธนา สุทธิกมล”ลงภาพโกนผมห่มผ้าเหลือง เพราะเข้าใจว่าไปบวชจริงๆ แต่ล่าสุดวันนี้ (6 มิ.ย.) ในงานบวงสรวงละคร “มงกุฎกรรม” เจ้าตัวก็ออกมาเฉลยแล้ว ว่าเป็นฉากหนึ่งในละครเรื่องนี้แหละ แต่ตอนนั้นนั่งอยู่ในฉากก็อิน จนรู้สึกอยากบวชจริงๆ ขึ้นมาเหมือนกัน

“ก็จากละครเรื่องนี้แหละครับ แต่งเอาครับ แต่งนานครับ เหมือนคนใส่วิกทั่วไป แต่คือที่ผมพูดถึง เพราะว่าก่อนหน้านี้ผมไม่เคยอยากบวชเลย แล้วก็ไม่ค่อยเข้าวัด ไม่ค่อยทำบุญ เพราะผมมีความรู้สึกว่ามันไม่เห็น แล้วเราก็รู้สึกว่า เราไปทำในสิ่งที่เราสบายใจดีกว่า ผมก็เลยไม่ไหว้พระ ไม่ค่อยเข้าวัด แต่วันนั้นพอผมเข้าใจว่าเฮ้ย…พอเราได้ทำอะไรแบบนั้น มันก็รู้สึกทำไมไม่รู้มันอยากบวชขึ้นมาจริงๆหลังจากนั้นผมก็ไปคุย เคลียร์กับผู้จัดการ ว่าเราอยากบวชแล้ว เราอยากเคลียร์งาน แต่มันติดไปหมด พอเราจะไปบวชมันก็ติดโน่นติดนี้ไปหมด ก็เรื่องประมาณนี้ครับ”

ตอนนั้นอินจนมีแพลนจะบวชจริง แต่ติดถ่ายละคร พอห่างไปเรื่อยๆ ก็หมดไฟ หมดความอยากแล้ว
“มีครับ แต่ว่าผมติดงานเรื่องที่ถ่ายปัจจุบันอยู่ ก็จะบวชก่อนที่จะถ่าย ผมก็ยาวไม่ทัน หรือว่าถ่ายจบแล้วผมจะยังอยากบวชอยู่ไหม ผมก็รู้สึกว่ามันก็หายไปแล้วอะ มันเหมือนมีไฟ แต่การที่เราจะทำอะไรพอมันห่างไปเรื่อยๆ มันก็ลืม ความอยากมันไม่เท่าตอนนั้น”

ลืมไปแล้วถ้าไม่ได้พูดถึง ที่อยากตอนนั้นเพราะรู้สึกว่ามันสบาย ไม่ต้องคิดอะไร
“นี่ลืมไปแล้วเนี่ย (หัวเราะ) ถ้าไม่พูดนี่ลืมไปแล้ว พอเรามานั่งคิดว่าความสบายของเรา เฮ้ย…มันสบายมากเลย เพราะไปอยู่ในนั้นไม่ต้องคิดอะไร ไม่มีภาระหนี้สิน ไม่มีเรื่องที่จะต้องมาวุ่นวายรายเดือน จ่ายโน่นจ่ายนี่ มันสงบ ผมรู้สึกว่ามันสบายจังเลย อ๋อ…รู้แล้วทำไมคนถึงบวชกัน แล้วมันก็สบายใจ แต่พอกลับสู่โลกแห่งความจริง ชีวิตคนเราต้องทำอะไรเยอะ มันมีอะไรที่ต้องรับผิดชอบ มันก็ทำให้เรื่องไม่ต้องคิดเยอะ”

ไม่มีความคิดลองปฏิบัติธรรม เพราะไม่ค่อยเก็ต เชื่อในสิ่งที่ทำมากกว่า
“ไม่เคยเลย ผมไม่เชื่อเท่าไหร่ ผมเชื่อในสิ่งที่ทำมากกว่า แต่นั่งสมาธิหรืออะไรผมไม่เก็ตเท่าไหร่ ไม่เข้าใจด้วย”

มีคนเคยบอกถ้าเข้าใจจริงๆ อาจจะบวชไม่สึก
“มีคนเคยบอกว่า ถ้าผมเข้าใจมันอาจจะไม่สึกก็ได้ เพราะว่ามันสบาย ถ้าเอาแบบคนไม่รู้เรื่องในธรรมะจริงๆ ผมว่าการที่เราอยู่ทุกวันนี้ เราเอามาแบกเอง สุดท้ายก็วุ่นวายกับชีวิตเราเอง เรามีค่าน้ำค่าไฟ ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ กินโน่นกินนี่อะไรแบบนี้ เราต้องการเองทั้งหมดเลยแล้ว เราก็รู้สึกว่ามันวุ่นวายเพราะสิ่งที่เราอยากเป็นหนี้สินเพราะสิ่งที่เราอยาก แต่พอเป็นพระมันไม่มีเลย มันเหมือนกับวางทุกอย่างไปเลย แล้วเรารู้สึกว่ามันสบายมากไม่ต้องคิดอะไร แล้วก็มารู้สึกว่ามันสบายใจ”

บรรยากาศตอนนั้นมันเป็นใจเลยอยากบวช ไม่ใช่เพราะมีเรื่องไม่สบายใจ
“ไม่หรอกครับ ผมรู้สึกว่าบรรยากาศตอนนั้น แล้วก็ความรู้สึกว่าผมเคยบวชแล้ว แล้วมันก็รู้สึกว่ามันเป็นทางๆ หนึ่ง ที่ทำให้คนได้พักสมอง ไม่ต้องคิดเรื่องกับชีวิตที่ต้องเป็นแบบวัฎจักร เพราะเราต้องกินต้องใช้ต้องทำงาน เพื่ออะไร เพื่อสิ่งโน้นสิ่งนี้ทุกอย่าง แต่พอไปทางโน้น ผมรู้สึกว่ามันหยุดทุกอย่าง เหมือนพักผ่อน”

ยืนยันไม่เกี่ยวกับปัญหาชีวิตคู่
“ไม่เกี่ยว (ยืนยันว่าไม่เกี่ยว?) ไม่เกี่ยวครับ ผมแค่รู้สึกว่าลองคิดดู หลังจากลองนั่งใส่วิกมาหลายชั่วโมงแล้วก็ไปนั่งใส่ผ้าเหลืองดู มานั่งคิดว่าทำไมคนบวชเพราะอะไร อ๋อ…เพราะมันสบาย เพราะมันพักทุกอย่าง มันวางสิ่งที่เราเอามาเอง ผมเคยเห็นคำสอนของในวัด เขียนสอนคนว่า ถือก็หนัก วางก็เบามันก็จริง เราก็เอามาถือเอง วางลงก็เบา แค่นั้นเอง”

ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว แยกกันอยู่และช่วยกันดูแลลูกให้ดีที่สุด
“ใช่ครับ ตอนนี้ก็แยกกันอยู่ นี่สิ่งที่อยากถามใช่ไหม (หัวเราะ) ไม่เป็นไรครับ ก็ชัดเจนครับ คือตอนนี้เราก็มีหน้าที่อย่างเดียว คือเป็นพ่อและแม่ ก็หาวิธีการตกลง โดยการไกล่เกลี่ยในแบบศาลปิด ก็ช่วยกันดูแลเขาให้ดี เขาก็มุ่งประเด็นไปที่เด็ก ก็ฝ่ายพ่อแม่เป็นไงเขาไม่ได้มอง ประเด็นหลักคือเขาอยากให้เด็กมีประโยชน์ที่สุด ได้ความสำคัญที่สุด แล้วเด็กต้องมีทั้งพ่อและแม่ช่วยกันดูแล เขาก็จะมีการแบ่งวันกันดูแลชัดเจนก็ดูแลให้ดีที่สุด”

แบ่งวันกันเลี้ยงลูกตามข้อกฎหมายกำหนด
“แบ่งกันครับ (เป็นวัน?) ใช่ครับ ชัดเจน มีกำหนดในข้อกฎหมาย ไม่ต้องลงดีเทลดีกว่าครับ”

กังวลเรื่องความรู้สึกของลูก เหมือนเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในชีวิต
“มันแน่นอน มันมีอยู่แล้ว พอมันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น หรือเราเรียกว่ามันเป็นอุบัติเหตุในชีวิตเรา เป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิด เราอยากทำให้มันดีที่สุด แต่วันหนึ่งมันเกิดขึ้นแล้ว เราไม่ต้องคิดแล้วว่ามันเกิดขึ้นทำไม เราคิดดีกว่าว่าเราจะทำไงต่อไปให้ดี”

เชื่อลูกมีคำถามอยู่ในใจ แต่คงซับซ้อนเกินไปสำหรับเด็ก 8 ขวบ
ผมเชื่อว่าเขามีในใจ แต่เขาพูดไม่ถูก มันซับซ้อนเกินไปสำหรับเด็ก 8 ขวบแต่เด็ก 8 ขวบบางคนอาจจะรู้เรื่องแล้ว แต่ว่าอย่างลูกผมเขาก็คงรู้สึกข้างในแหละว่าเขาเป็นอะไร แต่เขาพูดไม่ได้ เขาพูดไม่เป็นก็เลยจะเงียบๆ แบบผม”

เลิกมองเรื่องความรักและชีวิตคู่ ดำรงชีวิตต่อแบบตั้งใจดูแลลูก
“ก็…ไม่ได้มองแล้วครับ ผมมองไปที่ว่าเราจะทำยังไงต่อไปให้มันดี (ไม่ได้มองเรื่องชีวิตคู่เลย?) ไม่ได้มองครับ ตอนนี้ก็ดูสถานการณ์ แล้วก็ดำรงชีวิตต่อไป ช่วยกันดูแลเด็กมากว่า ส่วนเรื่องความรักผมเลิกมองไปสักพักแล้วครับ”











กำลังโหลดความคิดเห็น