xs
xsm
sm
md
lg

ส่องบ็อกออฟฟิศเอเซีย 6 เดือนแรก : หนังอินเดียที่ทำเงินสูงกว่า “คังคุไบ” และหนังจีนที่ทำเงินติดอันดับโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ฟ้าธานี



คังคุไบ อาจจะเป็นหนังอินเดียที่สร้างปรากฏการณ์ในเมืองไทย กลายเป็นที่พูดถึงระดับ ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ แต่จริง ๆ แล้วในการฉายที่อินเดียหนังเรื่องนี้ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเลย หนังทำเงินไปประมาณ 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่านั้นเอง

เทียบไม่ได้เลยกับหนังแอ็กชั่นภาษาเตลูกูอย่าง RRR ที่กระแสในบ้านเราก็ดีใช้ได้ และมีใช้ชมทางสตรีมมิงในเวลาใกล้เคียงกับ คังคุไบ โดยหนังเรื่องนี้ทำเงินอย่างถล่มทลายถึง 124 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปเรีบร้อยแล้ว และขึ้นแท่นเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลลำดับที่ 4 ของ อินเดียไปแล้วด้วย แต่จริง ๆ แล้ว RRR ก็ยังไม่ใช่หนังที่ทำเงินสูงสุดในปีนี้อยู่ดี


หนังอินเดียที่ทำเงินสูงสุดจริง ๆ ก็คือหนังแอ็กชั่นฟอร์มใหญ่อลังการงานสร้าง K.G.F: Chapter 2 หนังแอ็กชั่นภาษากานาดาที่ใช้กันในแถบภาคใต้ของอินเดียที่ทำเงินไปแล้ว 159 ล้านเหรียญฯ แถมยังฉายทีหลัง RRR ซะด้วย และยังคงอยู่ในโรงภาพยนตร์ จึงน่าจะมีโอกาสเก็บเงินได้อีกพอสมควร

สำหรับที่ญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นหน้าเดิม ๆ ที่เป็นหนังทำเงินประจำปี โดยหนังญี่ปุ่นที่ทำเงินเป็นอันดับ 1 ในปีนี้คือ เวอร์ชั่นภาพยนตร์ของ ยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน ที่ถือว่าเป็นตันที่ 25 ของการ์ตูนชุดนี้แล้ว แต่ชาวญี่ปุ่นก็ดูจะยังไม่เบื่อ พร้อมตีตั๋วกันไปดูเรื่อย ๆ จนหนังทำเงินไปได้ถึง 62 ล้านเหรียญฯ กันเลยทีเดียว

อันดับ 2 เป็นหนังคนแสดง The Confidence Man JP: Episode of the Hero หนังเกี่ยวกับแก๊งต้มตุ๋น ที่ต่อยอดมาจากซีรีส์ และสร้างกันมาเป็นภาคที่ 2 แล้ว

ก็คงต้องมาลุ้นกันต่อไปว่า Shin Ultraman ที่ฉายไปแล้วจะสามารถทำเงินขึ้นมาแทรกอันดับต้น ๆ ได้รึเปล่า

ข้ามไปที่เกาหลีที่หนังของพระเอกแห่งยุค มาดงซอก The Roundup ทำเงินมาเป็นอันดับ 1 ในประเทศ ด้วยรายได้ 41 ล้านเหรียญฯโดยหนังเป็นภาคต่อของหนังเรื่อง The Outlaws ที่เคยกวาดรางได้ไปสูงถึง 50 ล้านเหรียญฯจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ภาคต่อก็ยังฮิตต่อเนื่องแบบนี้

หนังเกาหลีอีกเรื่องที่ถือว่าทำเงินได้สูงมากจนน่าเหลือเชื่อประจำปี 2022 กลับกลายเป็นหนังคอนเสิร์ต BTS Permission to Dance on Stage - Seoul: Live Viewing ของบอยแบนด์แห่งชาติเกาหลี ที่ในเกาหลีเองทำรายไปในระดับหนึ่ง แต่กลับทำเงินในหลาย ๆ ประเทศ จนรวมแล้วสูงถึง 32 ล้านเหรียญฯ ทั้งในสหรัฐฯ 6 ล้านฯในอังกฤษ 1 ล้านฯ แม้แต่ในรัสเซียหนังก็ยังอุตส่าห์โกยไปได้ถึง 5 แสน เหรียญฯ จึงไม่แปลกที่ยอดรวมจะสูงขนาดนี้

สำหรับตลาดหนังอันดับ 1 แห่งเอเชียที่ตอนนี้กำลังอ่วมเพราะ COVID ก็ยังมีหนังหลาย ๆ เรื่องที่ทำเงินได้ดี ไม่ว่าจะเป็นหนังตลก New View ที่เล่าเรื่องของหนุ่มสู้ชีวิตที่พยายามหาเงินมาผ่าตัดน้องสาว ตัวหนังเองก็ถือว่าสู้ชีวิตเหมือนกัน เพราะต้องถ่ายทำในระหว่างที่มี COVID ระบาดสองช่วง และยังถ่ายทำผ่านช่วงที่มีไต้ฝุ่นถล่มเสินเจิ้นที่หนังถ่ายทำอยู่ถึง 4 ลูก

หนังทำเงินอันดับ 2 ของจีนในปีนี้ก็ยังเป็นหนังตลกเหมือนเดิม กับ Too Cool to Kill หนังฆาตกรรมผสมตลกที่คงอุดมด้วยมุกท้องถิ่น ประเภทคนจีนเท่านั้นที่จะเข้าใจ แต่ก็คงทำออกมมาถูกใจผู้ชมที่นั่นจริง ๆ เพราะโกยไปถึง 390 ล้านเหรียญฯ แถมคะแนนจากคนจีนยังสูงถึง 9.2 เต็มสิบ ซึ่งถ้าก็คงต้องให้เครดิตคนแต่งเรื่องอยู่บ้าง เพราะหนังเรื่องนี้จริง ๆแล้วเป็นการรีเมกมาจากหนังญี่ปุ่นเรื่อง The Magic Hour ของ โกกิ มิทานิ นักเขียนดังของทางฝั่งญี่ปุ่นเอง

สำหรับหนังทำเงินอันดับ 1 ของจีน และเป็นหนังทำเงินอันดับ 3 ของโลกในปีนี้ ก็คงไม่ต้องเดาให้เสียเวลา เพราะคือหนังสงครามกระตุ้นเลือดรักชาติ Water Gate Bridge หรือ The Battle at Lake Changjin II ของ ฉีเคอะ ที่แม้จะทำเงินน้อยกว่าภาคแรกแต่ก็ยังรายได้สูงมาก ๆ คือ 626 ล้านเหรียญฯ









กำลังโหลดความคิดเห็น