เล่นเอาขนหัวลุกเลยทีเดียวเมื่อ “ปิ๋ม ซีโฟร์” ดารานักร้องนักแสดง ครูสอนเต้นผู้ปั้นนักร้องดังมาแล้วหลายคน ได้เดินทางมาที่แกลอรี่ของ “จิลล์ จักรพงศ์ การสมพรต” หรือแจ๊คจิลล์ อดีตนักร้องดูโอ้ ยุค 90 กูรูกุมารทองเครื่องรางของขลัง โดยทันทีที่เจ้าตัวเดินขึ้นมาถึงบันไดชั้น 3 ก็หยุดชะงัก แล้วบอกว่า นั่นใคร ทำไมมายืนรอตรงนี้ ทำเอาทีมงานงงว่าปิ๋มพูดถึงใครเพราะขณะนั้นไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย
เมื่อเข้าไปในบริเวณห้องที่เป็นที่ตั้งบูชา “หนังหน้าครู” ซึ่งถูกเลาะมาจากหนังหน้าครูจริงๆ ตั้งแต่สมัยอยุธยา ซึ่งมีทั้งหมดถึง 17 หนังหน้าครู เจ้าตัวถึงกับอึ้ง และทันทีที่ก้มลงกราบเจ้าตัวก็ตัวสั่นร้องไห้ และไปชี้ไปที่หนังหน้าครูว่าองค์หนึ่งว่า องค์นี้เป็นครูของปิ๋ม แล้วก็ร้องไห้หนัก ก้มลงกราบไม่ยอมเงยหน้า
ด้านจิลล์ จักรพงศ์ ก็สื่อกับหนังหน้าครูบอกกับปิ๋มว่า ท่านมารอรับที่หน้าบันได บอกว่า อย่าลืมครูนะ ท่านจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างรอวันนี้มานานแล้ว เคยอยู่ด้วยกันมา เคยไหว้กันมา ปิ๋มเคยดังเพราะครูคนนี้ เป็นคนสอนทุกอย่างในการำสมัยก่อน รอคนนี้ต้องการให้คนนี้มา
จากนั้นปิ๋มก็ร้องไห้หนักส่งเสียงดังสะอึกสะอื้น ร้องหาหมากพูล และกล่าวขอขมาครูบาอาจารย์ และบอกว่า เคยอธิษฐานว่าเกิดชาติไหน ก็ขอให้ได้รำแบบนี้ทุกชาติไป ด้านจิลล์เองก็ร้องไห้เช่นกัน เพราะสื่อได้ถึงความปลาบปลื้มดีใจของครูบาอาจารย์ที่ได้เจอกับลูกศิษย์ในอดีตชาติอีกครั้ง
ซึ่งก็น่าแปลกเพราะในชาตินี้ปิ๋มก็จบนาฏศิลป์ ชอบการร้องการรำมาตั้งแต่เด็ก กระทั่งได้มามีชื่อเสียงเป็นแดนซ์เซอร์ให้กับ รุ่ง สุริยา จนโด่งดัง กลายเป็นนักร้องนักแสดง และประกอบอาชีพครูสอนเต้นมาจนถึงทุกวันนี้
หลังจากกราบครูเสร็จ ปิ๋มก็บอกว่า มาวันนี้รู้สึกตอบโจทย์ทุกอย่าง สิ่งที่เคยสงสัยมาตลอดชีวิตว่า ทำไมเราชอบการร้องการรำ และอยากเรียนนาฏศิลป์เพราะอะไร วันนี้ได้คำตอบแล้ว ขอบคุณจิลล์ที่เปิดโอกาสให้ได้มาไหว้ครูบาอาจารย์ ในชีวิตนี้ไหว้ครูมาเยอะ แต่ไม่เคยเจอหน้าครูแบบนี้มาก่อนนี่เป็นครั้งแรกของชีวิต รู้สึกขนลุกมากๆ และก็เวียนหัวปวดหัวมาก พลังงานท่านแรงจริงๆ
สำหรับประวัติหนังหน้าครูนั้น มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น การไหว้หน้าครูมีมาแต่นานแล้ว ต้นกำเนิดอยู่ที่คลองมโนราห์ จ.อยุธยา ผู้ที่จะถูกทำหนังหน้าครู จะต้องสวย หน้าตาดี รำสวย โดดเด่นเป็นที่นิยมของคนดู มีเสน่ห์สะกดคนดูเวลาไปเปิดการแสดงที่ไหน ก็จะมีคนรอดูกันแน่น
เมื่อตายแล้วจะถูกเลาะหนังหน้ามาทำหนังหน้าครู กลายเป็นครูปกปักรักษาคณะลูกศิษย์ โดยจะต้องเอ่ยปากลั่นวาจาไว้ก่อนตายขอสละวิญญาณเพื่อเป็นหน้าครู
คณะไหนที่มีหนังหน้าครูบูชา หรือผู้ที่บูชา จะเป็นผู้มีเสน่ห์ รำสวย เป็นที่ต้องตาต้องใจ ใครเห็นก็รัก ใครเห็นก็หลง การแสดงดั่งมนต์สะกด ประหนึ่งครูบาอาจารย์มาประทับรำ ประสิทธิ์ประสาทวิชาร่ายรำจนเป็นที่หลงไหล
ในทุกปีจะมีการทำพิธีไหว้หนังหน้าครู เหมือนการไหว้ครูในปัจจุบัน ต่อมาพิธีการเลาะหนังหน้าครูได้จางหายไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ต่อมาใช้หนังสัตว์ , ปูน และปัจจุบันใช้เรซิ่น ที่เป็นพ่อแก่เหมือนที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้
สำหรับหนังหน้าครู นอกจากจะมีการใช้ในการบูชาครู ส่งเสริมหน้าที่การงานการแสดงการร้องการรำแล้ว ในบางอาจารย์ก็นำไปใช้ในการเสน่ห์เมตามหานิยม แก้มนต์ดำ รักษาโรคต่างๆ หนังหน้าครูนี้ จึงเป็นที่ต้องการของผู้ที่ต้องการเสน่ห์ การพูด การใช้วาจา การค้าการขาย รวมไปถึงอาชีพต่างๆ ที่ต้องมีครูในการประสิทธิ์ประสาทวิชาก็สามารถบูชาได้เช่นกัน