“กระติก” เปิดใจช็อก แม๊ให้มือถือ “บังแจ็ค” แต่อย่างน้อยสังคมได้รับรู้ความจริงว่าตนไม่ได้ทำ วอนวิเคราะห์ มาทวงความยุติธรรมหรือทำร้าย “แตงโม” ด้าน “แซน” ลั่น บังแจ็ค โทร.หาแต่ไมรับสาย มองเรื่องอีกฝ่ายเป็นเรื่องตลก
หลังจากที่สำนักอัยการนนทบุรีออกมาแถลงเลื่อนฟังคำสั่งฟ้อง 6 ผู้ต้องหา ในคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์”จากนั้น “กระติก อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์” และ “แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์”ที่เดินทางมาด้วยรถคันเดียวกัน เพื่อเซ็นรายงานตัวและเซ็นรับทราบนัดฟังคำสั่งอัยการครั้งต่อไป ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
กระติก กล่าวว่า ตนไม่ได้กังวลใจ ที่วันนี้พนักงานอัยการเลื่อนฟังคำสั่ง เพราะเท่าที่ทราบข้อมูลค่อนข้างเยอะ และต้องใช้เวลาในการพิจารณา แต่เชื่อว่าครั้งหน้าน่าจะไม่เลื่อนนัดแล้ว ส่วนประเด็นที่ก่อนหน้านี้คุณแม่แตงโมออกมาให้สัมภาษณ์ว่าตน เป็นคนเล่นโทรศัพท์ และเป็นคนโพสต์รูปภาพของแตงโม ตนยังไม่ได้เคลียร์ใจกับคุณแม่เรื่องนี้ และขอให้เป็นเรื่องกระบวนการตามกฏหมาย เพราะส่วนตัวได้เข้าไปแจ้งความไว้แล้วที่ บก.สอท. หลังจากนั้นขอให้เป็นหน้าที่ของทางตำรวจ ที่จะไปตรวจสอบและเรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจุดจบจะเป็นใครก็ต้องได้รับผลกรรมตรงนั้นไป
เมื่อถามว่า โกรธคุณแม่แตงโมหรือไม่ กระติก กล่าวว่า เป็นเรื่องความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมากกว่า เพราะตนไม่ได้ทำอะไรผิด แต่กลับต้องมาโดนแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาในเรื่องเดิมๆ ก็ยอมรับว่ารู้สึกเหนื่อย แต่ไม่ได้โกรธอะไรคุณแม่ ซึ่งหลังจากนี้ให้กระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ตัวเราเองต่อไป ตนยังรู้สึกช็อกและตกใจมาก ที่มาทราบภายหลังว่าคุณแม่แตงโมเป็นคนส่งโทรศัพท์ พร้อมกับรหัสทุกอย่างให้กับบังแจ็ค
ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่พระเจ้าเปิดเผยแล้ว และดีใจที่อย่างน้อยก็ทำให้สังคมรู้ว่าตนไม่ได้เป็นคนทำ แต่ก็เหนือความคาดหมายมาก เพราะคุณแม่ให้สัมภาษณ์ว่าคุยกับบังแจ็คจริงๆ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าตอนเขาคุยกันสภาพจิตใจเขาเป็นอย่างไร ซึ่งก็อยากให้ทุกคนที่เสพข่าวใช้สติ ไม่อยากให้ตัดสินใจ
พร้อมทั้งประเด็นภาพลับ 30 ภาพ ของแตงโมที่อยู่ในโทรศัพท์นั้น เรื่องนี้นอกเหนือคดีความไปแล้ว เพราะโทรศัพท์เป็นของส่วนตัวของแตงโม และตนก็ไม่ทราบว่าข้อมูลในเครื่องมีภาพหรือข้อมูลอะไรอยู่บ้าง จึงไม่สามารถตอบได้ แต่อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับคดี ไม่ใช่ไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของแตงโม และเราควรให้เกียรติผู้เสียชีวิต เพราะเราไม่รู้ว่าแตงโมจะไปคุยอะไรกับใคร และเราไม่ได้เห็นกับตา อยากให้ทุกคนวิเคราะห์กันดีๆ ว่า เรามาทวงความยุติธรรมให้กับแตงโม หรือทำร้ายแตงโมกันแน่
สำหรับที่ผ่านมาตนไม่ได้ให้ค่าอะไรกับบังแจ็ค แม้ว่าจะถูกกล่าวหาว่ารับงาน ปล่อยข่าวว่ามีเงินโอนเข้ามา 3 แสนบาท ซึ่งอยากจะให้ทุกคนลองพิจารณาว่าควรจะเชื่อถือบังแจ็คได้หรือไม่ เพราะขนาดโทรศัพท์ของแตงโมเธอยังไม่กล้าที่จะยุ่งหรือเปิดดูโทรศัพท์อะไรเลย
ส่วนเรื่องทีมของ ส.ส.เต้ ในฐานะดูแลคดีความของคุณแม่จ่อฟ้องเรียกค่าสินไหม 200 ล้านบาทนั้น ตนคิดว่าเป็นสิทธิของคุณแม่ และไม่ขอก้าวล่วง ไม่ขอออกความคิดเห็นตรงนี้ แต่ก็อยากให้พิจารณากันดีๆ อย่างนายอัจฉริยะเองที่ออกมาเคลื่อนไหวหลายคดีอยู่ในพื้นที่แสงพื้นที่สื่อ แต่พอเรื่องเงียบไปก็ทิ้งทุกอย่างไว้ โดยหากมีพยานหลักฐานจริงทั้งคลิปหรือภาพว่าแตงโม ถูกฆ่าถูกเอามีดกรีดขา ก็อยากให้นำมาเปิดเผยเลย เพราะหากผิดจริงก็จะได้ถูกจับเข้าคุก
ส่วนในวันงานเผาร่างแตงโม ตนได้ไปนั่งระลึกถึงแตงโมอยู่ด้านหลังพิธี พร้อมส่งใจและคิดถึงแตงโม เพราะเป็นเพื่อนที่รักและอยู่กันมานาน แต่ด้วยสาเหตุที่รีบเพราะต้องรีบกลับไปให้ปากคำที่ บก.สอท. กว่าจะได้กลับบ้านก็ 2 ทุ่มแล้ว เพราะต้องให้การอย่างละเอียด
ด้าน แซน วิศาพัช กล่าวว่า ที่ผ่านมาบังแจ็คเคยโทร.หาตนจริง แต่รับสายเพียงครั้งเดียว พอรู้ว่าเป็นบังแจ็คก็เลยตัดสายทิ้งทันที จึงไม่ทันได้พูดคุยอะไรกัน แต่เขาก็ส่งข้อความมาถามเกี่ยวข้องกับนายอัจฉริยะ ตนก็ไม่ได้ตอบอะไร ส่วนตัวไม่ได้กังวลใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องบังแจ็ค และมองว่าเป็นเรื่องตลกมากกว่า
ส่วนที่นายอัจฉริยะยังมองว่าคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรมนั้น ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมนายอัจฉริยะถึงคิดและสงสัยแบบนั้น ทั้งๆ ที่ความจริงแตงโมตกท้ายเรือจริงๆ
ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้ไปร่วมงานเผาร่างแตงโม เพราะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงและคิดว่าไม่ควรไปร่วมงาน ทำให้คนอื่นเดือดร้อนดีกว่า