“แพรวา” ตอบชาวเน็ตรัก “หน่อง ธนา” มากทำไมถึงเลิก ลั่นขอเป็นคนผิดเองเพื่อให้จบเรื่องเลิกโจมตีกัน

“แพรวา” แจงประเด็นที่ชาวเน็ตถามรักกันมากทำไมถึงเลิก บอกไม่อยากจะทำร้ายกันแล้ว ยิ่งสู้ต่อยิ่งเป็นการทำลายกันไปเรื่อยๆ ส่วนประเด็นคนเลิกก่อนมักจะเป็นฝ่ายผิดนั้นตนยอมผิดเองในความสัมพันธ์นี้เพื่อเรื่องจะได้จบ ไม่อยากให้มีการโจมตีกันอีกแล้ว

โสดมา 2 เดือนแล้ว สำหรับ “แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์” ที่ตัดสินใจเลิกกับ “หน่อง ธนา ฉัตรบริรักษ์” ทั้งที่ยังรัก ล่าสุดแพรวาได้ออกมาอัปเดตชีวิตตนเอง โดยเล่าว่าตอนนี้วุ่นกับงาน พร้อมแจงประเด็นที่ชาวเน็ตสงสัย รักกันมากทำไมถึงเลิก

“ดีค่ะ งานแน่นทุกวันเหมือนเดิม ก็ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ เหมือนเราผ่านช่วงเสียใจมาแล้ว สภาพดีกว่าวันนั้นเยอะเลย งานและเพื่อนๆ ช่วยให้ดีขึ้น แทบจะหาเวลาว่างให้ตัวเองไม่ได้เลย บางวันเราทำงานเสร็จเร็วก็จะทักเพื่อนไปว่าอยู่ไหนกัน ใครทำอะไรอยู่บ้าง พยายามทำให้ตัวเองไม่ว่าง ไม่อยู่คนเดียว ถ้าต้องอยู่คนเดียวก็จะเข้าไปเล่มเกมกับเพื่อนๆ แทน ก็เหมือนได้อยู่กับเพื่อน เราก็หาทางเอาตัวรอดไปในแบบของเรา แต่มันก็ต้องมีเหงาบ้างแหละเป็นปกติ”

ได้ดูสัมภาษณ์ “หน่อง ธนา” แล้วเป็นห่วงสภาพจิตใจของอีกฝ่าย
“ก็เป็นห่วงสภาพจิตใจเขา เราค่อนข้างรีโคเวอร์ได้เร็วกว่าเขา แต่รู้สึกว่าเขาก็จะผ่านไปได้ ที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้คุยกันเลย รู้สึกว่ามันอาจจะต้องรอระยะเวลาที่นานกว่านี้ กว่าที่เราจะทักไปหาเขา คิดว่าทักไปถามคนรอบตัวเขาน่าจะง่ายกว่า แต่ก็ยังไม่ได้ทักไปถามใคร จากที่ดูสัมภาษณ์เขาดูจากรีแอ็กชั่นเขารู้สึกว่ายังอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างเหมือนเราช่วงที่กำลังจะขึ้นมา กว่าจะขึ้นมาได้ถ้าทักไปตอนนี้เขาอาจจะล้มใหม่ได้

มันพูดได้ยากว่าใครเฮิร์ตกว่ากัน เราจะไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นง่ายๆ แม้แต่พ่อแม่ก็แทบจะไม่เคยเห็นเราร้องไห้ เพื่อนนี่แทบจะไม่เห็นเลย นอกจากเรื่องที่หนักจริงๆ เรื่องพี่หน่องเราเสียใจคนเดียวได้ แต่ว่าเรื่องที่โดนชาวเน็ตด่าไม่สามารถเสียใจคนเดียวได้ อันนั้นหนักกว่า”

ตอนนี้ยังไม่พร้อมเจอ “หน่อง ธนา” แต่หากมีงานคู่กันเชื่อว่าอีกฝ่ายจะแยกแยะได้
“เจอได้แต่มันอาจจะยากมาก ขอเวลาก่อน แต่คิดว่าน่าจะมีโอกาสที่เรากลับมาคุยกันได้ เรายินดีที่จะเป็นเพื่อนกับเขามากๆ พี่เขาเป็นที่ปรึกษาที่ดี (ถ้ามีงานคู่ติดต่อมา?) ตอนนี้ยังไม่มี ถามว่าจะรับไหมก็ขอดูระยะเวลาก่อน อาจจะยากนิดนึงถ้าเร็วๆ นี้ ถ้ามีเดือนหน้าคงต้องทักไปถามพี่เขาว่าไหวไหม ไหวแค่ไหน คิดว่าในพาร์ตการทำงานพี่เขาไม่มีปัญหาหรอกค่ะ”

แจงประเด็นที่ข้องใจรักแล้วเลิกทำไม
“เราเห็นคอมเมนต์นี้อยู่ค่ะ ก็เพราะว่ารักกันมากเหมือนที่พี่หน่องพูด เรารักกันมากจนไม่อยากจะทำร้ายกันแล้ว เข้าใจนะที่คนบอกว่ารักกันมากแล้วทำไมไม่สู้ต่อ เพราะว่าการสู้ต่อมันเป็นการทำลายกันลงไปเรื่อยๆ เราเลยไม่รู้ว่าเราจะทำลายกันและกันทำไม

ส่วนคนที่เลิกก่อนมักเป็นคนผิด ในความรักทุกความสัมพันธ์มันไม่มีใครผิด ใครถูก คนสองคนที่มาเรียนรู้กัน พอเข้ากันไม่ได้เราก็แค่แยกจากกัน แต่ถ้าคนอื่นจะมองว่าเราเป็นคนผิด เราก็ยอมเป็นคนผิดในความสัมพันธ์นี้ก็ได้ เพื่อที่เรื่องนี้จะได้จบ ไม่อยากให้มีการโจมตีกันไปมาอีกแล้ว สภาพจิตใจของเราทั้งคู่มันไม่ได้ง่ายที่จะต้องมาตอบคำถามแบบนี้”

ต่างอัปเดตเรื่องของอีกฝ่ายจากคนรอบข้าง
“เราก็อัปเดตเขาผ่านเพื่อนเขาเหมือนกัน ในใจเราก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน อยากให้เขาดูแลตัวเองฟื้นขึ้นมาได้เร็ว ตัวเราเสียใจเราจะออกไปหาเพื่อนๆ แต่พี่เขาจะค่อนข้างเก็บตัว เราดูเข้มแข็งเร็ว เพราะช่วงที่เราเสียใจเราไม่ได้เปิดให้คนเห็นช่วงที่เราเสียใจ ขนาดเพื่อนเรายังไม่ได้เห็นเลย อย่างผู้จัดการ หรือเพื่อนสนิทเรายังบอกเลยว่าเฮ้ย! ร้องไห้บ้างก็ได้นะ ก็บอกเขาว่ามันต้องร้องแหละ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เราก็เลือกที่จะไปร้องไห้คนเดียวในห้องน้ำ

ตอนนี้ไม่ได้ร้องไห้แล้ว เราเป็นพวกถ้าเสียใจเราก็จะไปให้สุดเลย ร้องไห้ๆๆๆ จนโอเคพอแล้ว และจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว เราไม่ได้วางว่าเราจะต้องเสียใจขนาดไหนยังไง เราจะดูจากสภาพร่างกายตัวเองด้วย เราต้องไห้มาเดือนนึงแล้ว แล้วเราดูโทรมแล้ว เราก็ต้องกลับมาคิดแล้วว่ามันก็ถึงเวลาที่เราต้องกลับมาดูแลตัวเองบ้างแล้ว เราอยู่ในโหมดนี้มานานแล้ว”

ไม่มีแฟนก็อยู่ได้ ไม่ต้องการคนดามใจเพราะดามเองได้
“อยู่ได้ค่ะ เพราะว่าเรายังมีจากที่อื่นอีกเยอะแยะ (ยังไม่พร้อมมีแฟน?) เข้ามาได้เลยแม่ ก็ขอดูหน่อยก่อนนะ ตอนนี้รักตัวเองสูงมาก ถ้าจะหาคนเข้ามาดามใจ ขอพักก่อน เพราะว่าดามใจตัวเองได้แล้ว เพื่อนๆ ดามใจเยอะมาก ตอนนี้ยังไม่มีใครเข้ามาจีบ ยังไม่ค่อยมีคนที่เอ๊ะขนาดนั้น ตอนนี้กำแพงเราสูงมากยิ่งกว่ากำแพงเมืองจีน มีคนคอยสแกนให้เยอะด้วย โดยเฉพาะผู้จัดการ เพราะทุกครั้งที่เราร้องไห้ เขาจะเป็นคนเดียวที่เห็น เขาจะเป็นคนที่รับโมเมนต์ทุกอย่างของเราเลย”

ได้ตระหนักถึงข้อดีของการโสด คือรู้ว่าสามารถใช้ชีวิตคนเดียวได้
“เราได้รู้ว่าเราสามารถใช้ชีวิตคนเดียวได้ เราโตขึ้น เราได้กลับมารักตัวเองมากขึ้น จนตอนนี้เพื่อนเตือนแล้วว่ารักตัวเองมากไปหน่อย เราจะไม่ยอมให้เราเสียใจกับเรื่องอะไรอีกแล้ว เราแคร์ตัวเอง แม้กระทั่งขับรถ ไม่ขึ้นทางด่วนมันแค่ 10 นาทีเอง แต่ถ้าขึ้นทางด่วน 5 นาที เราจะบอกว่าได้ งั้นขึ้นทางด่วน เพื่อนก็บอกทำไม วันนี้วันเสาร์รถไม่ติด เราก็บอกว่าไม่อยากเสียใจ สมมติไปเจอทางที่ทำถนนแล้วเกิดรถติด ขึ้นทางด่วนดีกว่า ปลอดภัยกว่า ถ้าในอนาคตจะรักใครสักคนอีกแล้วจะต้องเสียใจก็จะรู้สึกว่าไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็ได้ใช้หัวใจ”