“สิงโต ปราชญา” คว้าป.ตรีใบแรก จบนิเทศฯ ม.กรุงเทพสมใจ ลั่นใช้เวลา 8 ปีแต่คุ้ม เรียนพร้อมเพื่อน จบพร้อมน้องเพื่อนที่เรียนแพทย์ ขอบคุณตัวเองที่สู้ และเพื่อนๆ คอยช่วย โดนเลื่อนรับมา 2 ปี แต่แฟนๆ ร่วมยินดีแน่น แพลนต่อป.โทสาขาเดิม แต่ยังไม่รีบ เหตุกังวลส่งบ้านใหม่และห่วงคุณพ่อเข่าเสื่อม ตัดใจเลิกเติมเกมเพราะใช้เงินต้องคิด
แม้จะใช้เวลานานถึง 8 ปี แต่ในที่สุดวันนี้ (20 พ.ค.) นักแสดงหนุ่ม “สิงโต ปราชญา เรืองโรจน์” ก็คว้าปริญญาตรีใบแรก จากคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มาครองได้สำเร็จ ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.5 เรียกว่ามอบเป็นของขวัญให้กับคุณพ่อได้ตามที่ตั้งใจเอาไว้ ซึ่งงานนี้นอกจากจะมีคุณพ่อ และครอบครัวมาร่วมแสดงความยินดีแล้ว ก็ยังมีเหล่าแฟนคลับมาร่วมให้กำลังใจมากมาย
“เพิ่งจบครั้งแรกครับ ถึงแม้ว่าจะเรียนมา 8 ปีแล้วก็ตาม (หัวเราะ) แต่ว่าไม่เครียดครับ มันมีช่วงหนึ่งที่เรารู้สึกว่าเหนื่อยมากเหมือนกัน แต่ว่าก็ดีใจที่มันผ่านมาได้ โชคดีที่มันเป็นสิ่งที่สิงชอบและรัก เราค่อนข้างที่จะเอาใจตัวเองนิดหนึ่ง ย้ายมาเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ คือนิเทศศาสตร์ ได้มาเรียนอะไรที่ชอบ แล้วรู้สึกว่ามีแรงฮึดเหมือนกัน ทำให้เรารู้สึกว่าไหนๆ ย้ายมาแล้ว ก็อยากเรียนให้มันได้ดี ให้มันจบให้ได้ ถึงจะ 8 ปีก็ไม่เป็นไรครับ ไม่แคร์ใครจะว่าอะไร ผมได้ทำในสิ่งที่ชอบ ได้ไล่ตามความฝันของตัวเองก็โอเคแล้ว เราได้ประสบการณ์เยอะแยะมากมาย ที่สำคัญเราได้เพื่อนใหม่ๆ ที่ถ้าไม่ได้ย้ายมา ก็คงไม่มีโอได้เจอ แล้วมีคอนเนกชั่นพี่ๆ มากมายด้วย”
เกรด 3.5 เกือบได้เกียรตินิยม ติดที่กฎมหาวิทยาลัยไม่นับคนย้ายหน่วยกิจมา
“เกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.49 หรือ 3.5 นี่แหละครับ แต่ว่าผมมีวิชาอิ๊งค์ ที่โอนจากม.เกษตรฯ มา แล้วที่ม.กรุงเทพเนี่ย ถ้าเกิดว่าโอนวิชาใด วิชาหนึ่งมา เขาจะไม่นับเป็นเกียรตินิยม ก็เลยไม่ได้เกียรตินิยมครับ แต่เกรดก็ถือว่าเหมาะแล้ว ที่เราเรียนในสิ่งที่ชอบ”
โควิดทำเลื่อนมา 2 ปี แต่แฟนๆ ยังร่วมยินดีเหนียวแน่น พร้อมขนช่อดอกไม้ที่ทำจากแบงก์มาให้แบบจัดหนักจัดเต็ม
“อาจจะเป็นเพราะว่า ไม่ได้เจอแฟนคลับนานมาก คือถ้าเป็นที่ไทยเนี่ย นี่แทบจะเป็นงานแรก ที่รวมแฟนคลับเยอะขนาดเลยตั้งแต่มีโควิด หลายๆ คนไม่ได้เจอกันมาเกือบ 3 ปี แฟนๆ เขาน่าจะตื้นตันนะ ในที่สุดเราก็เรียนจบสักที เพราะว่าพี่ๆ แฟนคลับหลายคน ก็ติดตามสิงมาตั้งแต่ช่วงสิงเรียนอยู่ม.เกษตรฯ แล้วตอนสิงทำใจย้ายมาม.กรุงเทพ ก็มีแฟนๆ หลายคนให้กำลังใจในโซเชียลเยอะมาก ว่าขอให้เรียนจบไวๆ พอถึงวันนี้มันจบแล้ว ดันมีโควิดขึ้นมา ทำให้ถูกเลื่อนรับปริญญามา 2 ปี ทุกคนก็รอ”
เป็นอีกหนึ่งโมเมนต์สำคัญในชีวิต ที่อยากให้แฟนๆ ได้มาร่วมแสดงความยินดี และเป็นโอกาสดีหลังไม่เจอกันนาน
“จริงๆ มันเป็นการพบปะพูดคุยเฉยๆ นี้แหละครับ แต่อย่างที่รู้ๆ กัน ช่วงงานบวช สิงไม่ได้เปิดให้แฟนๆ มาร่วมงาน เพราะอยากให้มันเป็นงานปิด เฉพาะครอบครัว แต่วันนี้เป็นอีกหนึ่งงาน ที่สำคัญในชีวิตเราเหมือนกัน ก็อยากให้แฟนๆ ได้มาร่วมแสดงความยินดีด้วยกัน แล้วบวกกับเป็นช่วงที่ไม่ได้เจอแฟนคลับนานด้วย ก็ถือโอกาสตรงนี้มาเจอแฟนคลับ ไม่มีร้องเพลงครับ (หัวเราะ)”
ของขวัญพิเศษคือการได้มาเจอแฟนๆ อีกครั้งหนึ่ง
“ถามว่ามีอะไรพิเศษให้ตัวเองไหม จริงๆ แค่มาเจอแฟนคลับในจำนวนเยอะขนาดนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องพิเศษสำหรับสิงแล้วนะ พิเศษจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้เจอจำนวนเยอะขนาดนี้เลย ยกเว้นว่าไปแฟนมีตติ้งที่ญี่ปุ่น ซึ่งอันนั้นก็จะเป็นแฟนๆ ญี่ปุ่นซะส่วนใหญ่ครับ”
ตัดใจเลิกเติมเกม แล้วเอาเงินไปซื้อบ้านใหม่ เพราะคุณพ่อเข่าเสื่อม บ้านเก่าขึ้น-ลงลำบาก คาดต้นปีหน้าพร้อมเข้าอยู่
“ใช้เงินต้องพิจารณามากขึ้น เกมต่างๆ ที่เคยเติม อย่าเรียกว่าเบาลง เรียกว่าเคลียร์ออกไปเลย มีหลายเกมที่รู้สึกว่า เราไม่เล่นก็ได้ เพราะว่าเราเริ่มมีภาระแล้ว (หัวเราะ) มีภาระต้องส่งแล้ว ที่ตัดสินใจซื้อบ้าน พูดตรงๆ ก็คือคุณพ่อเข่าเสื่อม แล้วเท่าที่คุยปรึกษาหมอตอนแรก เหมือนมีแววว่าคุณพ่อจะต้องผ่าเข่า แล้วที่บ้านเก่าเนี่ย ห้องน้ำมันอยู่ชั้น 1 ห้องนอนอยู่ชั้น 2 เวลาขึ้นลงพ่อจะลำบาก เลยรู้สึกว่ามันคงถึงเวลาที่จะซื้อบ้านจริงๆ จังๆ สักที ก็เลยเป็นบ้านหลังนี้ชึ้นมา ซึ่งก็ยังไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่เหมือนกัน คือเป็นบ้านสำเร็จ แต่ข้างในให้พี่ๆ ที่สนิทกันวางอินทีเรียให้ ถ้าเอาชัวร์ๆ ที่จะสามารถเข้าไปอยู่ได้ เห็นว่าน่าจะต้นปีหน้าครับ โชคดีที่อาการเข่าพ่อ หมอก็ยังไม่ให้ผ่าด้วย ให้รักษาด้วยการกินยา ให้แผ่นแปะ ก็เบาใจไป”
แพลนเรียนต่อปริญญาโทสาขาเดิม แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะมีปัจจัยหลายๆ อย่าง ที่ทำให้รู้สึกกังวลอยู่
“แพลนเรียนต่อก็บอกมาสักพักใหญ่แล้ว แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ทำให้เรารู้สึกกังวลเหมือนกัน แต่ว่ายังไม่ทิ้ง เราเป็นคนทำอะไรช้าครับ เพราะฉะนั้นสิงเลยรู้สึกว่า กับแค่เรียนต่อ ช้าไปหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ทิ้งแพลนแน่นอน มันมีปัจจัยที่เพิ่มมา ก็คือเราต้องส่งบ้านด้วย แล้วเราก็เป็นห่วงอาการเข่าของคุณพ่อ เพราะฉะนั้นมันก็ไม่เป็นไร เรารู้สึกว่ามันชะลอได้ ยังไงเราก็ไม่ทิ้งอยู่แล้ว ก็คิดไว้ว่าคงต่อสาขาเดิมครับ ใจเรายังรักในจุดนี้อยู่ มันเคยเป็นความรู้สึกที่เราชอบมันขนาดไหน ตอนที่เราเรียนม.ปลายมา ทุกวันนี้มันก็ยังเป็นอยู่ ในอนาคตเราก็ยังต้องค้นหาตัวเองต่อไป ว่าจริงๆ แล้วต่อให้เราเรียนไป ก็ไม่แน่ใจว่าจบมาแล้วจะทำงานได้ตรงสายอาชีพหรือเปล่า”
ขอบคุณตัวเองที่สู้ ขอบคุณแฟนคลับที่ให้กำลังใจ และขอบคุณเพื่อนๆ ที่คอยช่วยเหลือ
“อันดับแรกอยากขอบคุณตัวเอง ที่อดทนสู้มาก กับปี 4 ม.เกษตรฯ คือทุกคนเชียร์ว่าทำไมไม่เรียนให้จบเลย แล้วค่อยมาต่อปริญญาตรีอีกใบ ซึ่งเรารู้ตัวเลย ว่ามันฝืนต่อไปไม่ไหว เราก็ขอบคุณตัวเองมาก ที่กล้าพอที่จะย้ายมาเรียนในสิ่งที่ชอบมากกว่า ตอนที่บอกพ่อว่าขอซิ่ว พ่อก็บอกว่าเอาเลย ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แล้วก็ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่ให้กำลังใจมาตลอด ขอบคุณเพื่อนๆ ที่คอยแบกสิงตลอดเวลา
คือในช่วงที่เราเรียนม.กรุงเทพ มันเป็นช่วงที่เราทำงานไปด้วย ก็ค่อนข้างที่จะหนักหนาสาหัสเหมือนกัน แต่ก็จะมีเพื่อนๆ กลุ่มที่เรียนด้วยกัน คอยช่วยตามงาน ช่วยตามว่าจะเช็กชื่อแล้วนะ วันนี้มีสอบนะ ห้ามขาดนะ แล้วก็ขอบคุณพี่เจนด้วย จัดคิวให้หมดเลย เหนื่อยมากแต่ผ่านมาได้ ขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้เราผ่านมาได้ สุดท้ายก็อยากจะบอกว่า ในที่สุดก็จบแล้วนะครับผม หลังจากเข้าโครงการเรียนพร้อมเพื่อน จบพร้อมน้องเพื่อนที่เรียนแพทย์ (หัวเราะ) แต่คุ้มนะครับ ได้เพื่อนเยอะมาก”