xs
xsm
sm
md
lg

GDH หวัง “บุพเพสันนิวาส 2” เป็นโปรเจกต์ 1,000 ล้าน กวาดรายได้เข้าออฟฟิศ 500 ล้าน ไม่หวั่นอาถรรพ์ เพราะไม่ใช่ภาค 2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“จินา โอสถศิลป์” เผย ทุ่มเงินลงทุน หนังบุพเพฯ 2 ถึง 200 ล้าน ไม่กลัวอาถรรพ์เพราะไม่ใช่ภาค 2 ของละคร แถมเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่วงการภาพยนตร์ ให้ทุกคนได้ร่วมลงทุน มอบผลตอบแทนเป็นเงิน และสิทธิประโยชน์ต่างๆ หวังเป็นโปรเจกต์พันล้านทั่วประเทศ

สิ้นสุดการรอคอย สำหรับแฟนๆ ออเจ้า ละคร “บุพเพสันนิวาส”ที่ติดตาม “โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ”และ “เบลล่า ราณี แคมเปน”มาอย่างยาวนาน พร้อมตั้งตารอคอยภาพยนตร์ “บุพเพสันนิวาส 2” ภายใต้การสร้างโดย GDH ซึ่งวันนี้ได้ฤกษ์ฉายแล้ว ในวันที่ 28 ก.ค. ที่จะถึงนี้ โดย “จินา โอสถศิลป์”ได้เผยถึงทิศทางในครึ่งปีหลัง พร้อมแจงประวัติศาสตร์หน้าใหม่วงการภาพยนตร์ ด้วยการเปิดให้ทุกคนได้ร่วมลงทุนในภาพยนตร์ DESTINY TOKEN พร้อมมอบผลตอบแทนการลงทุนทั้งรูปแบบตัวเงินและสิทธิประโยชน์ต่างๆ
 
“ต้องบอกว่า DESTINY TOKEN ไม่ใช่บิตคอยน์ ไม่ใช่คริปโต จุดเริ่มต้นที่อยากทำ DESTINY TOKEN เพราะเรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่คนในประเทศไทย และทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศจีนรอคอย ตอนที่เป็นละครบุพเพสันนิวาสก็สร้างความประทับใจชื่นชอบ เราตั้งใจทำหนังบุพเพสันนิวาส 2 โปรดิวเซอร์ พี่เก้ง จิระ, พี่วรรณ วรรณฤดี ผู้กำกับ พี่ปิ๊ง อดิสรณ์ ก็รังสรรค์ภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมา เราเชื่อว่ามันจะเป็นหนังที่ทำให้คนประทับใจทั่วประเทศ

ทีนี้ก็มานั่งคิดกันว่า เราทำหนังในภาวะโควิด จะรอจนหนังใกล้ๆ ฉายแล้วโปรโมตมันก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ที่ท้าทาย ในโลกปัจจุบันทำคอนเทนต์ดีแล้วจะสำเร็จมันอาจจะไม่ใช่ มันมีโลกตลาดทุน โลกของไฟแนนซ์ และโลกของเทคโนโลยี เราจะผสมผสานสิ่งนี้ได้ไหม จะเปลี่ยนจากผู้ชมให้มาเป็นคนลงทุนหนังที่เขาชื่นชอบ เขาได้ผลประโยชน์กับสิ่งนั้น มันก็จะดีต่อธุรกิจหนังไทย เปิดโอกาสให้คนดูได้มาเป็นเจ้าของหนังแล้วมีกำไรจริงๆ คือดิจิทัลมาใหม่ในระบบการเงินก็เลยสร้างมันออกมาเป็น TOKEN

ซึ่ง TOKEN ลักษณะคล้ายๆ หุ้นกู้ แต่อันนี้มันพิเศษที่นอกจากว่าเราจ่ายดอกเบี้ยให้และคืนเงินต้นเมื่อครบโครงการในโปรเจกต์นี้ประมาณ 2 ปี เราให้สิทธิประโยชน์ซึ่งเป็นสิ่งที่จีดีเอชภาคภูมิใจมาก คือสิทธิประโยชน์เหล่านี้เงินมันซื้อไม่ได้ เช่น คนเหล่านี้ที่เป็นเจ้าของหนังสามารถได้ดูหนังก่อนคนดูจริง หนังเราฉายวันที่ 28 กรกฎาคม ทุกท่านที่เป็นเจ้าของหนังจะได้ดูหนังก่อน

เหรียญใหญ่สิทธิพิเศษมากๆ คนที่ลงทุนก็จะเป็นเอ็กซ์คูลซีฟโปรดิวเซอร์ ใครที่ซื้อเหรียญตัว H จะมีชื่ออยู่ในหนังที่เขาได้เป็นคนที่ร่วมลงทุนในการสร้าง และในวันรอบพิเศษจะได้ทานข้าวและได้ดูหนังกับนักแสดง และมีการทำของที่ระลึกพิเศษซึ่งทำมาเป็นลิมิเต็ดแค่ 69 ชิ้น ตาม 69 เหรียญ เป็นโถเซรามิกส์ที่ดีไซน์ขึ้นมาโดยดอยตุง นอกจากคนที่ถือ TOKEN จะได้รับเงินต้นคืนเมื่อจบโครงการไม่เกิน 2 ปี ดอกเบี้ย 2.99 แล้วเรามาช่วยกันนำพาให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังพันล้านทั่วประเทศ ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นอีก 2.01 แปลว่าเงินต้นไม่หายได้รับคืนเมื่อจบโครงการ ดอกเบี้ยแน่นอนแล้ว 2.99 เยอะกว่าออมทรัพย์หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จได้ดอกเบี้ยอีก 2.01 แล้วมีสิทธิประโยชน์ต่างๆ ดูหนังก่อนใคร ได้ของที่ระลึกที่สรรค์สร้างขึ้นมาให้ โดยเฉพาะเสื้อสำหรับคนที่ถือเหรียญ D ทอผ้าขึ้นมาจากดอยตุง ดึงมาจากลายดอกไม้ในหนัง ให้ผู้เชี่ยวชาญในการทอคุณยายคุณป้าที่ดอยตุงทอขึ้นมา 400 กว่าตัว เป็นสิ่งที่พวกเราชาวบุพเพสันนิวาส 2 ตั้งใจทำเพื่อ TOKEN มีเฉพาะคนที่ถือเหรียญเท่านั้น ส่วนเหรียญเล็กจิ๋ว จะมีเสื้อยืด กระเป๋าลายผ้าทอขึ้นมาให้เป็นสิทธิพิเศษ

โลกของความคิดสร้างสรรค์มาผนวกกับโลกตลาดทุน และรวมกับเทคโนโลยีใหม่ที่มันเกิดขึ้นเลยออกมาเป็น DESTINY TOKEN สนุกและยากแต่เราเชื่อว่าจะทำมันได้สำเร็จ มันคุ้มค่าเพราะว่าสิ่งสำคัญที่สุดมันไม่ใช่เรื่องเงิน สิ่งสำคัญที่สุดเราอยากให้ธุรกิจหนังไทยในอนาคตข้างหน้าต่อจากนี้ไปมันยั่งยืนได้ ผู้ชมกับผู้ลงทุนควรจะเป็นคนเดียวกันในอนาคต"

ตั้งเป้าเป็นโปรเจกต์พันล้านทั่วประเทศ ได้รายได้เข้าออฟฟิศ 500 ล้าน
“เราจะมี 3 เหรียญ เหรียญแรก G ชื่อ I am Glad เราขายที่ 5,559 ขายทั้งหมด 15,559 เหรียญ เหรียญที่สองเป็น I am Delighted ราคา 155,559 เราขายทั้งหมด 469 เหรียญ แล้วเหรียญใหญ่เลย 1,555,559 เราขายแค่ 69 เหรียญ รวมเป็นยอดเงิน 265 ล้าน

ความคาดหวังมากเลยค่ะ บุพเพสันนิวาส 2 เราอยากทำให้เป็นโปรเจ็กต์พันล้านทั่วประเทศ เพื่อตอบแทนให้ผู้ชมที่มาเป็นผู้ลงทุนให้ได้ดอกเบี้ยกลับไป ปีนี้เราอยากมีผลประกอบการที่เป็นรายได้เข้าออฟฟิศประมาณไม่ต่ำกว่า 500 ล้าน เพราะว่าพันล้านโรงหนังต้องเอาไปครึ่งหนึ่ง เราก็ได้กลับมาสัก 500 ล้าน”

ไม่กลัวอาถรรพ์ เพราะไม่ได้ทำบุพเพฯ ภาค 2
ต้องบอกว่าบุพเพสันนิวาส 2 ไม่ใช่ภาค 2 นะคะ บุพเพสันนิวาสคือละคร เราทำภาคขยายใหม่ทั้งเรื่อง เราไม่ได้เอาละครมารีเมกหรือมาทำต่อเป็นภาค 2 แบบละครเพราะฉะนั้นอาถรรพ์เนื่องจาก GDH เราไม่มีการทำภาค 2 ของหนังเราเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเชื่อว่าอันนี้คงไม่ใช่อาถรรพ์ เรากลับเชื่อว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นปรากฏการณ์ เราสร้างปรากฏการณ์ของพี่มากพระโขนง ก็เชื่อว่าเราจะทำปรากฏการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นใหม่ เป็นปรากฏการณ์ที่คนไทยทั้งประเทศออกมาดูหนังเรื่องนี้ด้วยความรักในสิ่งที่เขาเคยได้เห็นมาบ้าง หรือคนที่ไม่เคยดูละครเลยก็เชื่อว่าจะดูหนังเรื่องนี้ได้อย่างมีความสุขและสนุกมากเช่นเดียวกัน

ส่วนที่เป็นมิติใหม่ของหนังไทยที่ให้คนดูมาลงทุน โจทย์แรกของการทำหนังเรื่องนี้ เราไม่ได้ทำละคร เราไม่ได้เอาละครมาขยายใหญ่เป็นหนัง เราทำหนังไทยเป็นอาชีพมา 20 ปีแล้ว เรียนรู้มาเรื่อยๆ อยากให้หนังไทยไปต่อข้างหน้าได้ไม่ใช่จบอยู่ที่รุ่นของคนทำงาน การจะทำให้ไปต่อได้นั่นแปลว่าคนต้องได้รับโอกาสในการทำงาน คนที่มีประสบการณ์ต้องช่วยในการเคียงข้างและเดินไปด้วยกัน ปัจจัยเรื่องเงินทุนก็สำคัญในการทำงาน ถ้าโลกของเงินทุนมันหมุนเวียนได้ด้วยตัวเอง ถ้าเป็นบริษัทอื่นเขาคงเข้าตลาดหลักทรัพย์กัน แต่เราลองดูว่าการที่เราต้องเข้าตลาดทุนเราเป็นยังไง คนแบบเราสามารถทำสิ่งนี้ได้ไหม ทุกคนเอาใจช่วยไหม อยากให้ธุรกิจหนังไปกว่านี้ไหม เพราะการทำหนังมันเป็นการลงทุนที่สูง อย่างปีนี้บริษัทลงทุนไปเกือบ 200 ล้านในการทำหนัง 5 เรื่อง คนที่ลงทุนก็ต้องพยายามสร้างความมั่นใจในตัวเองว่าเราจะนำพาไปได้ ก็เลยเป็นการทดลองในมิติใหม่ที่กล้าทำเนื่องจากเราเชื่อว่าหนังเรื่องนี้ไปต่อได้และไปได้ด้วยดีด้วย 4 ปีแล้วเรื่องนี้ตั้งแต่เขียนบท มันทุ่มเททั้งชีวิต”

ทุ่มเงินลงทุนกว่า 200 ล้าน
“ภาพยนตร์บุพเพฯ เฉพาะโปรดักชั่นอย่างเดียวกับการทำโพสต์ก็เกือบ 100 ล้านแล้วค่ะ มันมีทำซีจีด้วยค่ะ เบ็ดเสร็จรวมมีโปรโมต ทำเมอร์เชียนไดรฟ์ไปตลาดต่างประเทศด้วยก็ต้องมี 200 กว่าล้านค่ะ

ถ้าเกิดเราเสียเงินซื้อหนังแล้วเราได้เป็นคนลงทุนแล้วมีผลตอบแทนกลับมาไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ย สิทธิพิเศษ เราชอบหนังเรื่องนี้เราก็ไปบอกคนอื่นมาดูด้วย จากผู้ชมเราก็ได้เป็นเจ้าของงาน งานที่เราชอบ ถ้าเป็นอย่างนี้ได้เรื่องต่อไปก็น่าจะเกิดขึ้นได้ ถ้าเราเปลี่ยนผู้ชมมาเป็นคนลงทุนเขาก็จะรักในงานของเขามากไปอีกเหมือนเราเป็นเจ้าของ เราก็อยากให้งานไปได้ด้วยดี ถ้างานเราดีก็พูดได้เต็มปากสามารถส่งต่อได้ เป็นความยั่งยืนของการทำหนังและธุรกิจหนังไทย เราตั้งใจทำหนังให้มันดีหมดแต่มันไม่มีสูตรสำเร็จ มันมีปัจจัยล้อมไปหมด มันใช้พละกำลังสูงมาก ในอดีตเราเคยคุยกันว่าถ้าเราไม่ชอบใครไปชวนเขามาลงทุนทำหนัง

ใช้เวลาคิดทำ TOKEN นานนะคะ ตั้งแต่กรกฎาคม ปี 64 โลกสมัยใหม่มันเดินเข้ามาในแง่ของการทำคอนเทนต์ การนำพาธุรกิจไปได้ในภาวะโควิด ถ้าโควิดห้ามเราถ่ายหนังเลย 3 ปี ห้ามเราฉายหนังเลย แล้วเราจะทำอาชีพอะไรยังไง ก็เลยมาคิดว่าจะทำยังไงให้มันเกิดความยั่งยืนได้ ถ้าในลักษณะที่ให้คนมาเป็นเจ้าของกับเราล่ะ เหมือนคุณไพบูลย์ ให้จินามาร่วมเป็นเจ้าของในบริษัทแล้วเราก็ทำ ไอเดียก็เลยเริ่มมาจากตรงนั้น เรามีเพื่อนที่อยู่ในแวดวงไฟแนนซ์เทคโนโลยีเขาก็พยายามมาแนะนำเรา ถ้าเราลองทำเป็นคล้ายๆ หุ้นกู้แต่ทำแบบที่มันมีสิทธิประโยชน์ด้วยซึ่งคือหัวใจสำคัญ แล้วถ้าคนเอาเงินมาลงทุนกับเราเขาก็คงอยากได้เงินต้นคืนเมื่อครบโครงการ ถ้ามีดอกเบี้ยมากกว่าออมทรัพย์พร้อมสิทธิประโยชน์กลับไปด้วย

ถามว่าบริษัทได้อะไร บริษัทได้ความสุขใจในสิ่งที่เราทำ เพราะมันต่อยอดทำให้ธุรกิจนี้ไปข้างหน้าได้ ถ้ามีคนช่วย คนเชื่อมั่นและลงทุนกับเรา แปลว่าหนังไทยต่อจากนี้ไปเรื่องอื่นๆ มันก็จะเดินได้ ใช้เวลาคุยประมาณ 4-5 เดือนกว่าที่เราจะกล้าตัดสินใจลงทุนทำสิ่งนี้ไหม โชคดีที่คุณไพบูลย์ และจีเอ็มเอ็มเขาชอบและอยากให้จีดีเอชได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ มันท้าทายมาก ตัดสินใจทำมันเกิดสิ่งใหม่ได้มันก็จะดีสำหรับวงการภาพยนตร์ไทย ธุรกิจยั่งยืนได้ด้วย วัตถุประสงค์อยากให้ผู้ชมเป็นเจ้าของหนัง แล้วเขาจะยิ่งรักงานของเขา สิ่งที่จีดีเอชทำมาตลอดในช่วงเวลาเกือบ 20 ปี เราตั้งใจทุ่มเทอยากให้หนังไทยไปข้างหน้าได้ ไปยืนอยู่ในเวทีโลกให้ได้”









กำลังโหลดความคิดเห็น