“จินา โอสถศิลป์” เผยบริษัท “นาดาว” ยังอยู่ “ย้ง ทรงยศ” ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่แค่ย้งหมดแพชชั่น เริ่มตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา พร้อมยันที่ผ่านมา นาดาวผลกำไรดี จากนี้ให้รอดูแพชชั่นใหม่ๆ จากย้ง มั่นใจจะกลับมาสร้างสิ่งใหม่ๆ เหมือนตอนเริ่มทำซีรีส์ฮอร์โมน หรือ เลือดข้นคนจางที่ฉายทางทีวี
กรณีที่ “ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์” กรรมการผู้จัดการ “บริษัท นาดาว บางกอก จำกัด” ได้ออกมาประกาศยุติบทบาทการเป็นบริษัทพัฒนาและดูแลดูศิลปิน รวมถึงการผลิตซีรีส์ ละคร และงานเพลง ตั้งแต่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป พร้อมขอบคุณ 12 ปีที่ผ่านมา
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เจอตัว “จินา โอสถศิลป์” หุ้นส่วนบริษัท นาดาว จึงได้ถามไถ่ถึงเรื่องนี้ ซึ่งจินาเผยว่าบริษัทนาดาวยังอยู่ แต่ย้ง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แค่ยุติบทบาทในการดูแลศิลปิน เหตุหมดแพชชั่นไปตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมา เลยไม่อยากฝืน แต่เชื่อว่าจะกลับมาในเร็ววันนี้
“คือต้องบอกก่อนว่า 12 ปีที่แล้วทางเราเป็นคนที่ขอให้ย้งเปิดนาดาว คือ ณ ตอนนั้นเรามีนักแสดงอยู่ 3-4 ท่าน ต้องบอกนิดนึงว่าจีดีเอช เป็นบริษัททำหนังไทย ทำคอนเทนต์ เรามีหน้าที่ทำคอนเทนต์ตอนนั้นเรามีนักแสดง ซันนี่ (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) เต๋อ (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) เปอร์ (สุวิกรม อัมระนันทน์) ไมเคิล (ศิรชัช เจียรถาวร) ตัวย้งอยากทำงานโปรดักชั่น
เราเห็นย้งกับบอมบ์ (จงจิตต์ อินทุ่ง) ดูแลนักแสดงเราอยากจะทำพัฒนาศิลปินแต่เราทำไม่เป็น ย้งเปิดบริษัทแล้วก็ช่วยทำให้เราหน่อยได้ไหมกับสิ่งที่ย้งอยากทำอะไรก็ได้ที่ย้งเป็นแพชชั่น อันนั้นคือ 12 ปีที่แล้ว ย้งก็ได้ทำมันออกมา จากที่ทำก็มีนักแสดงอยู่ 3-4 ท่าน เสร็จแล้วย้งก็ได้โอกาสในการทำฮอร์โมนก็ได้เกิดการสร้างนักแสดง มาสร้างศิลปินของตัวเอง ย้งก็สนุกมีแพชชั่นมากที่ได้ทำสิ่งใหม่ๆ ย้งก็มาบอกว่าอยากทำสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำซึ่งมันก็คล้ายปัจจุบัน ลองผิดลองถูก
นาดาวใน 2-3 ปีแรกเคยเหลือเงินอยู่ 28,000 บาทก็เคยมาแล้ว ถ้ากลับไปอ่านในประวัติของเขา แต่กับแพชชั่นที่ย้งเขามี เขาต้องทำให้ได้ในการที่จะพัฒนาศิลปินได้ แปลว่าเราต้องมีงาน ต้องคิดงาน ทำคอนเมนต์ ต่างๆ
จนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาย้งเขารู้สึกว่ากำลังจะหมดแพชชั่น เรามีนักแสดงของเราที่เพิ่มมากขึ้นแล้วน้องๆ ทุกคนมีศักยภาพและโอกาสแต่ขณะที่คนที่กำลังทำมันอ่อนแรง แพชชั่นเขาไม่ได้อยู่ที่เดิมๆ เขาไม่ได้อยากทำซีรีส์ เขาไม่อยากทำอะไรที่เหมือนซ้ำเดิม เขาอยากทำสิ่งใหม่ ก็มีการมาคุยกัน บวกกับนักแสดงของเราและศิลปินของเราก็มีโอกาสแล้วก็มีทางเลือกทางเดินของตัวเอง จริงๆ ปัจจุบันนี้มันไม่เหมือนสมัยก่อน โลกที่มันเปลี่ยนไปเราว่าทุกคนดูแลตัวเองได้ การติดต่องานมันง่ายขึ้นมาก
ก็มีการพูดคุยกันเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็บอกย้งว่าท้ายสุดในฐานะเราเป็นคนทำงาน อะไรที่คนทำงานมีแพชชั่นและไม่มีแพชชั่นเราจะเคารพในสิ่งนั้น จนย้งบอกว่าผมได้เริ่มคุยกับนักแสดงภายใน 2 ปีที่ผ่านมา เดี๋ยวเราจะค่อยๆ หาวิถีทางแล้วก็ยุติ
การยุติไม่ได้แปลว่าปิดนาดาวนะคะ นาดาวไม่ได้ปิด นาดาวเป็นบริษัทที่ย้งถือหุ้นใหญ่ เราไปถือหุ้นกับย้งช่วยดูแลศิลปิน ย้งก็ทำงานให้เรามีชื่อเสียง ผลประกอบการที่กลับมามาก ปีที่ผ่านมาเราได้กำไรส่วนหนึ่งก็มาจากการปันผลของนาดาว นาดาวปีที่ผ่านมาผลกำไรเขาดีมาก แต่แพชชั่นหมด แพชชั่นย้งหมด แปลว่าย้งไม่อยากทำพาร์ตตรงนี้ แต่เขามีสิ่งที่อยากทำในอนาคตก็เลยบอกว่าถ้าเราไม่อยากทำอะไรถึงฝืนทำกันไปได้เงินมามันก็จะไม่มีผลดี ย้งก็เลยบอกว่างั้นนักแสดงทุกคนต้องมีการคุยกัน”
ยันไร้ปัญหาเบาะแว้ง
“ไม่มีทะเลาะเบาะแว้ง เรายังไปเอาต์ติ้งกันที่เสม็ดอยู่เลย แล้วก็นักแสดงทุกท่านกลับไปดูแลตัวเองแต่ถ้าอยากมีงานหรืออะไร อันนี้เป็นสิ่งที่ย้งทำไปข้างหน้าเรายังร่วมงานกันได้เสมอ จีดีเอช น้องๆ เหล่านี้ก็เหมือนพี่น้องเรา มีอะไรเราก็จะคิดถึงก่อน เพราะฉะนั้นนาดาวยุติบทบาทไม่ได้แปลว่าปิดบริษัท บริษัทเขายังมีอยู่ก็รอดูว่าแพชชั่นใหม่ของย้ง เรารู้จักเขาดีแกคงไม่หยุดนิ่ง เดี๋ยวแกคงจะได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่เหมือนที่แกเริ่มทำฮอร์โมน วันนั้นไม่มีใครคิดว่าเขาจะทำฮอร์โมนขึ้นมาได้หรือเลือดข้นคนจางละครฉายในทีวี”
บริษัท นาดาว ยังอยู่ ย้งยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แค่ยุติบทบาทในการดูแลศิลปิน
“บริษัท นาดาว บางกอก ยังอยู่เหมือนเดิม ย้งก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แต่ยุติบทบาทส่วนของการดูแลศิลปิน พัฒนาศิลปิน เพราะการมีศิลปินแปลว่าเราต้องสร้างคอนเทนต์ ตอนนี้ย้งหยุดสิ่งนี้ ถ้าหยุดปุ๊บนักแสดงจะทำอะไร เพราะฉะนั้นเราต้องปล่อยให้นักแสดงมีทางเดินของตัวเอง ก็เป็นการแยกย้าย
ถ้าพูดเรื่องของธุรกิจ เรื่องของผลประกอบการก็คงอาจจะเสียดายศิลปิน แต่คนทำงานมันใช้แพชชั่นมาก การที่ย้งหรือและน้องๆ นาดาว อย่างล่าสุดเรื่องแปลรักฉันด้วยใจเธอ พีพี - บิวกิ้น กว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นมาได้ มันใช้พละกำลังสูงก็ถ้าตัวยังเองถ้าไม่มีแพชชั่นในการขับเคลื่อน อย่างคนทำหนังเหมือนกัน พี่น้องทุกคนก็ต้องมีแพชชั่น เราต้องเชื่อในสิ่งที่อยากทำ ทำสิ่งนี้ไปข้างหน้า ถ้าในเชิงธุรกิจก็อาจจะเสียดาย แต่นาดาวให้พวกเรามามาก ให้พวกเราทั้งชื่อเสียง เงินทอง ทั้งสิ่งดีๆ ที่สร้างไว้
เราเชื่อว่าเดี๋ยวย้งต้องทำสิ่งใหม่ไปข้างหน้า เพราะฉะนั้นนาดาวยังอยู่ ย้งก็มีบริษัทนาดาวอยู่แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปข้างหน้า กำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจอยู่ เชื่อว่าเขาไม่ได้หยุด เขาแค่พัก หาแพชชั่นใหม่ๆ เดี๋ยวคงกลับมาในไม่ช้านี้ แล้วยังก็อาจจะดูว่าใครเหมาะสมที่จะมาถือหุ้นในการทำสิ่งใหม่ๆ ของเขา
ส่วนแผนดูแลศิลปิน ตอนเราเปิดจีดีเอชใหม่ๆ เรายังต้องเอานักแสดงไปให้ย้งช่วยดูเลย เพราะจริงๆ พวกเราเป็นคนทำคอนเทนต์ การดูแลในส่วนของนักแสดงมันต้องมีหัวอีกด้านในการจะดูว่าจะพัฒนาเขายังไง พัฒนาไม่ใช่แค่ว่าส่งไปเรียน คุณต้องทำงานให้เขาด้วย สิ่งหนึ่งที่นาดาวประสบความสำเร็จมากๆคือเขา มี ความคิดสร้างสรรค์ในการทำตัวคอนเทนต์ต่างๆ ที่จะรองรับให้นักแสดงเขาไปข้างหน้าได้เป็นที่รู้จักและเดินไปข้างหน้าได้ ซึ่งถ้าถามว่าในเวลาวันนี้จีดีเอชอาจจะยังไม่พร้อมที่จะเอานักแสดงทั้งหมดกลับมา มัน 40 กว่าชีวิต เราทำหนัง เราทำซีรีส์ก็ถือว่าเต็มพละกำลังแล้ว และอีกอย่างหนึ่งคือน้องๆ นักแสดงจริงๆ เขามีผู้ดูแลหรือเรียกว่าผู้จัดการได้ดีอยู่แล้ว แล้วก็คอนเทนต์ใหม่ๆ ก็หลากหลายมาก น้องๆ อาจได้ฝึกปรือประสบการณ์กันดู”
ยันบริษัทนาดาวยังคงอยู่แต่ยุติเรื่องคอนเทนต์และเรื่องการดูแลศิลปิน
“ใช่ค่ะ แล้วก็พอดีเป็นพาร์ตที่จีดีเอชเข้าไปหุ้นในส่วนของบริหารศิลปิน เราก็เลยได้มีการซื้อหุ้นคืนแล้วก็หุ้นอันใหม่ก็แล้วแต่ย้งเขาจะไปทำอะไรต่อแต่ว่าไม่ได้ปิดบริษัท ถ้าปิดมันจะเหมือนจีทีเอชมันไม่มีบริษัทแห่งนี้อยู่แล้วแต่นาดาวเขายังมีอยู่ค่ะ ย้งเขาเป็นเจ้าของและผู้ถือหุ้นใหญ่นาดาวอยู่แล้ว ส่วนตัวเราเป็นพี่น้องที่รักกันเหมือนเดิม เรารับรู้กันมาตลอด ปรึกษาหารือกันมาตลอด รวมถึงทางแกรมมี่ด้วย แต่เราไม่รู้ว่าข้างหน้าแพชชั่นของย้งอาจจะกลับมาใหม่หมดเลยก็ได้
เรารู้สึกดีใจแล้วก็ขอบคุณย้งที่เขาได้บอกสิ่งที่เขารู้สึกคือคนเราถ้าทำงานต้องการแค่เงิน เราเชื่อว่าข้างหน้าคอนเทนต์เราไม่ไปไหน ซึ่งอันนี้ก็ขอบคุณย้นที่เขาบอกล่วงหน้าตอนแรก เราก็พยายามจะแบบ…ย้งไหวไหม ไปต่อ มัน 2 ปีแล้วเราก็เห็นความหมดพลังของเขา คือมีการคุยกันมา 2 ปีแล้วค่ะ ว่ามีสิ่งนี้เกิดขึ้น น้องๆ นักแสดงก็ได้รับรู้มาแต่เพียงแค่มันเอฟเฟคทีฟคือเดือนนี้”
จีดีเอชถือหุ้นนาดาว 30 เปอร์เซ็นต์
“30% ค่ะ ส่วนงานใหม่จะใช้ชื่อนาดาวบางกอกหรือไม่ อยู่ที่ย้ง ตอนนี้เราบอกย้งว่าตอนนี้บริษัทนาดาว บางกอก เป็นของย้ง พี่เก้ง จิระ เป็นคนตั้งให้วันหนึ่งไม่เปลี่ยนชื่อหรือไม่เปลี่ยนอันนี้อยู่ที่ตัวย้งเองเพราะจริงๆ นาดาวตอนที่ตั้งเข้ามาก็คือกลุ่มเล็กๆ ที่มีพี่บอม มีจีดีเอช มีพี่ย้ง คุณแท๊ด คุณดิว คนแปลความหมายว่านาดาวบางกอกเท่ากับศิลปินแต่จริงๆ นาดาวบางกอกเขามีส่วนของโปรดักชั่น มีเพลง มีการงานในส่วนอื่นๆ อีก อันนี้ก็แล้วแต่พี่ย้ง”
ไม่มีโปรเจกต์ที่ค้างอยู่แล้ว
“ไม่มีค่ะ คือหลังจากที่พอรู้ โปรเจกต์ก็ค่อยๆ ถูกจัดการจนตอนนี้ไม่มีแล้ว แต่เราอาจจะเห็นวันหนึ่งย้งทำหนังก็ได้นะคะ ย้งเป็นคนทำงานที่บ้าพลังเพียงแต่ว่าถ้าย้งมีแพชชั่นเชื่อว่าย้งจะทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นออกมาได้ดี ตอนนี้รอย้งแล้วก็ผู้ที่จะร่วมเดินทางไปกับย้ง ซึ่งอันนี้ย้งก็น่าจะกำลังดูๆ อยู่”