เปิดชีวิต "อิงฟ้า วราหะ” มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 ชีวิตต้องสู้ผ่านมาหลายรูปแบบกว่าจะคว้ามง รับศัลยกรรม ทำหน้า ทำนม ก่อนเข้าประกวด เตรียมใจยอมรับทุกดรามา แถมสู้กลับชาวเน็ตหลังโดนเหยียดว่าไปแข่งระดับโลกยังไงก็แพ้ อยู่บนเวทีโลกเจอกับต่างชาติเดี๋ยวก็จม ลั่นอย่าเหยียดชาติพันธุ์เดียวกัน
กระแสดีมากเลยทีเดียวสำหรับ “อิงฟ้า วราหะ” มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 ที่ตอนนี้ใครๆ ก็อยากรู้จักเธอ ซึ่งก่อนที่จะได้รับตำแหน่ง เรื่องราวชีวิตของอิงฟ้า ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะเธอสู้ชีวิตมากกว่าจะมีวันนี้ได้ โดยเธอมีความฝันอยากจะเป็นศิลปิน เดินสายประกวดมาแทบทุกเวทีจนได้มาเป็นศิลปินมีสังกัด แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จจนต้องมาเป็น พนักงานขายกาแฟ และเป็นที่รู้จักจากการประกวด The voice ปี 2018
แต่สถานการณ์โควิดทำพิษ ทำให้เธอกลับมาเงียบอีกครั้ง เธอจึงผันตัวเป็นหมอทำขวัญนาค และโด่งดังกลายเป็นดาวติ๊กต๊อก ล่าสุดอิงฟ้าได้มารายการแฉ พร้อมเล่าชีวิตของเธอกว่าจะมาคว้ามงมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 ว่า...
“ทำหน้าค่ะ(หัวเราะ) หน้าอกด้วย ก็มีบ้างกับการเปลี่ยนแปลง ทำศัลยกรรมตามวัยเรา (ค่าจ้างงานแพงมาก 5 แสนบาทต่อชั่วโมงแล้วตอนนี้?) ไม่ถึง อาจจะมีติดต่อเข้ามาที่เข้าเต็มใจจะให้ราคานี้ แล้วแต่งานค่ะ ประกวดมิสแกรนด์ฯ ปีนี้กระแสดีมาก ปีนี้สนุกค่ะ ด้วยความที่ปีนี้เป็นครบรอบ 10 ปีเวทีมิสแกรนด์ด้วย แล้วมันเหมือนอั้นจากโควิด เป็น 2 ปีมารวมกัน พอมงลงสิ่งที่ตามมาก็คือดรามา ก็รู้อยู่แล้ว เราเห็นว่ามันมีดรามาทุกปี แต่อาจจะเยอะน้อยต่างกันไป ของเราก็ไม่แพ้รุ่นพี่”
สู้กลับชาวเน็ตหลังโดนเหยียดว่าไปแข่งระดับโลกยังไงก็แพ้ อยู่บนเวทีโลกเจอกับต่างชาติเดี๋ยวก็จม
“ก็ไปตอบเขากลับว่าไม่ได้แข่งในน้ำ เราจะจมได้ยังไง ก็แซวเล่น ไม่อยากให้แฟนนางงามเครียด สรุปเครียดกว่าเดิม(หัวเราะ) ด่าหนักกว่าเดิม เขาก็ตอบกลับมาว่าเดี๋ยวจะรอดูว่าจะจมหรือไม่จม ซึ่งก็อยากจะบอกว่าจะจมหรือไม่จมอย่าเอาชาติพันธุ์ ความเป็นเอเชียของเราที่ตัวเล็ก อย่าเอาชาติพันธุ์ของตัวเองมาเหยียดกันเองเลย รอดูหน้างานดีกว่าว่ามันจะเป็นยังไง ความสวยไม่ว่าจะชาติไหน มันสวยหมด แล้วแต่มุมมอง”
เล่ายอมเซ็นสัญญากับค่ายเดิมถึง 10 ปี เพราะอยากสานฝันโค้งสุดท้ายให้กับคุณพ่อที่ป่วยเป็นมะเร็ง
“ตัวเราเองไม่ได้คุยกับค่ายเก่าเลย จะให้ทางกฎหมายจัดการให้ เราเซ็นสัญญากับเขาตั้งแต่อายุ 17-18 ปี ตอนนี้เราก็ 27 ปีแล้ว สัญญาระบุไว้ทั้งหมด 10 ปี ตอนนั้นเราเซ็นด้วยความที่เรายังเด็ก พ่อเราป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เวลาที่เหลืออยู่มันมีไม่กี่วันที่เราจะสานฝันเขา แม่เราก็แย่ หลังจากเราเซ็นสัญญาปุ๊บวันนั้นคุณพ่อก็เสียเลย ใจตอนนั้นเราคิดอย่างเดียวแค่ว่าอยากจะสานฝันให้พ่อ หมอบอกมาแล้วว่ายาเอาไม่อยู่แล้วนะ อยู่ที่กำลังใจล้วนๆ เลย ซึ่งความฝันของเขาก็คืออยากเห็นเราเป็นศิลปิน เป็นนักร้อง ที่ผ่านมาเราประกวดมาเยอะมาก แต่ไม่เคยชนะเลย ความฝันโค้งสุดท้ายของเขาก็คืออยากเห็นเราเซ็นสัญญาเป็นศิลปิน
มันเป็นจังหวะประจวบเหมาะพอดี เขาติดต่อมาว่าอยู่กับเขามีบ้านให้อยู่ พาพ่อแม่มาอยู่ด้วยกันได้ เราเลยโอเค ก็บอกพ่อว่าต้องรีบหายนะ จะได้ไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ เราทำเพื่อเขาจะได้มีกำลังใจ ตอนนั้นก็โทร.บอกเขาว่าเราได้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องแล้วนะ แต่พอกลับไปถึงเขาก็เสียเลย รู้ตอนเช้า เสียตอนบ่าย”
ช่วงเซ็นสัญญาเป็นศิลปินไม่มีงานเลย มีซิงเกิ้ลก็เงียบ เลยตัดสินใจออกมาเป็นเซลล์ขายกาแฟ
“งานในเรื่องของการร้องเพลงเป็นศิลปินไม่มีเลยค่ะ แต่ก็ได้ออกซิงเกิ้ลอยู่เพลงนึงนะคะ แต่ก็เงียบ ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ในค่ายเขาก็เลี้ยงดูเราในเรื่องของเบี้ยเลี้ยง แต่มันเพียงพอสำหรับเราคนเดียว เรายังมีภาระอยู่ข้างหลังที่จะต้องดูแลครอบครัว
ตอนนั้นก็เลยตัดสินใจมาทำงานออฟฟิศด้วย เป็นพนักงานขายกาแฟแถงสาธร ได้เงินเดือน 17,000 บาท ตอนนั้นลำบากมาก ต้องเอากาแฟเจไปขายตามโรงเจ ตั้งบูธขายตามที่ต่างๆ ด้วยความที่เราเป็นลูกแม่ค้ามาตั้งแต่เด็ก เราจะมีเทคนิคการขายของเรา ก็ขายได้จนเจ้าของบริษัทเอ็นดูเรามาก”
ครอบครัวพาไปดูลิเก ดูทำขวัญนาคมาตั้งแต่เด็กมาโดยตลอดจนรู้สึกว่างานนี้เป็นอาชีพในฝัน
“ครอบครัวจะชอบพาไปดูลิเก ดูหมอทำขวัญนาคมาตั้งแต่เด็กๆ เลย เราชอบดู มันก็ซึมซับจนเรารู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่เราอยากจะเป็น ครอบครัวก็สนับสนุนเต็มที่ในการผลักดันให้เราเป็นศิลปิน ไปประกวดมาเยอะมาก 90 เปอร์เซ็นต์คือไม่ได้รางวัล ไม่ชนะ แต่ก็ไม่เคยหยุดนะคะ เพราะเราชอบที่จะได้ยืนอยู่บนเวที ครอบครัวเราก็ชอบที่จะเห็นเราได้ไปยืนอยู่ตรงนั้น”
พอคุณพ่อเสียก็ขาดความมั่นใจ หยุดร้องเพลงไปเลย
“ตอนนั้นก็หยุดไปเลย แล้ววันนึงแม่ก็ทักขึ้นมาว่าจะหยุดแล้ว จะพอแล้วใช่ไหม ตอนนั้นเราขายกาแฟอยู่ เราก็เลยฉุกคิดขึ้นมาว่ามันก็ยังไม่สุด เราอยากเป็นนักร้อง มันเหลือแค่โอกาสเฉยๆ ประจวบเหมาะตอนนั้นมีประกวด The voice เปิดออดิชั่น ก็เลยส่งคลิปไป ตอนนั้นก็เรียกว่าเปลี่ยนชีวิตเลย เราเป็นที่รู้จักมากขึ้น มีงานเข้ามาเยอะมาก เลยเลิกขายกาแฟเพราะเกรงใจเจ้าของบริษัท จริงๆ แกใจดีให้เราทำต่อได้นะ แต่เราอยากออกมาเดินตามความฝันอีกครั้ง และอยากจะทำให้เต็มที่”
โด่งดังจากการประกวด The voice แต่ก็มาเจอกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้กลับมาเงียบอีก เลยกลับไปรับงานแหล่ขวัญนาค
“ตอนเรียนม.ปลาย เคยประกวดร้อยแก้วร้อยกรองอยู่แล้ว เลยมีทักษะในการขับเสภา ก็มีอาจารย์ชักชวนให้ไปฝึกร้องแหล่ขวัญนาค ไปฝึกอยู่อาทิตย์นึงก็ลงงานเลย ฟีดแบ็กดี คนชอบ เราก็ชอบด้วย มันเป็นอีกหนึ่งความฝันของเรา เป็นสายอาชีพที่เราชอบ เพราะได้บุญ ในงานจะมีกิจกรรม มีพิธีที่ทำให้เรายิ้มได้ตลอด ทำแล้วเราก็มีความสุข ก็ทำมาเรื่อยๆ เป็นอีกหนึ่งอาชีพของเรา จนประกวดเดอะวอยซ์ ตอนนั้นลุคเราผมสั้น เลยกลายเป็นหมอทำขวัญนาคที่ผมสั้น คนก็เลยให้ความสนใจเรามากขึ้น ทำให้มีงานมากขึ้น”
ยอมรับเป็น LGBT แต่อนาคตก็ยังสามารถกลับมามีแฟนเป็นผู้ชายได้ ส่วนคู่จิ้นนางงาม “ชาล็อต มิสแกรนด์ฯ” ไม่มีอะไร
“เคยมีแฟน แต่ตอนนี้โสดค่ะ ชาล็อตเป็นน้องที่ประกวดมิสแกรนด์มาด้วยกัน คนก็จับจิ้นกัน เราก็เป็น LGBT ที่ผ่านมาก็เคยคบผู้ชายนะ ซึ่งการที่เราเป็น LGBT ก็ไม่ได้หมายความว่าอนาคตเราไม่มีแฟนเป็นผู้ชายแล้ว ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง แต่ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากนี้เราจะเลือกคบเพศไหน เพราะตอนนี้งานเยอะมาก ขอทำงานก่อน ผู้ชายที่คบเลิกกันไป 2 ปีแล้ว หลังจากนั้นก็มีแฟนเป็นทอม แล้วก็เลิกกันไป 5-6 เดือนได้แล้ว”
