“แอร์ The Mousses” สุดทน เข้าไปลงบันทึกประจำวัน โดนแฟนคลับอ้างชื่อขอแต่งงาน ออกมาโพสต์ให้หยุด แต่โดนแจ้งความกลับ หาว่าทำให้เสียหาย ปรึกษาทนายดำเนินคดีต่อ บอกรู้จักเพราะเจอตามงานบ่อย ดูปกติไม่ได้ป่วย ลั่นออกมาขอโทษก็จบ ทำอะไรรู้หมด ส่งหลักฐานให้ตำรวจแล้ว
แม้จะโดนนำชื่อไปใช้เป็นแฟนทิพย์อยู่บ่อยๆ แต่นักร้องหนุ่ม “แอร์ The Mousses”หรือ “แอร์ พงศกร ลิ่มสกุล” กลับไม่เคยคิดจะเอาเรื่อง และปล่อยเบลอมาตลอด เพราะคิดว่าทำไปเพราะความชื่นชอบ เลยเข้าใจได้ แต่ล่าสุดเรื่องมันกลับเลยไปไกล ถึงขนาดนำชื่อไปแอบอ้าง ว่าถูกตนของแต่งงานเสียอย่างนั้น ซึ่งงานนี้ก็ทำเอาคนเข้าใจผิดเยอะ คิดว่าเป็นเรื่องจริง หนุ่มแอร์ก็เลยขอออกมาปกป้องตัวเอง ด้วยการโพสต์เตือนให้หยุด และเข้าไปลงบันทึกประจำวัน หลังอีกฝ่ายไม่ยอมหยุด แถมไปแจ้งความกลับ ที่ทำให้เสียหาย
“เรื่องประมาณว่ามีน้องแฟนคลับคนหนึ่ง ผมจะเจอตามงานปกติอยู่แล้ว ซึ่งมารู้ตอนหลัง พอดีมีเพื่อนของเพื่อนส่งแมสเสจมาถามผมว่า ผมแต่งงานเหรอ ก็เลยแอบตกใจนิดหนึ่งเพราะเราไม่ได้แต่งงาน เขาก็เลยส่งหลักฐานทั้งหมดมาให้ผมดู ผมก็เลยอยากออกมาเตือนนิดหนึ่ง เพราะว่าเอาชื่อเสียงเราไปแอบอ้างทำให้คนเข้าใจผิดค่อนข้างเยอะ ก็มีคนเชื่อเขาเยอะเหมือนกัน
และมีเรื่องก่อนหน้านั้นที่เขาใช้ชื่อผมไปแอบอ้างเยอะอยู่พอสมควร ผมก็ปล่อยๆ มาหลายปีแล้วนะ แต่ว่าครั้งนี้ผมต้องออกมาปกป้องตัวเองบ้าง เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ก็มีเยอะมากประมาณว่า ผมซื้อของให้เขาเยอะแยะ ซื้อหมาให้ ซื้อของที่มีมูลค่าแพงๆ ให้ และมีเรื่องไม่ค่อยดีครับ ไม่อยากพูดถึงแล้วกัน มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ”
แจงรูปที่ฝ่ายหญิงลง เหมือนถ่ายตนตอนกำลังนอนหลับ เป็นรูปที่เคยลงด้วยตัวเองไปแล้ว
“อันนั้นเป็นรูปที่ผมเคยลงไปอยู่แล้ว แต่ว่าเป็นเพื่อนผมถ่าย ผมก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นรูปที่เขาถ่ายหรอก เพราะรู้อยู่แล้ว ว่ารูปนั้นผมเคยลงไปแล้ว ผมก็รู้จักเขา เวลามาดูคอนเสิร์ตก็จะเป็นปกติมากๆ ครับ ไม่ได้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติเลย เขาก็ไปตามเราบ่อยครับ”
พอโพสต์ไปกลายเป็นโดนแจ้งความกลับ หาว่าทำให้เสียหาย เลยปรึกษาทนายแล้วไปลงบันทึกประจำวันบ้าง
“พอดีวันนั้นพอผมโพสต์ลงไป แต่ผมก็ตัดชื่อเขาออก ทางน้องคนนี้เขาก็ไปลงบันทึกประจำวัน ว่าผมไปทำชื่อเขาเสียหาย กลายเป็นไปแจ้งความผมกลับ แต่เรายังไม่ได้พูดเลยว่าใคร ผมก็รู้สึกว่ามันไม่จบง่ายๆ แล้ว ผมก็เลยปรึกษาทางทนายที่แกรมมี่ ตอนนี้ผมก็ไปลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน เดี๋ยวต้องมานั่งดูหลักฐาน เพราะหลักฐานที่ผมได้มาค่อนข้างมาเยอะมาก”
ปกติปล่อยเบลอตลอด แต่อันนี้มันเกินขอบเขต
“ไม่ ปกติผมปล่อยเบลอตลอด ผมจะเจอลักษณะประมาณนี้ คือมันมีคนอื่นด้วย ที่เป็นประมาณนี้แล้วกัน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะว่าเขาทำเพราะเขาชอบเรา ก็เข้าใจได้ แต่ผมแค่รู้สึกว่าบางทีการชอบคนเรา มันอาจจะต้องมีขอบเขตนิดหนึ่งสมมติว่าผมไปชอบดาราคนหนึ่ง แล้วผมไปแอบอ้างเขาแบบนี้ มันก็ไม่ดีใช่ไหมครับ”
หมดความอดทน เพราะมีคนเข้าใจผิดเยอะ
“คือคนที่เขาเห็นในข้อความ ที่เขาทำมาตลอดเยอะมากๆ เพื่อนในเฟซเขาก็เยอะอยู่แล้ว คนก็เข้าใจผิด แล้วผมมารู้ตอนหลัง ว่ามีคนเข้าใจผมผิดเยอะมาก ทำให้คนหลายคนตัดสิน มองผมไปอีกแบบหนึ่ง”
ไม่กระทบกับแฟน เพราะโสด
“ไม่มีครับ โสดครับ”
จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไหม ต้องปรึกษาทนายกับบริษัทก่อน
“เดี๋ยวรอดูครับ เพราะผมต้องปรึกษาทนายอีกที จริงๆ ผมไม่ได้เป็นคนชอบไปเรียกร้องอะไร ผมชอบอยู่ชิลๆ ของผมอยู่แล้ว แต่ก็ต้องปรึกษาหลายๆ ด้าน ดูบริษัทด้วย”
ตอนนี้อีกฝ่ายก็ยังไม่หยุด แถมไปขู่คนให้ข้อมูลว่าจะแจ้งความกลับ ถ้าออกมาขอโทษเรื่องก็จบแล้ว
“ไม่หยุดครับ เขาไปในรูปแบบที่ว่า จะไปขู่แจ้งความกลับ กับทางคนที่เอาข้อมูลมาให้เราแทน จะไปฟ้องทางโน้นแทน ทำไมทำขนาดนี้ จริงๆ ผมแค่รู้สึกว่าถ้าเขาออกมาขอโทษ ในสิ่งที่เขาทำมันไม่จริง เรื่องนี้ผมก็จบแล้ว ผมง่ายมากเลย แต่มันกลายเป็นไม่จบไงครับตอนนี้ ผมก็เลยต้องปรึกษา เพราะการไปฟ้องแฟนคลับมันก็ไม่ดี ไม่ได้อยากทำ ผมไม่ได้คุยกับเขา ผมมีทางพี่ผู้จัดการดูให้ครับ”
ที่รู้มาคืออีกฝ่ายไม่ได้ป่วย ฝากบอกรู้หมดทำอะไรไว้บ้าง ส่งหลักฐานให้ตำรวจหมดแล้ว
“เขาบอกเขาไม่ป่วยครับ ที่มีคนถามให้นะครับ อยากจะบอกว่า ผมรู้หมดแหละครับว่าทำอะไรไว้บ้าง เพราะหลักฐานผมได้ส่งให้ทางตำรวจหมดแล้ว รวบรวมไว้เยอะมากจริงๆ ก็ไม่อยากให้ทำแบบนี้มันทำให้คนเข้าใจผิดกันเยอะ”
เผยตามมาดูคอนเสิร์ตได้ 2-3 ปีแล้ว แต่ไม่เคยถึงเนื้อถึงตัว มาแบบน่ารักปกติมาก
“คือน้องคนนี้มาดูคอนเสิร์ตผม น่าจะประมาณ 2-3 ปีได้แล้วครับ (เขามาถึงเนื้อถึงตัวเราไหม?) ไม่เลย ตอนที่มาก็ปกติมาก ไม่มีอะไรเลย น่ารักมากๆ ปกติมาก”
บอกทำแบบนี้มันไม่ดี ไม่มีใครชอบอยู่แล้ว
“มันไม่ดีหรอกครับ ใครที่ไปใส่ความให้เราเป็นอย่างอื่น ใครๆ ก็ไม่ชอบอยู่แล้วครับ”