“จ๋า ณัฐฐาวีรนุช” ยอมรับจิตตก เป็นโรคหายากทั้งที่ดูแลสุขภาพดีมากแล้ว ลั่นเสี่ยงต่อชีวิตต้องผ่าตัดทิ้ง อนาคตอาจพัฒนาเป็นเนื้อร้าย โอดช่วงรอผล 2 สัปดาห์ช่างยาวนาน แต่ถึงจะตัดทิ้งไปแล้วก็ยังต้องเฝ้าระวังกันต่อไป
ทำเอาเครียดเลยทีเดียว สำหรับ “จ๋า ณัฐฐาวีรนุช ทองมี” หลังจากที่มีอาการแสบคอตอนหายใจในอากาศเย็นๆ แต่ในอากาศปกติไม่เป็นอะไรเลย เมื่อตัดสินใจไปหาหมอก็พบว่ามีติ่งเนื้อเล็กๆ งอกอยู่ตรงต่อมทอนซิลด้านซ้าย และชิ้นเนื้อดังกล่าวมีภาวะ Amyloidosis ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ยาก ถ้าเป็นหนักคือมีอันตรายถึงชีวิต ล่าสุดหมอได้ทำการผ่าตัดออกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเจ้าตัวเผยให้ฟังว่า
“ช่วงที่มันจะเป็นหรือไม่เป็น ตอนนั้นคือกังวล จิตตกมากเป็นพิเศษ เราเป็นคนที่สุขภาพแข็งแรง ออกกำลังกาย ทำอะไรหลายอย่าง พอช่วงที่ทำอะไรไม่ได้มันก็คิดไปต่างๆ นานา คิดไปเรื่อยเปื่อย แล้วต้องรอผลประมาณ 2 อาทิตย์ เป็น 2 อาทิตย์ที่ยาวนานมากเลยค่ะ ถามว่าสาเหตุของโรคมาจากอะไร พอจ๋าได้ไปค้นหาภาวะ Amyloidosis และไปถามคุณหมอ จริงๆ มันคือโรคเลือดซึ่งมันเป็นเรื่องของร่างกายจริงๆ ไม่มีใครทราบว่าทำไมถึงสร้างตัว Amyloi นี้ออกมา ทุกวันนี้แพทย์ทั่วโลกก็ยังหาสาเหตุไม่ได้เลย แล้วก็ยังไม่มีวิธีรักษาที่เฉพาะเจาะจงด้วย
ถ้าคนที่เป็นหนักๆ ตัว Amyloid นี้จะไปรบกวนการทำงานของอวัยวะต่างๆ ซึ่งมันสามารถทำให้ล้มเหลวได้ จ๋าเองเป็นคนที่ค่อนข้างจะดูแลตัวเองมากๆ อยู่แล้ว เราก็กังวลมากๆ แต่ตัวนี้มันไม่ได้เกิดจากการที่เราดูแลตัวเองดีหรือไม่ดี เกิดจะเป็นมันก็เป็นขึ้นมาเองเฉยๆเลย แต่มันก็ทำเหมือนให้เราระลึกได้มากขี้น”
ตัดทิ้งไปแล้วก็เบาใจขึ้น แต่ต้องเฝ้าระวัง
“หลังจากตัดปั๊บก็ตรวจเลือด ตอนนี้ในเลือดไม่มี ในที่ต่างๆ ในร่างกายไม่มี สแกนสมองก็ยังไม่เจออะไร คุณหมอก็สบายใจ แต่ถ้าเราอยากจะเฝ้าระวังก็ตรวจอีกรอบนึง คนถามเยอะว่าจะกระทบอะไรไหม จ๋าเองเพิ่งตัดไปได้เดือนเดียว ก็ถามคุณหมอมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าเป็นทอนซิลอักเสบ เป็นอะไรหนักๆ ชั่งน้ำหนักแล้ว มีไม่ดีมากกว่าไม่มี สมมติมีแล้วเกิดการอักเสบบ่อยมากๆ ปีนึงหลายครั้ง อาจจะมีสิทธิ์ที่จะเป็นเนื้อร้าย หมอก็แนะนำว่าให้ตัดทิ้งไปได้ เพราะในร่างกายมันยังมีต่อมน้ำเหลืองตรงอื่นที่เราสามารถดึงมาใช้ได้
ตอนแรกก็กังวลเพราะทอนซิลมันเป็นด่านแรกที่ป้องกันเชื้อโรค แต่จริงๆ มันมีต่อมน้ำเหลืองที่สามารถดึงมาใช้ได้ ของจ๋าเพิ่งผ่าตัดไป ช่วงที่ผ่านมาก็เลยยังไม่รับงาน เลี่ยงการไปสัมผัสกับคน เราไม่รู้ว่าเราจะไปเจอเชิ้อโรคตรงไหน ก็ระวังไว้ก่อน ถามว่ามันมีผลอะไรบ้าง ตอนนี้จ๋ายังไม่มีผลอะไร ร่างกายเริ่มที่จะฟื้นขึ้นมาแล้ว”
เพิ่งเริ่มกลับมาทานได้เหมือนเดิม
“ก่อนหน้านี้จ๋าเป็นแผลก็ทานได้ไม่ปกติ หยอดได้แต่น้ำข้าวต้มแต่ตอนนี้แผลมันเริ่มหาย ก็เริ่มจะทานอะไรได้เหมือนเดิม ตอนแรกคือหลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารทอด อาหารแข็งๆ พวกปลาที่มีก้างอ่อนๆ ที่ม้นจะเข้าไปตำได้ ถ้านับตั้งแต่ที่เจอติ่งเนื้อ แล้วย้งไม่รู้อะไรเลยรวมๆ แล้วประมาณ 3 เดือน พอเริ่มรู้ เริ่มคิดจะตรวจจริงจังก็ประมาณเดือนครึ่ง รู้แล้วก็โล่ง ดีใจจริงๆ นะ ตอนที่รอผล คือคิดเยอะ ถ้าเราไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมแล้วจะเป็นยังไงต่อไป ตอนนั้นกังวล คิดถึงขั้นหาทางเลยนะถ้าออกจากบ้านไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ถ้าเกิดต้องเข้าโรงพยาบาล อยู่โรงพยาบาลตลอดไปจะเป็นยังไง แล้วจะทำอะไร”
พอจ๋าเล่าแบบนี้แล้วคนอาจจะเข้าใจผิดว่าม้นเริ่มจากทอนซิล แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ Amyloid มันเจอตรงจุดไหนก็ได้ แต่ของจ๋ามันดันมาเจอที่ทอมซิล บางคนเจอ Amyloid ไปสะสมอยู่ที่หัวใจ คือมีภาวะหัวใจล้มเหลวก็มี สะสมที่ตับ ก็อาจจะมีภาวะตับล้มเหลว บางคนเป็นที่ระบบประสาท มันก็จะไปเกิดอาการตรงที่มันอยู่ ก่อนหน้านี้จ๋าก็ว่าระวังดีแล้วนะ อย่างช่วงโควิดจ๋าก็ระวังตัวสุดชีวิตเลย เพราะเป็นห่วงคนรอบตัว พอเราไปเจอโรคนี้ กลายเป็นจากเรารู้สึกว่าเราจะเสียสุขภาพนี้ไป ตอนนี้เลยยิ่งให้ความสำคัญ เห็นเลยว่าสุขภาพเรามันมีแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น ก็ยิ่งดูแลเต็มที่มากขึ้นไปอีกเท่าที่จะทำได้”
