“โม อมีนา” ยอมรับท้อกับกระแสต่างๆ บอกไม่พูดไม่ใช่ว่าไม่ทำอะไร แต่ตนต้องการจะทำทุกอย่างเงียบๆ ด้วยตัวเอง แย้มกำลังรอของชิ้นสำคัญที่เตรียมจะส่งให้ผู้ใหญ่พิจารณาดำเนินการต่อไปเพื่อส่งให้ชั้นอัยการ ส่วนพิธีฌาปนกิจวันที่ 24 พ.ค. ตนไปร่วมส่งพี่สาวแน่นอน แม้ไม่ได้มีส่วนช่วยงานใดๆ ลั่นไม่ต้องอายัดศพแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไร
ยังคงมีประเด็นผุดขึ้นมารายวันสำหรับคดีการเสียชีวิตของนักแสดงสาวผู้ล่วงลับ “แตงโม ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์” และกลายเป็นตอนนี้ฝั่งของนักแสดงสาวรุ่นน้องอย่าง “โม อมีนา พินิจ” ที่โดนโจมตีว่าไม่เห็นออกมาเคลื่อนไหวอะไรบ้างเลย ล่าสุดเจอสาวโม ในงานเปิดกล้องภาพยนตร์เรื่อง ของแขก ณ โรงเเรมอัลมีรอซ Al Meroz Hotel เจ้าตัวก็ยอมรับแบบน้ำตาคลอเบ้าว่าท้อกับสิ่งต่างๆ ที่ต้องเจออยู่ตอนนี้เหมือนกัน
“จริงๆ วันนั้นเราจะไลฟ์สดขายของกัน แต่พอดีว่าแม่แอนนาอยากจะไลฟ์พูดคุยต่อเราก็ไม่ได้ติดอะไร ประเด็นมันอยู่ที่ภาพเรื่องร่างของพี่แตงโม จริงๆ โมไม่อยากจะพูดถึงแล้วเพราะเวลาเราพูดก็หาว่าเราหิวแสง แต่เวลาที่เราไม่พูดก็หาว่าเราไม่ทำอะไรเลย เราก็เลยไม่รู้จะเอาใจใครตรงไหนได้บ้างที่มันจะอยู่ตรงกลางให้ได้มากที่สุด คือจะให้โมออกมาพูดทั้งหมด คิดในขั้นพื้นฐานเลยนะ แน่นอนว่าอีกฝั่งนึงจะต้องรู้ว่าเราทำอะไรบ้าง การเตรียมตัวของเขาก็จะต้องเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเราจะแพ้ไปเลยโดยที่เราทำด้วย เราเหนื่อยด้วย เราพยายามด้วย เราออกมาพูดทั้งหมดก็เหมือนเราบอกข้อมูลเขาไปทางอ้อม
ส่วนเรื่องที่บอกว่าโมกับฮิปโปพูดในคุยแซ่บโชว์บอกว่าจำหน้าพี่ไม่ได้ แต่งหน้าพี่ไม่ได้ อันนี้โมก็ไม่ได้โกหก เพราะว่าวันแรกที่เจอเราก็มีการไปที่โรงพยาบาลตำรวจที่นิติเวช ไปรอเจอ เราขออนุญาตคุณแม่ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ เราขอเข้าไปเจอ ไอ้ตอนที่เราไปเจอเราก็บอกในรายการคุยแซ่บโชว์ เพราะเราเห็นอย่างนั้นจริงๆ และเรายังไม่รู้รายละเอียดมากไปกว่านี้ ซึ่งวันนึงเราได้คุยกับทางผู้ใหญ่ ซึ่งโมต้องขอโทษจริงๆ ที่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถเชื่อถือได้และมีหลักฐานข้อเท็จจริงมากพอที่เราเชื่อ เขาก็ได้มีการเปิดรูปให้ดูเป็นรูปครั้งแรก โมไม่ได้บอกว่าภาพที่เจอมันไม่บวมไม่อืด คือเขารับร่างพี่ขึ้นมา
แต่คุณหมอที่จะมาชันสูตรในเบื้องต้น เขาก็เบิกตาดูว่ามีรอยเส้นเลือดแตกในตาไหมหรือว่าดูในกระพุงแก้มว่ามีการช้ำจากการชกต่อยไหม ก็ต้องตรวจในช่องปาก ซึ่งคนที่เสียชีวิตแล้ว คือเขาไม่สามารถอ้าปากแล้วกลับมาเหมือนเดิมได้ ลืมตาแล้วกลับมาหลับได้ โมพูดถูกไหมคะ เพราะฉะนั้นภาพที่ทุกคนเห็นก็เลยเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ภาพแรกๆ ที่อยู่ในมือผู้ใหญ่จริงๆ ก่อนหน้าที่ทุกคนจะเห็นจริงๆ มันเป็นอีกแบบนึงเท่านั้นเองค่ะ เราไม่อยากให้ทุกคนคิดมากว่าเรามานั่งโกหก เรามานั่งบิดเบือนคำพูด มันไม่ใช่ค่ะ ที่หนูยอมพูดหนูรู้สึกว่าหนูทำของหนูมาตั้งนานโดยที่หนูไม่บอกใคร แต่พอวันนี้เราพยายามอธิบายในหลักฐานที่เราเห็น หนูท้อนะ (น้ำตาคลอ)"
บอกเชื่อมั่นในหลักฐานของตำรวจ แต่สุดท้ายก็ต้องจบที่ชั้นอัยการ
"บอกแล้วว่าทุกอย่างให้ไปเจอกันที่ชั้นอัยการ เพราะว่าสิ่งที่โมทำไม่ขอเกี่ยวพันอะไรกับตำรวจเลย โมเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาสรุปมาไม่ว่าจะเป็นหลักฐานใดๆ ก็แล้วแต่ ให้เขาทำหน้าที่ของเขาให้จบก็แค่นั้น อันนี้คือในทางกฎหมาย ซึ่งโมไม่อยากให้คิดเกินจริงหรือใดๆ ทั้งสิ้น ทุกวันนี้ที่อัยการถามก็คือถูกแล้ว เรียกหลักฐานเพิ่ม เอกสารทั้งหมด ถูกแล้วค่ะถูกแล้ว
บอกสืบเรื่องประเด็นยาเสียสาวมาตลอดเช่นกัน
“โมก็สืบเรื่องนี้มาตลอด ดูเรื่องนี้มาตลอด โมจะบอกว่าโมทำเงียบๆ คนเดียวของโมโดยที่ไม่ได้หยุดพักเลย คนจะรู้มากสุดก็คือฮิปโป เพราะโมมีอะไรโมโทร.หาฮิปโปตลอด มันมีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้เป็นข่าว เอาอย่างนี้ดีกว่าเดี๋ยววันนึงทุกคนก็น่าจะรู้เองว่าเป็นยังไง ทุกวันนี้ที่เป็นข่าวอยู่แล้วหนูก็ยอมรับว่าหนูทราบเรื่องก่อนหน้านี้แล้วแต่หนูแค่ไม่พูด แต่ที่ไม่พูดไม่ได้หมายความว่าไม่ช่วย แต่เราพยายามที่จะทำให้ชนะให้ได้ไง ยิ่งออกมาพูดมากเท่าไหร่เราก็จะยิ่งมีแผลมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นหนูว่าหนูก็ไม่ได้ทำผิดอะไร แล้วหนูก็เข้าใจคนในโซเชียล ทุกวันนี้หนูยอมโดนด่าโดนว่า แต่หนูก็ไม่ได้จะหยุด หนูทำของหนูเงียบๆ ได้ เพียงแค่ว่าคนในโซเชียลอย่ามาบังคับให้หนูพูดอะไรเยอะกว่านี้ เพราะมันมีผลจริงๆ แล้วหนูก็เกรงใจผู้ใหญ่เขามากในการพูดต่างๆ เพราะว่าทุกอย่าง มันต้องไปอยู่ในชั้นอัยการจริงๆ
ตอนนี้สิ่งที่โมทำอยู่คือโมรออะไรบางอย่างกำลังเดินทางมาอยู่นิดนึง แล้วเดี๋ยวโมจะทำอะไรบางอย่างเพิ่ม แล้วก็ทีนี้โมจะส่งอะไรให้ทางผู้ใหญ่หมด มันเหลือสิ่งสุดท้ายที่เราจะทำ เพราะที่เหลือเรารู้หมดแล้ว ก็ให้ผู้ใหญ่เป็นคนจัดการเพราะว่าหนูก็ยอมรับว่าหนูเข้าไปยุ่งไม่ได้ หนูก็ยังพูดกันอยู่ว่าหนูไม่ได้โกรธ แล้วหนูก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งในหน้าที่ของใคร จนถึงทุกวันนี้หนูก็ทำของหนูเงียบๆ หนูทำแล้วก็ส่งให้ผู้ใหญ่ หลังจากนั้นผู้ใหญ่เขาก็ทำกันเองโดยที่มันไม่ใช่หน้าที่ของเราแล้ว และหนูก็ไม่เคยไปเบียดเบียนคนอีกฝั่งนึง หนูไม่เคยไปนั่งด่าเขาว่าเขาผิด ถ้าเขาจะผิดให้เขาผิดด้วยหลักฐานและทุกๆ อย่างที่มันมัดตัวเขาเอง โมถึงพูดเสมอว่าเชื่อมั่นในกฏความยุติธรรมและกฏแห่งกรรมให้มันบวกกันและลงโทษพวกเขาเองดีกว่า เราไม่ต้องไปนั่งด่านั่งว่าเขา เพราะมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะว่าอะไรไปเขาก็ไม่รู้สึกอะไร เลยมองว่าจะพูดแค่ว่าใจเย็นๆ นะ ไม่ใช่ว่าไม่ทำอะไร แต่ว่าถ้าเราพูดมากเท่าไหร่มีดก็จะกลับมาทางเรามากขึ้นเป็นสองเท่า"
บอกขอเลือกพูดกับคนที่ควรจะพูดดีกว่า
"มันก็เหมือนเราทำการบ้าน สมมุติว่าพี่กับหนูทะเลาะกัน พี่ออกมาพูดแถลง แถลง หนูทำการบ้านได้แล้วนะว่าหนูจะพูดอะไรต่อบ้าง หรือหนูจะไปพูดอะไรต่อหน้าอัยการได้บ้าง หนูถึงไม่ออกมาพูดเหมือนคนอื่นๆ เขา แล้วหนูก็ไม่ได้พูดว่าคนอื่นเขาพูดผิดหรือพูดถูก แต่ก็เป็นหน้าที่ของแต่ละคน ทุกคนก็มีหลักฐานในมือ ทุกคนก็มีข้อเท็จจริงที่สามารถออกมาชี้แจงได้ แต่ถ้าเป็นฝั่งหนู หนูรู้สึกว่ายิ่งออกมาพูดมันยิ่งฆ่าตัวตายไม่รู้จะพูดทำไม เราไปพูดในชั้นที่เราควรจะพูดดีกว่า ในบุคคลที่เราควรจะบอกทุกอย่างได้
ถามว่าหลักฐานที่เรามีคิดว่าจะช่วยได้จริงไหม ช่วยได้ช่วยไม่ได้อันนี้อยู่ที่อัยการแล้วค่ะ หนูถือว่าหนูทำเต็มที่ที่สุดแล้วเต็มที่แล้วจริงๆ คนที่คุยกับแม่ก็จะเป็นแม่แอนนา ส่วนเรื่องโดนขู่โมบอกเลยว่าโมไม่เคยโดนขู่ ไม่เคยโดนยัดเงิน ไม่เคยโดนอำนาจมืด แล้วโมไม่กลัวด้วย เพราะว่าอย่างที่บอก โมไม่เคยไปก้าวล่วงใคร เขาจะมายุ่งกับโมก็ไม่ใช่เรื่องนะ หนูว่าถ้าหนูส่งหลักฐานเสร็จเดี๋ยวหนูเล่าให้ฟังเลย เพราะว่าหนูรู้สึกว่าถ้าสิ่งที่หนูทำมาทั้งหมดแล้วหนูมาพูดก่อนเท่ากับว่าศูนย์แล้วนะกับสิ่งที่หนูพยายามมาทั้งหมดเพื่อพี่คนหนึ่ง ที่หนูเงียบ หนูพยายามที่จะทำตรงนี้ให้มันเต็มที่ หนูไม่เคยเสพข่าว ไม่เคยรู้อะไรเลยว่าใครออกมาพูดอะไรบ้าง หนูแค่คิดว่านี่เป็นสิ่งที่เราทำ ผู้ใหญ่บอกมาแบบนี้เราได้รับคำปรึกษาที่ดี เราก็ทำตามที่เขาบอกตามเอกสารข้อเท็จจริงทุกอย่าง ซึ่งโมก็ใช้เงินตัวเองในการดำเนินการทุกอย่าง หนูไม่เคยขอเงินใครหรือไม่เคยขอทุนไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใคร"
เผยวันฌาปนกิจก็เตรียมไปร่วมงานปกติ
“ถามว่าวันที่ 24 จะเป็นวันฌาปนกิจแล้ว แต่คดียังตีกลับไปกลับมา อยากให้เลื่อนพิธีออกไปก่อนไหม ไม่ค่ะ ในเรื่องของงานวันที่ 24 เรามาร่วมกันไปส่งพี่ไปข้างบนบนฟ้าของเขาดีกว่า ต่อให้จะอายัดศพไว้ โมว่ามันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เพราะว่ากาลเวลาผ่านมาค่อนข้างนาน จะพิสูจน์รอบสามมันก็ค่อนข้างยาก และที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นทางทีมแพทย์หรือเอกสารยืนยัน โมว่าน่าจะเพียงพอแล้วในความรู้สึกของหนู และจากการสอบถามผู้ใหญ่มา หนูว่าไปส่งพี่ดีกว่าค่ะ
งานนี้หนูไปส่งพี่อย่างเดียวค่ะ หนูไม่ได้จัดการเรื่องอะไรใดๆ ทั้งสิ้น ก็จะเป็นทางคริสตจักรแล้วก็ทาง แม่เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร เป็นคนจัดการทั้งหมด"
บอกถึงท้อ แต่ก็ยังทำทุกอย่างเต็มที่
"รู้ไหมว่าหนูไม่ไปงานเยอะมาก เพราะว่าหนูท้อแล้วรู้สึกว่าฉันต้องทำยังไงหรอ แต่หนูรู้สึกว่าในเรื่องของพี่หนูก็ทำเต็มที่เท่าที่ความสามารถ คือหนูเคยบอกแล้วว่าหนูไม่เคยต้องการแสง ยอดฟอลโลว์หรืออะไรต่างๆ คนที่ติดตามหนู หนูขอบคุณมากๆ คนที่ไม่อยากจะติดตามแล้ว หนูเข้าใจไม่เป็นไรเลย หนูเข้าใจเหตุผลของแต่ละคนดี หนูอยากให้ใจเย็นๆ นิดนึง รอก่อนเรื่องนี้มันต้องให้เวลากันหน่อยนิดนึง เพราะว่าหนูก็เต็มที่แล้วจริงๆ
ถามว่าเสียใจไหมที่คนมองว่าเราจะมาแทนที่พี่เขา หนูไม่เคยรู้ว่ามีแบบนี้ด้วย คือมันไม่มีใครแทนที่ใครได้นะ คือพี่โมก็ยังเป็นพี่โม หนูก็ยังเป็นหนู อะไรที่หนูทำแทนพี่ได้แล้วหนูพอจะทำได้ อาทิเช่น เอ็มวีที่หนูเล่น หนูเล่นได้แล้วหนูก็ไม่เอาค่าตัวด้วย และรายการคิ้มกินรอบวง หนูไปร้องเพลงแทนพี่ หนูก็ไม่เคยคุยเรื่องเงิน ละครมีข่าวว่าอยากให้หนูไปเล่นแทนพี่ หนูก็ไม่เล่นเพราะหนูรู้สึกว่าตรงนั้นยกหน้าที่ให้คนอื่นดีกว่า เราทำหน้าที่แทนเขาไม่ได้ทั้งหมด แล้วมันไม่มีการแทนที่กันได้อยู่แล้ว ถามว่าสุดท้ายแล้วเหตุการณ์นี้เป็นอุบัติเหตุหรือถูกทำให้เป็นอุบัติเหตุ ถ้าพูดไปมันก็เป็นผลต่อข้างใน เพราะฉะนั้นหนูเลี่ยงการมีคดีติดตัวดีกว่า"