“เต้ ทัตพงศ์” เล่าอุปสรรคชีวิต โควิดทำพิษ ธุรกิจขาดทุน รายได้เป็นศูนย์ จากเดือนละ 3 ล้าน สู้หลังชนฝาเปิดร้านทุเรียนนั่งกิน หวิดติดโควิด รถเสีย ทุเรียนไม่สุกในวันเปิดร้าน ชื่นใจมีคนห่วงใย ผู้ใหญ่เมตตา ควักหลายแสนหวังคืนทุนเร็วๆ นี้ ขายดีหมดทุกวันต้องโทร.จอง
หลังเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา อดีตพระเอก “เต้ ทัตพงศ์ พงศ์ทัต” ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เล่าถึงชีวิตในตอนนี้ ว่ากำลังจะกลับเข้าสู่โหมดการเป็นพ่อค้าอีกครั้ง ด้วยการเปิดธุรกิจใหม่ เป็นร้านทุเรียนนั่งกิน ที่ชั้น 1 ห้างแฮปปี้ เซ็นเตอร์ แต่ต้องเจอกับอุปสรรคเยอะมาก หวังผ่านพ้นจากมรสุมลูกใหญ่นี้ไปได้ ก็ทำเอาเพื่อนๆ ในวงการและบรรดาแฟนคลับ เข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจ และรออุดหนุนเพียบ
ล่าสุดวันนี้ (9 พ.ค.) เจ้าตัวก็ได้เผยกับทีมข่าว MGR Online ผ่านการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ว่าผลตอบรับดีมาก 2-3 วันมานี้ถึงกับขายไม่พอ ถ้าไม่โทร.จองก่อนก็จะหมด ก่อนเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการตัดสินเปิดร้านนี้ ว่าเกิดจากการที่โควิดทำพิษ ทำให้ธุรกิจสินค้าแปรรูป ที่เคยมีรายได้เดือนละ 3 ล้านบาท เหลือแค่เพียง 1-2 หมื่นบาท จนเป็น 0 ในที่สุด ด้วยความที่หนี้ค้ำคออยู่ถึง 10 ล้าน เลยต้องหลังติดฝา หาช่องทางดิ้นรนสู้
“ตอนนี้มาขายที่แฮปปี้แลนด์เซ็นเตอร์ อยู่ติดบันไดเลื่อน เดินเข้าประตูห่างไปนิดเดียวก็เห็นแล้วครับ ชื่อร้านทุเรียนนั่งกิน ที่มาคือเริ่มต้นจากผมทำธุรกิจหนึ่งมาก่อน ตอนนี้ก็ยังทำอยู่ ชื่อบริษัท สวนไทโภคภัณฑ์ จำกัด เรามีสินค้าขายอยู่ที่บิ๊กซีครับ เป็นผลไม้แปลรูป ช่วงก่อนโควิดผมมีสาขาในบิ๊กซี ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว 11 สาขา เริ่มทำต้นปี 2562 ก็จะมีทุเรียนฟรีซดราย มะม่วงอบแห้ง แล้วก็ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับหมู หมูแท่ง หมูทุบ หมูฝอย หมูหยอง เป็นแบรนด์สวนไท ขายนักท่องเที่ยวฮ่องกง สิงคโปร์ต่างๆ ผมขายได้ประมาณ 7-8 เดือนมันก็เริ่มดัง จากขายเดือนละหลักแสน ก็ได้แตะเดือนละล้าน แล้วก็ขึ้นมาเป็น 1.2-3 ล้าน
ผมหุ้นกันกันสองคนกับน้องผู้ชายอีกคนหนึ่ง เราต่างคนต่างมีหนี้คนละประมาณ 10 ล้าน เราก็กะว่าประมาณ 3 ปี ถ้าได้ยอดขายแบบนี้ ก็จะขยายให้มันได้ 4-5 ล้านต่อเดือน 3 ปีกว่าก็น่าจะหมดหนี้แล้ว ปรากฎว่าโควิดมา แต่ผมก็ยังมีสาขาอยู่นะ ถึงปลายปีเลย จนไม่ไหว จากเดือนละ 3 ล้าน สาขาที่ขายเดือนละล้านกว่าบาท เดือนแรกหล่นลงมาเหลือ 7 พันบาท แล้วทั้งประเทศ 11 สาขา ได้ประมาณ 1-2 หมื่นบาท แล้วก็ร่วงๆ จนถึง 0 เลย
สินค้าที่เรามีอยู่ในสต๊อก ทั้งในออฟฟิศ ทั้งบนเชลฟ์ ก็เป็นล้านแล้วครับ พอเวลาผ่านมันก็หมดอายุ กลายเป็นของเสียหมดเลย เราก็ต้องเอาออกมาทิ้ง เรียกว่าขาดทุนมหาศาล แต่เราก็หลังติดฝา เพราะเราติดลบกันอยู่เยอะ อย่างของผมที่บอกว่าหนี้ 10 ล้าน มันเป็นสินทรัพย์ เป็นรถ เป็นบ้าน 2 หลัง พอเป็นอย่างนั้นเราก็เลยพยายามจะคิดหาวิธีการ แต่ก็โอเคมันยังพอมีละครเล่นอยู่บ้าง
แล้วสินค้าในบิ๊กซีเราก็ยังมีวางอยู่ เป็นกระเทียมดำ สวนไท ยอดขายมันไม่ได้มากมาย มีวางขายอยู่ 135 สาขาทั่วประเทศ แต่มันก็ขาดทุนไง ผมก็เลยคิดว่าเราเอายังไงดี ตอนนั้นเราพึ่งพานักท่องเที่ยว ลูกค้าหลักคือนักท่องเที่ยวอย่างเดียว เราก็รอว่าเมื่อไหร่นักท่องเที่ยวจะกลับมา มันยากมาก พอเราคิดว่าเราพึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวไม่ได้ เราก็ขายของคนไทยดีกว่า
ด้วยความที่ว่าเมื่อก่อนผมเคยทำลอดช่องเส้นทุเรียน แล้วหยุดทำไป คนก็รีเควสให้ผลิตอีกเยอะมากเลย เราก็เลยคิดว่า งั้นเราก็เอาลอดช่องกลับมาขายดีกว่า เลยติดต่อประสานงานไปยังกลุ่มเดิมๆ ที่ซื้อทุเรียนกัน แล้วก็ได้ไอเดีย ว่าไหนๆ จะทำแล้ว ก็ทำทุเรียนแกะเนื้อขายเลยดีกว่า เอาให้มันอร่อยๆ ผมไม่ได้ขายเป็นลูก ผมแกะเนื้อขายอย่างเดียว เรารับประกันเนื้อเลย เราเคลมคืนถ้ามันเป็นทุเรียนอ่อน ลูกค้าเขาต้องได้กินสิ่งที่เขาคุ้มค่ากับเงินเขา
ผมก็เลยไปหาพรรคพวก ที่จะหาทุเรียนแก่ให้ผมได้ คือทุเรียนทั่วไปตามตลาด เขาจะตัดประมาณ 110 วัน แต่ผมจะให้เขาเลยไปให้ผมอีก 10-15 วัน ทุเรียนมันจะได้แก่มากขึ้น พอแก่ขึ้น ความหวานมันก็จะมากขึ้น แต่ผมไม่ได้ขายออนไลน์เลย ผมเป็นคนโบราณมากๆ ทำเพจ ทำอะไรไม่เป็นเลย แอปขายของต่างๆ ผมยังไม่มีเลย ก็กำลังจะทำ
แต่พอดีว่ารู้จักกับพี่ที่เป็นเจ้าของห้างแฮปปี้แลนด์เซ็นเตอร์ แล้วผมก็มีไอเดีย แล้วเคยมีคนคุยกับผมว่าถ้าทำร้านทุเรียนแกะขาย ทำไมไม่เอาแบบนั่งกินที่ร้านได้ด้วย ที่สิงคโปร์กับมาเลเซียฮิตมาก เพราะคนไม่อยากเอาขึ้นรถกลับบ้าน กินแค่พูสองพูก็ชื่นใจแล้ว เราก็เลยตัดสินใจมาเปิดร้าน เอาฤกษ์วันที่ 5 เดือน 5 ที่ผ่านมา แต่เราก็มีความรู้เรื่องทุเรียนมาอยู่แล้ว จากการทำลอดช่อง
เราก็ไปประสานซื้อทุเรียนมาก ล็อตแรกก็ซื้อไม่เยอะมากครับ ประมาณหลักแสนบาท เพราะทุเรียนมันแก่เร็วมาก ถ้าเราแกะขายไม่ทันมันจะกลายเป็นค่าใช้จ่ายอีก แต่ดีอย่างที่ถ้าเราเจอทุเรียนแก่จัด เราก็เอาไปทำลอดช่องทุเรียนได้ ซึ่งข้าวเหนียวทุเรียนของร้านผมก็อร่อยมากนะ ทุกคนชม เพราะตัวน้ำคาดมันเข้มข้นมาก อร่อยถึงใจมาก
ผมก็แพลนว่าจะเปิดวันที่ 5 เดือน 5 แต่มันก็มีอุปสรรคเยอะมาก แต่เรื่องหลักๆ ใหญ่ๆ คือตู้แช่ มันหนักมาก เราก็ขยับวันไปยก จนจะเปิดร้าน เพิ่งไปยกมาวันที่ 4 ตอนบ่าย ยังไม่ด้วยว่ามันจะเป็นยังไง เราขอซื้อต่อจากเพื่อน เพื่อนคนนี้ก็คือคุณ นรินทร ณ บางช้าง ซึ่งน่ารักมาก เอามาใช้ยังไม่ได้จ่ายตังค์เลย แล้วกะว่าวันที่ 2 จะไปเอาทุเรียน วันที่ 3 ได้ทุเรียนกลับมา แล้วในวันนั้นเราก็มีรับปาก ว่าจะไปร้องเพลงที่งานวันเกิด ของ ช.อ้น ณ บางช้าง
พอเอาทุเรียนกลับมา เราก็จะเอามาไว้ที่บ้านเช่า ที่เช่าไว้แถวแฮปปี้แลนด์เซ็นเตอร์นี่แหละ ที่เราให้ทีมงานอยู่ แล้วก็ทำเป็นที่เก็บทุเรียน แต่พอขับรถไปถึง ทางหมู่บ้านเขาไม่ได้บอกเราก่อน ว่าเขาทำถนนหน้าหมู่บ้าน เอารถเข้าไม่ได้ ก็เลยต้องช่วยกันขนทีละลูกสองลูก กลับมาถึงบ้านตอน 17.00 น. ก็ตรวจ ATK ก่อน ขึ้นขีดเดียวปกติ แต่พออาบน้ำเสร็จขับรถออกไปได้ครึ่งทาง ภรรยาโทร.มาบอกว่า ATK เรามันขึ้นขีดที่ 2 จางๆ เราก็เลยต้องยกเลิกที่จะไปร้องเพลง
ทีนี้ทุเรียนซื้อมาแล้ว พร้อมเปิดวันที่ 5 ซึ่งมันจะสุก ถ้ามันสุกมันจะสุกกันหมด แล้วเราจะเปิดขายยังไง ถ้าเราติดโควิด สรุปตอนเช้าตรวจอีกรอบขึ้นขีดเดียว เราก็เลยโล่งใจ ไปยกตู้ ไปจัดร้านให้เรียบร้อย ซึ่งตอนขับรถไปจัดร้าน รถก็เสียอีก ก็เสียเวลาไปซ่อมอีก จนไปจัดร้านเสร็จตอน 20.00 น. พอเที่ยงคืนเราก็เลยตัดสินใจโพสต์ว่าจะเปิดร้าน
จริงๆ การจะเปิดร้านอะไร ก็ต้องโพสต์บอกก่อนเป็นอาทิตย์ ว่าเชิญมานะครับ แต่ผมก็ไม่มั่นใจ ว่าเราจะเปิดได้ เพราะตั้งแต่ผล ATK แล้ว ซึ่งผมตรวจทุกวันเลยนะ ถ้าติดขึ้นมาเราทำอะไรไม่ได้เลย ต้องอยู่บ้าน พอโพสต์ไปคนก็งง ว่าจะเปิดร้านตอนเที่ยงแล้ว แต่โพสต์บอกตอนเที่ยงคืน ก็อยากจะให้เพื่อนๆ มาอุดหนุน มาช่วยประชาสัมพันธ์ให้หน่อย
พอถึงวันเปิดร้านวันเแรก เราจะเปิดตอน 12.00 น. ผมก็ให้ทีมงานตื่นมาแต่เช้า แล้วก็เริ่มแกะทุกเรียนกัน แต่ตอน 10 โมงกว่าเรากำลังจะออกไปร้าน ทีมงานแกะทุเรียนโทร.มา บอกว่าทุเรียนไม่สุก ที่เราคิดว่าจะขายได้ก็คือไม่สุก ไม่กรอบนอกนุ่มใน ต้องทิ้งช่วงอีกค่อนวันหรือหนึ่งวัน เราก็ไม่มีทุเรียนขาย แต่เพื่อนๆ โทร.มาเต็มเลย เอาโลนึง เอาสองโล เดี๋ยวเข้าไปเอาที่ร้าน ทุกคนพร้อมที่จะช่วยอุดหนุนเรา แต่เราก็ต้องบอกว่าทุเรียนยังไม่สุกพี่
คือสุดยอดของปัญหาเลยครับ อันนี้มันไม่มีทางแก้ ไอเดียหลักเลย คือต้องการขายทุเรียนอร่อยให้คนกิน ทุเรียนผมเกรดใกล้เคียงตลาดอตก. เลยนะครับ ไม่ได้แพงแบบนั้น แต่ก็ราคาสูงกว่าที่ชาวบ้านเขาขายกัน เพราะเราอยากให้คนได้กินของอร่อย พอมันเป็นแบบนี้ เราก็เลยยังไม่ผ่า จนกว่ามันจะกินได้จริงๆ วันนั้นก็ต้องรับโทรศัพท์แล้วขอโทษไป
แต่ดีใจและชื่นใจมาก ทำให้เราได้รู้ว่ายังมีเพื่อนฝูงที่คอยเป็นห่วงเป็นใยเราเยอะมาก ขอบคุณผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆ ท่านมากที่เมตตา สรุปได้ขายจริงๆ ก็คือวันที่ 6 พ.ค. โชคดีอีกอย่างคือพอเราโพสต์ แล้วมีข่าวลงเยอะมาก หน้าร้านก็เลยมีแฟนๆ ละครมาอุดหนุนเยอะมาก เป็นเอฟซีมาตั้งแต่สมัยผมร้องเพลงเลย
ทุเรียนของผมจะแกะมาเรียบร้อย แล้วก็เอามาใส่ในตู้ วางให้ลูกค้าเลือกว่าจะเอาพูไหน แล้วก็ชั่งกิโลให้เห็นเลย เมนูในร้านตอนนนี้มี 3 อย่าง คือ 1.ทุเรียนแกะเนื้อ 2.ข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียน ถ้วยละ 80 บาท 3.ลอดช่องเส้นทุเรียน แก้วละ 65 บาท แต่เมนูลอดข่องเรายังทำไม่เสร็จ เพิ่งเปิดร้านยังไม่ค่อยเข้าที่ คิดว่าอาทิตย์หน้าน่าจะได้ครับ แล้วกำลังคิดเมนูที่ 4 ที่เอาทุเรียนมาผ่าแบ่ง แล้วเอาข้าวเหนียวมูลมาใส่ตรงกลาง โรยถั่วทอง แล้วก็มีซอสทุเรียนถ้วยเล็กๆ ให้ราด ชิ้นหนึ่งน่าจะ 180- 200 บาท ตามไซส์
ทุเรียนของเราตอนนี้เป็นพันธุ์หมอนทอง แต่ก็จะมีพันธุ์อื่นๆ เข้ามาบ้าง โทร.มาถามก่อนได้ เมื่อวานมีลูกค้ามาก็ไม่ทัน ประสบการณ์ที่ผ่านมา 2-3 วันคือต้องจอง ไม่งั้นหมดก่อน ก็คาดหวังว่ากระแสจะดีแบบนี้ไปตลอด เพราะว่าทุเรียนเราอร่อย ธุรกิจนี้ผมลงทุนคนเดียว ก็หลายตังค์อยู่ครับ หลักหลายแสน ก็คาดหวังว่าจะคืนทุนเร็ว แล้วก็จะเปิดสาขาเพิ่ม อาจจะเปิดสัก 3 มุมเมือง เพราะทุเรียนมันแก่ มันต้องรีบผ่า ถ้าไม่ปลอกจะเสียไปเลย แต่มันก็จะมีช่วงที่ว่างเว้น ที่ไม่ใช่หน้าทุเรียน อยู่ประมาณเดือนกว่าๆ แค่ช่วงนั้นจะแพงมาก เราก็จะหาสวนไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะให้มีของตลอด ให้คนได้กินทุเรียนที่อยากกิน หาของอร่อยมาให้ทุกคนครับ
ส่วนผลิตภัณฑ์สวนไท ยังมีของขายอยู่ แต่ยอดไม่เยอะ เริ่มมีแสงสว่างปลายอุโมงค์แล้ว เพราะทางบิ๊กซี สาขาราชดำริ โทร.มาบอกว่าตอนนี้นักท่องเที่ยวกลับมาแล้ว มีบัสมาลงวันละ 5-6 คัน ให้เอาผลิตภัณฑ์ของเราไปลง ผมก็เพิ่งเอากลับไปลงเมื่อไม่กี่อาทิตย์นี่เองครับ ตอนนั้นถึงจะขาดทุน แต่เราไม่ได้ปิดตัว เพราะคิดว่านักท่องเที่ยวต้องกลับมา แล้วผลิตภัณฑ์ของผม เป็นยอดอันดับหนึ่งของแผนกเลย ก็เลยยังมีความหวังกับมันอยู่”