ไม่ต้องสงสัยว่าเสียงส่วนใหญ่ของชาวเน็ตทั่วโลกจะเอาใจช่วย "จอห์นนี เดปป์" ในคดีฟ้องหมิ่นประมาท "แอมเบอร์ เฮิร์ด" แต่สำหรับเรื่องคดีความแล้ว ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายหลายคนยังมองว่า กระแสสังคมชาวเน็ตอาจจะไม่ได้ช่วยเหลือให้ "จอห์นนี เดปป์" ได้เปรียบในคดีนี้มากนัก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการขึ้นให้การต่อหน้าศาลของ จอห์นนี เดปป์ กำลังได้ใจคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเสียงสะท้อนจากโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
โลกออนไลน์เอาใจช่วย "จอห์นนี เดปป์" แบบล้นหลาม
โดยเฉพาะใน TikTok ที่แฮชแท็ค #justiceforjohnnydepp (ความยุติธรรมเพื่อ จอห์นนี เดปป) มียอดผู้ชมสูงถึง 7,100 ล้านครั้ง ส่วนแฮชแท็ค #amberheardisaliar (แอมเบอร์ เฮิร์ด คือคนโกหก) มียอดผู้ชมถึง 1,100 ล้านครั้ง
ไม่เท่านั้น "เนื้อหา" เอาใจช่วย จอห์นนี เดปป์ ทั้งภาพของเขาในบทบาท กัปตัน แจ็ค สแปโรว์ และมีมต่าง ๆ ก็ล้วนไปในทางสนุน และให้กำลังใจ จอห์นนี เดปป์ เป็นส่วนใหญ่
แม้แต่ปฏิกิริยาของฝูงชนที่ไปติดตามความเคลื่อนไหวของคดี ส่วนใหญ่ล้วนให้กำลังใจ, ส่งเสียงเชียร์ และประกาศตัวอยู่เคียงข้าง จอห์นนี เดปป์ ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับฝ่าย แอมเบอร์ เฮิร์ด ที่แทบไม่มีประชาชนให้กำลังใจเลย ไม่ว่าจะเป็นในโลกออนไลน์ หรือโลกแห่งความเป็นจริง
อย่างไรก็ตามในมุมมองของนักกฏหมาย คดีความครั้งนี้ยังยากที่จะชี้ขาดว่าใครจะเป็นผู้ชนะ เพราะแม้ในสายตาของคนทั่วไป จอห์นนี เดปป์ สามารถให้ข้อมูลที่มีน้ำหนักได้มากมาย แต่ในมุมมองของคณะลูกขุนแล้วอาจจะไม่เป็นแบบนั้น
กระแสสังคมออนไลน์ อาจไม่ช่วยโน้มน้าวใจคณะลูกขุน
เอมีลี ดี.เบเกอร์ อดีตอัยการเขตที่ตอนนี้หันมาผลิตคอนเทนต์ในฐานะ YouTuber และติดตามคดีนี้มาตั้งแต่ต้น ได้แสดงความเห็นว่าการแสดงความรู้สึกอย่างรุนแรงของประชาชนที่สนับสนุน จอห์นนี เดปป์ ทั้งมารวมตัวกันในบริเวณนอกศาล, โห่ร้องแสดงความเกลียดชัง แอมเบอร์ เฮิร์ด หรือกระทั่งบางคนที่พยายามหาทางเข้ามาฟังการพิจารณาคดี และแสดงความรู้สึกอย่างรุนแรงออกมา โดยผิดมารยาท สุดท้าแล้วอาจจะเป็นผลลบต่อ จอห์นนี เดปป ด้วยซ้ำไป
"สำหรับฉันแล้ว เรื่องพวกนั้นดูจะล้ำเส้นไปหน่อย" เบเกอร์ กล่าว "สิ่งที่ทำกันนอกศาล มันก็อยู่นอกศาลนั่นแหละ ฉันไม่คิดว่ากระแสนอกศาลจะมีผลอะไรมาถึงข้างใน"
"ถ้าเวลาที่คณะลูกเดินทางออกจากศาลไปแล้วโดนประชาชนโห่ ฉันคิดว่าสุดท้ายแล้วจะทำให้ลูกขุนเห็นใจเธอ (แอมเบอร์ เฮิร์ด) มากขึ้นด้วยซ้ำไป"
"จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้หญิงกล่าวหาผู้ชายที่ทรงอิทธิพล" บทความของ แอมเบอร์ เฮิร์ด ดูมีน้ำหนักมากขึ้น
นอกจากนั้นคดีความครั้งนี้เกี่ยวข้องกับบทความในปี 2018 ที่ แอมเบอร์ เฮิร์ด บอกว่าตัวเองตกเป็นเหยื่อของการใช้ความรุนแรง ซึ่งเนื้อหาสำคัญในบทความก็คือประเด็นที่ว่า "จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้หญิงกล่าวหาผู้ชายที่ทรงอิทธิพล" ซึ่งคณะลูกขุนอาจจะรู้สึกว่า สิ่งที่ แอมเบอร์ เฮิร์ด เผชิญอยู่ในขณะนี้ ก็คือสิ่งเดียวกับที่เธอเขียนเอาไว้ในบทความ
"มันอาจจะส่งผลกระทบไปถึงความรู้สึกของคณะลูกขุนได้ เมื่อเนื้อหาในบทความกำลังเกิดขึ้นให้เห็นจริง ๆ อยู่ตรงหน้า อาจจะทำให้คณะลูกขุนเริ่มรู้สึกว่า 'สิ่งที่เธอเขียนเอาไว้ในบทความ มันก็ไม่ได้ผิดซะทีเดียว'"
อีกประเด็นก็คือการแสดงออกของ จอห์นนี เดปป์ ในศาลที่ได้รับคำชมว่าเป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะการที่เขาแสดงให้เห็นว่าตัวเองยัง "ยิ้มได้" ในสถานการณ์เช่นนี้, การควบคุมอารมณ์ และบางครั้ง จอห์นนี เดปป์ ยังดูมี "อารมณ์ขัน" และประชดประชันคำถามของ เบนจามิน ร็อทเทนบอร์น ทนายของ แอมเบอร์ เฮิร์ด กลับไปด้วยซ้ำ
แต่สำหรับนักกฏหมายแล้วการแสดงออกแบบนั้นอาจจะไม่ใช่ผลดีต่อการพิจารณาคดีนัก "ประชาชนอาจจะชอบแบบนั้น แต่สำหรับลูกขุนแล้วอาจจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่กับท่าทางแบบนั้น"
แอมเบอร์ เฮิร์ด ขึ้นให้การ ... สุดยอดการแสดง หรือ โอเวอร์แอ็กติ้ง
ขณะที่ฝ่าย แอมเบอร์ เฮิร์ด ก็ยังมั่นใจอะไรไม่ได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขึ้นให้การของเธอที่ทนายความของ จอห์นนี เดปป์ กล่าวประชดประชันว่าเป็น "การแสดงที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอแล้ว"
โดย แอมเบอร์ เฮิร์ด ได้ขึ้นกล่าวด้วยความรู้สึกสะเทือนอารมณ์อย่างรุนแรง และแสดงออกของเธอก็ดูมีปัญหาในสายตาของหลาย ๆ คนเช่นเดียวกัน
แบร็ตต์ วอร์ด แห่งสำนักงานทนายความ Blank Rome มองว่าการให้การของ เฮิร์ด ไม่ได้มีปัญหาที่เนื้อหา แต่การแสดงออกของเธอนั่นไม่น่าเชื่อถือ "น่าเสียดายตรงที่ตอนพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การแสดงออกของเธอมันดูเหมือนมาจากนักแสดง มากกว่าจะมาจากเหยื่อ
คล้าย ๆ กับที่ คริสตา แรมี แห่งสำงานงานทนายความ Ramey Law PC มองว่าการให้ข้อมูลของ แอมเบอร์ เฮิร์ด มันดูเป็นขั้นเป็นตอน และชัดเจนเกินไป
"ระบบสมองจะปกป้องคุณจากความทรงจำอันเลวร้าย และทำลายความทรงจำต่าง ๆ ในสมองจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น คุณจะมักจะจำเหตุการณ์ไม่ได้ตั้งหมด และคงจะไม่สามารถเล่าเรื่องออกมาได้อย่างปกติ แบบมีจุดเริ่มต้น, ตรงกลาง และบทสรุปที่จัดเจนขนาดนั้น"
ชัยชนะที่แท้จริงของ จอห์นนี เดปป์
ถึงตอนนี้จึงยังบอกได้ว่าสุดท้ายแล้วใครกันแน่ที่จะเป็นผู้ชนะคดี
อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และวงการบันเทิงฮอลลีวูดมองว่าจริง ๆ แล้ว จอห์นนี่ เดปป์ อาจจะไม่ได้มองเรื่อง ชนะ หรือ แพ้คดี มาตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำไป
โดยในคดีดังกล่าว จอห์นนี เดปป์ ได้ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจาก แอมเบอร์ เฮิร์ด ในฐานหมิ่นประมาทเป็นเงิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่จริง ๆ แล้วเขาอาจจะไม่ได้คาดหวังเรื่องเงินค่าเสียหาย แต่ต้องการโอกาสที่จะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนได้รับทราบ
เบกเกอร์ บอกว่าจุดประสงค์ในการฟ้องร้องคราวนี้ จอห์นนี เดปป์ อาจต้องการขจัดภาพ "คนซ้อมเมีย" ที่โดนตราหน้ามาหลายปี ซึ่งถ้าทำได้เขาก็มีโอกาสที่จะกู้ภาพลักษณ์ และทวงคืนอาชีพนักแสดงของตัวเองให้กลับคืนมาอีกครั้ง "เขาน่าจะจ่ายเงินค่าทนายไปแล้วเป็นสิบล้านเหรียญฯ เพื่อให้ได้เล่าเรื่องจากฝั่งของตัวเองในชั้นศาล"
ซึ่งถึงตอนนี้ดูเหมือนว่า จอห์นนี เดปป์ จะสามารถกู้ชื่อเสียงของตัวเองกลับมาได้พอสมควรแล้ว