คว้ามงปุ๊บ ดราม่าก็ตามมาปั๊บ
สำหรับ “อิงฟ้า วราหะ” เจ้าของมงกุฎ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ ปีล่าสุด
เพราะพลันที่มีการประกาศการคว้าตำแหน่งผู้หญิงที่สวยที่สุดบนหนึ่งในเวทีประกวดยักษ์ใหญ่ ก็มีแต่ประเด็นข่าวร้อนๆ ออกมาไม่หยุดหย่อน
เมื่อจู่ๆ ก็มีบุคคลปริศนา ที่อ้างตัวว่าเป็นหลานชายของเจ้าของค่ายเพลงค่ายหนึ่งออกมาโพสต์ทิ้งบอมบ์ลูกใหญ่ ความว่า อิงฟ้า มีสัญญากับค่ายเพลงของป้าตนอยู่ และไม่เคยได้รับการอนุญาตให้ไปประกวดแต่อย่างใด และที่ผ่านมา ป้าของตนก็รักและเอ็นดูเหมือนคนในครอบครัว
ถอดหรัสข้อความดังกล่าว ก็แปลเจตนาได้ว่า เจ้าของโพสต์ต้องการที่จะดิสเครดิต อิงฟ้า ในสองประเด็น
หนึ่ง..... ไปประกวดขณะที่ยังมีพันธะสัญญาคาอยู่กับค่ายเพลง โดยไม่ได้รับการอนุญาต
สอง....ไม่เคยพูดถึงเจ้าของค่ายเพลง ที่หยิบยื่นโอกาส และให้การเลี้ยงดูเธอมาเสมือนหนึ่งคนในครอบครัว
**********
ในเวลาต่อมา ทางด้านตัวของ อิงฟ้า เอง ก็ได้ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว ระบุว่าค่ายเพลงที่ว่า ก็คือ
“แสงรวี เอ็นเตอร์เทนเม้นต์”
โดยเซ็นสัญญาไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เธออายุ 17 ปี ซึ่งแปลว่ายังไม่บรรลุนิติภาวะ
และประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือระยะเวลาของสัญญาดังกล่าว กินระยะเวลาถึง 12 ปี ซึ่งโดยปกติระยะเวลาของสัญญาส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่ประมาณ 3-5 ปี
ถามว่า ณ ตอนนั้น ตัวของ อิงฟ้า ได้รับรู้เงื่อนไข และระยะเวลาในสัญญาอย่างละเอียดหรือไม่ ?
ตรงนี้ก็มีโอกาสเป็นไปได้ ทั้งรู้ และไม่รู้ !!????
อย่าลืมว่าขณะที่เซ็นสัญญา อิงฟ้า อายุเพียงแค่ 17 ปี เป็นไปได้ว่า – อาจจะ – ไม่ได้อ่าน และทำความเข้าใจกับเนื้อหาในสัญญาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
หรือต่อให้อ่านแล้ว รับรู้เงื่อนไข และระยะเวลาอย่างชัดเจนแล้ว เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความฝันอยากเป็นศิลปิน รวมถึงอยากที่จะมีรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน รวมถึงเป็นค่ารักษาพยาบาลคุณพ่อที่กำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย
เมื่อโดนหว่านล้อมจากผู้ใหญ่ ด้วยความไว้ใจ เชื่อใจ เชื่อในคำมั่นว่าจะมีบ้านให้อยู่ มีเงินเดือนให้ใช้ มีชีวิตที่สุขสบายขึ้น
ก็ไม่แปลกถ้าเด็กจะตัดสินใจเซ็นสัญญา
เพราะคงไม่มีใครรู้หรอกว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงระยะเวลา 10 กว่าปีที่ระบุไว้ในสัญญา
**********
แต่ท้ายที่สุด....
หลังเซ็นสัญญาคุณพ่อของ อิงฟ้า ก็เสียชีวิต
จริงอยู่ที่ทางค่ายส่งเสียให้เธอเรียนหนังสือ ทว่าในฟากของศิลปิน กลับไม่ได้เป็นตามที่ตกลงกันไว้
เข้าใจว่าในสัญญา อาจจะไม่ได้ระบุว่าภายในระยะเวลาของสัญญานั้น จะมีการออกผลงานให้มากน้อยขนาด ไหน !!??
พูดง่ายๆ ว่าไม่มีการการันตีในเรื่องของผลงาน และรายได้
หนำซ้ำ แทนที่จะได้เป็นศิลปินตามความฝัน กลับต้องมาทำงานในฐานะพนักงานออฟฟิศ แลกกับรายได้ที่ไม่พอที่จะเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว
อิงฟ้า ก็เลยเลือกที่ออกไปตายเอาดาบหน้า โดยแทบไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากทางค่ายเลย ไม่ต้องไปถามถึงเรื่องผลงานในฐานะศิลปิน !!!
แต่ครั้นเมื่อ อิงฟ้า ตัดสินใจที่จะเลือกทางเดินใหม่ให้กับตัวเอง ด้วยการเข้าประกวดแข่งขันในรายการ The Voice เมื่อปลายปี 2561 เพราะเห็นว่าทางค่ายที่ไม่มีการติดต่อใดๆ กับเธอนานแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ทว่าสิ่งที่เธอคิดกลับความเป็นจริง ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง
เพราะทางค่ายกลับออกมาแสดงตน และถือสิทธิ์ตามสัญญา ทำให้ อิงฟ้า ตัดสินใจถอนตัวจากการประกวด
จนเวลาผ่านไปประมาณปีกว่า ๆ ก็เบนเข็มมาลงประกวดนางงาม “มิสแกรนด์สุพรรณบุรี 2020“ ค่ายเพลง ก็ติดต่อไปทางกองประกวดว่าไม่อนุญาต เธอจึงยอมสละสิทธิ์ไปอีกหนึ่งเวที ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทางค่ายบอกว่าเธอสามารถไปทำอะไรก็ได้ ยกเว้นร้องเพลง
แต่พอเธอทำจริงๆ ก็กลับโดนสกัดดาวรุ่ง !!!
กระทั่งเวลาผ่านไป เมื่อ อิงฟ้า สามารถคว้ามงกุฎ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 เหตุการณ์ก็เหมือนเดจาวูกลับไป เมื่อทางค่ายออกมาทวงสิทธิ์ตามสัญญาอีกครั้ง !!!
แต่ครั้งนี้น่าแปลกตรงที่ว่า ทำไมถึงเพิ่งออกมาเรียกร้องตอนที่ได้รับตำแหน่งใหญ่แล้ว ทั้งที่ก็มีข่าวมาตลอดว่า อิงฟ้า ลงประกวดในเวทีนี้ !!!
เป็นไปได้ไหมว่า ค่ายเพลงมั่นใจว่า อิงฟ้า ซึ่งเป็นตัวเก็งมาตลอด น่าจะไม่พลาดมงกุฎในครั้งนี้ จึงทิ้งเวลาเพื่อจะได้ออกมาเรียกร้องในเวลาที่อีกฝ่ายได้รับการประกาศชัยชนะอย่างเป็นทางการ ซึ่ง – น่า – จะทำให้สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่า
เพราะถือว่าความผิดบังเกิดไปแล้ว !!!!
ขณะที่ในมุมของ อิงฟ้า ก็ไม่สามารถที่จะรอให้ถึงวันสิ้นสุดอายุสัญญา เพราะอายุอานามของเธอก็จะล่วงเลยไปจนแทบจะไม่สามารถเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ได้อีกแล้ว
ที่สำคัญก่อนจะลงประกวด ก็ได้มีการยื่นจดหมายขอยกเลิกสัญญา ที่มองว่าไม่ชอบธรรมนี้ไปแล้ว และทางค่ายก็เงียบเฉยไปเป็นเดือน ซึ่งทางทนายความ ก็ให้คำปรึกษาว่า หากไม่มีการตอบกลับภายใน 30 วัน ก็เท่ากับสัญญาเป็นโมฆะ
แต่ทางค่ายกลับเคลื่อนไหวด้วยการลงประกาศในแฟนเพจของค่าย ที่แทบจะทิ้งร้างไปนานกว่า 3 ปี ระบุว่า
..... อิงฟ้ายังมีสถานะเป็นศิลปิน นักร้อง นักแสดงของบริษัทจนถึงวันที่ 21 กันยายน 2568 ในสัญญาระบุชัดเจนว่าห้ามรับงานแสดงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพิธีกร แสดงละคร-ภาพยนตร์ ร้องเพลง ถ่ายแบบ เดินแบบ หรืองานโฆษณาใด ๆ พร้อมประกาศดำเนินคดีให้ถึงที่สุด.....
**********
“อันนี้หนูเพิ่งรู้นะว่าสัญญามีถึงปี 68 เราก็ต้องสู้ด้วยกฎหมายค่ะ อย่างที่บอกหนูยอมมาหลายครั้งแล้ว แต่ถ้าครั้งนี้หนูยอมอีก หนูคงไม่มีศักดิ์ศรีเพราะว่าหนูสู้ด้วยลำแข้งของตัวเองมาตลอด จนกว่าจะมีถึงทุกวันนี้ แต่ถ้าเขามีส่วนร่วมในการซัปพอร์ตเรา ในช่วงเส้นทางที่เราเดินตามความฝันเรา อันนี้หนูไม่ใช่คนเนรคุณอยู่แล้ว
จริงๆ เนี่ยสัญญามี 10 ปีที่เซ็นไว้ ตอนนั้นหนูยัง 17 หนูไม่มีคู่สัญญาที่เป็นฉบับนะ หนูไม่รู้เลยว่าตามกฎหมายไม่มีคู่สัญญา แล้วมันจะถูกต้องหรือเปล่า และตอนนี้ก็ที่คุยกับพี่นักร้องในค่ายด้วยกัน พร้อมจะช่วยเหลือและเป็นพยานให้เรา และไม่ได้มีแค่เราคนเดียวในค่ายที่ได้รับความเสียหาย”
ต่อเมื่อมีการสืบสาวราวเรื่องไป ก็ปรากฏว่า อิงฟ้า ไม่ใช่คนแรกที่ตกเป็นคู่กรณีกับค่ายเพลง “แสงรวี เอ็นเตอร์เทนเม้นต์”
เพราะเมื่อย้อนกลับไปในปี 2559 ก็พบว่านักร้องหนุ่ม “เอ็ม ธนวัฒน์” เจ้าของซิงเกิล “บ่องตงรักน้องจังเลย” ก็เคยตกที่นั่งเดียวกันมาก่อน
โดยระยะเวลาในสัญญาที่เซ็นไว้กับค่ายนานถึง 10 ปีนั้น กลับมีผลงานเพียงแค่ 1 อัลบั้มกับ 1 ซิงเกิลเท่านั้น
กระทั่งเจ้าตัวตัดสินใจไปทำโปรเจ็กต์เพลงกับค่ายของ “ศิริพร อำไพพงษ์” ก็กลับโดนค่ายเพลงออกมาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายถึง 43 ล้านบาท
สิ่งที่เหมือนกันระหว่าง อิงฟ้า กับ เอ็ม ธนวัฒน์ นอกจากระยะเวลาสัญญาที่ยืดยาว แต่ลับแทบไม่มีผลงาน หรือรายได้ใดๆ เลย ยังพบว่าทั้งคู่ ต่างก็ไม่มีการได้รับ “คู่สัญญา” จากค่ายเพลง ทั้งที่ตามปกติ การเซ็นสัญญาจะเซ็นไว้ 2 ชุด มีข้อความที่ถูกต้องตรงกันทุกประการ ทางค่ายจะเก็บไว้ชุดหนึ่ง ส่วนอีกชุดหนึ่ง จะคืนให้ศิลปินเป็นผู้เก็บ
ก็ไม่รู้ว่าเจตนาที่ไม่มีการให้ “คู่สัญญา” กับศิลปินนั้น มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงหรือไม่ ? อย่างไร ?
**********
“อิงฟ้า วราหะ” เจ้าของมงกุฏมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ปัจจุบันอายุ 27 ปี พื้นเพเดิมเป็นชาวอุทัยธานี เติบโตมาในครอบครัวดนตรี พ่อเป็นมือคีย์บอร์ด ขณะที่แม่เป็นนักร้องลูกทุ่ง
ชื่อของ อิงฟ้า เริ่มเป็นที่รู้จักจากการเข้าร่วมประกวดในรายการ The Voice โดยเป็นลูกทีมของ “โค้ชโจอี้บอย”
มีความสามารถหลากหลาย ทั้งร้องเพลง เต้นรำ เดินแบบ รวมทั้งเป็นหมอทำขวัญนาค ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงว่าสวยที่สุดอีกด้วย
อิงฟ้า เป็นนางงามที่คว้ามงกุฎพร้อมกับประเด็นดราม่าที่ตามมาไม่หยุดหย่อน ทั้งเรื่องของการล็อกตำแหน่ง , ภาษาอังกฤษ ที่ไม่สันทัด , เรื่องของการศัลยกรรม รวมถึงการประกาศตนว่าเป็น LGBT
“หนูไม่ได้ปิดกันเรื่องเพศ ไมได้จำกัดว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ผู้ชาย เป็นทอม เป็นอะไร ก็แล้วแต่ เรียกว่าเป็นไบเซ็กชวลก็ได้ เพราะที่ผ่านมา ก็เคยคบทั้งผู้หญิง ผู้ชาย หรือทอม ความรักไมได้จำกัดเพศ ยึดที่ความสบายใจเป็นหลักมากกว่า”
โดยระหว่างการประกวด อิงฟ้า ก็มีคู่จิ้นร่วมเวทีเดียวกัน คือ “ชาล็อต ออสติน” มิสแกรนด์ชุมพร ที่มักจะมีภาพคู่ในโมเม้นต์ชวนจิ้นปรากฏออกมาให้เห็นกันบ่อยๆ จนกลายเป็นที่มาของแฮชแท็ก #อิงล็อต
ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7-13 พฤษภาคม 2565
