“น้ำตาล พิจักขณา” เผยรัก 10 ปี “ไผ่ พาทิศ” มั่นคงแล้ว ผ่านอาถรรพ์ 7 ปี ยิ่งดีกว่าเดิม ส่วนแพลนวิวาห์ไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่นอน โอดโควิดมันร้าย ทำแพลนหลายอย่างล่ม ธุรกิจล้ม
แป๊บๆ คบกันมานานถึง 10 ปีแล้ว สำหรับ “น้ำตาล พิจักขณา วงศารัตนศิลป์” กับ “ไผ่ พาทิศ พิสิฐกุล” ล่าสุดสาวน้ำตาลเผยว่าทุกอย่างดีขึ้น โตไปด้วยกัน แต่ตอนนี้ยังไม่มีแพลนแต่งงาน เพราะโควิดมันร้าย
“ก็ดีขึ้นค่ะ มันเหมือนสเต็ปชีวิตมันโตไปด้วยกันเรื่อยๆ ตอนนี้ก็เข้าปีที่ 10 แล้วก็ เลยรู้สึกว่ามันค่อนข้างที่จะมั่นคงแล้วค่ะ จุดนอยด์ที่เขาชอบเข้าป่าก็ไม่มีแล้ว อาจจะเมื่อก่อนเราไม่ค่อยเข้าใจว่าแต่ละคนมีความชอบของตัวเอง แต่ละคนอยากจะมีเวลาของตัวเอง เมื่อก่อนเราว่างจากการทำงานเราก็อยากอยู่ อยากใช้เวลาด้วยกัน อยากไปเที่ยว ไปช้อปปิ้ง แต่พอเราเรียนจบ เราทำงาน แล้วเรามีธุรกิจส่วนตัวเป็นของเราเอง เราก็เริ่มโหยหาเพื่อนบ้างแล้ว จากเมื่อก่อนอะไรก็แต่เขา ตอนนี้ก็ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองด้วยเวลาว่างค่อยมาใช้เวลาด้วยกัน
ดูเข้าใจความรัก เหมือนมัน 10 ปีแล้ว ก็ค่อยๆ โตมาด้วยกันเรื่อยๆ ปีแรก ปีสอง ปีสาม อาจจะเป็นอะไรที่หวานแหวว ละมุน แต่มันไม่มีอะไรแบบนั้นแล้ว ตอนนี้จะเป็นผู้ใหญ่ขึ้น อยู่บนความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น”
สวีตมากขึ้น ผ่าน 7 ปี ดีกว่าเดิม
“ความหวานไม่ได้ลดค่ะ ตาลรู้สึกว่าผ่าน 7 ปีมามันดีกว่าเดิม ช่วง 5-7 ปี มันเป็นช่วงที่เหมือนจะไม่ใช่ เหมือนเขามีความชอบเยอะมากยิ่งกว่าประกันชีวิตอีก กิจกรรมคือแน่นมาก เราก็แบบเอ๊ะ เราจะเอาตัวเราไปแทรกตรงไหนดี ถ้าอยากมีช่วงเวลากับเขา ก็ต้องเอาตัวไปอยู่กับกิจกรรมของเขา เราเลยรู้สึกว่าเหนื่อยกับการพยายาม แต่พอเริ่มได้ปรับกัน ก็เข้าใจเขามากขึ้น เขาเองก็เข้าใจเรามากขึ้น เราเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น และสิ่งที่เขาชอบมากขึ้น ทำให้ตอนนี้มันไม่ได้มีปัญหาอะไร แล้วพอมันผ่านตรงจุด 7ปี เหมือนเขาคิดอะไรของเขาได้ก็ไม่รู้ มันดียิ่งขึ้นกว่าเดิมเยอะมากๆ เขาเข้ามาอยู่ในโลกของเราบ้าง เหมือนเราก็โตขึ้นด้วย ก็เลยเข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง”
โทษโควิด ไม่เป็นไปตามแผน ธุรกิจบางอย่างก็ล้ม
“อันนี้ต้องโทษโควิด อะไรที่มันควรจะมั่นคงได้แล้ว หรือชีวิตเรา เราวางแผนไว้มันไม่ได้เป็นไปตามนั้น คือเราเคยอยู่ในครอบครัวที่มีความมั่นคงมาก แต่พอมาวันหนึ่งทางบ้านเกิดปัญหา เราเลยรู้ว่าชีวิตเราไม่มั่นคง เราต้องสร้างรากฐานให้ชีวิตเราเองให้มั่นคงก่อน ตอนโควิดตาลทำธุรกิจ เพิ่งเริ่มทำ บางอย่างก็ดี บางอย่างก็ล้ม เราเลยรู้สึกว่าเราต้องยืนบนขาตัวเองให้ได้ก่อน แล้วค่อยพูดถึงเรื่องครอบครัว ถ้าวันหนึ่งเราแต่งงาน มันจะไม่ใช่แค่เธอกับฉันแล้ว มันจะเป็นการโฟกัสที่ครอบครัวของเรา ซึ่งเรารู้สึกว่าเรายังไม่สามารถรับผิดชอบตรงนี้ได้
ส่วนที่มองว่าเหมือนปล่อยภาพพรีเวดดิ้งออกมา จริงๆ โกรธมาก เพราะว่าเราไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปถ่ายกันบ่อย เราไปถ่ายงาน เลยอยากเก็บไว้ กะไว้วันเกิดเลย ภาพดีๆเก็บไว้ก่อน เขาก็ได้รูปปุ๊ลงปั๊บ ตาลเลยแบบว่าโอเคเดี๋ยวคงต้องลงแล้วกันเพราะถ้าช้ากว่านี้ก็ช้าไปแล้ว ส่วนแคปชั่นเขาที่บอกว่า You’re my sunshine คืออย่างที่บอกว่าช่วงนี้เห็นเรายิ้มๆ เฮฮาหัวเราะ แต่ตัวของตาลเองมีอะไรที่ทำเยอะแยะหลายสิ่ง ก็อาจจะเหมือนเป็นกำลังใจให้กันด้วย ช่วงนี้มันลำบาก ตาลว่ามันไม่ใช่แค่ตาลหรอก ไม่ว่าจะธุรกิจ ชีวิต สุขภาพ มันอยู่บนความเสี่ยงหมดเลย แต่ก็โชคดีมีเขาให้กำลังใจตลอด”
กลับมาตั้งต้นใหม่
“ใช่ค่ะ คือถ้าทุกอย่างมันเป็นไปตามคาดหวังไว้มันก็จะง่าย แต่ตอนนี้ปัญหามันไม่ได้เกิดจากเราสองคนแล้ว มันเกิดจากอะไรหลายๆ อย่างที่ยังไม่มั่นคง แต่ส่วนตัวเราสองคนเองไม่มีปัญหากัน แล้วเขาเป็นคนที่ไม่เคยมีปัญหากับตาลเลย เป็นคนที่ทะเลาะด้วยแล้วไม่สนุก เขายอมมาก ไม่เคยโกรธเลย เลยรู้สึกว่าทะเลาะด้วยไม่สนุกแล้ว เราไม่แพลนมันยากมาก รู้สึกเฟลมากกว่า พอเราวางแผนไว้แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ แล้วไม่ได้ตามนั้นเราจะรู้สึกเฟล ทุกวันนี้เรารู้สึกโอเคมากๆ แล้วค่ะ”
ไม่มีเซอร์ไพรส์ในช่วงนี้แน่นอน
“คุยกันแล้ว คืออาจจะไม่ได้เซอร์ไพรส์ในช่วงระยะเวลาใกล้ๆ นี้ เมื่อก่อนเรากลัวมาก เวลาเขาชวนไปไหน เพราะเพื่อนนางก็ขู่ตลอดว่าระวังนะ ต้องแต่งตัวดีๆ นะ ช่วงหลังๆ เพื่อนๆ ก็ชอบมาเที่ยวด้วยตลอด เราก็มีความระแวงหลังตลอดทุกทริป แต่เราก็บอกเขาไว้ก่อนว่าอย่าเพิ่ง คือเราอยากเซอร์ไพรส์แล้วก็เป็นเรื่องของความรักเลย อยากให้ทุกอย่างลงตัวก่อน คือมันมีหลายเรื่องให้โฟกัสเยอะมาก (ขอก่อนค่อยแต่ง?) ขอก่อนได้เหรอ งั้นก็แล้วแต่แล้วกัน”
ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าแต่สักอายุ 30 แต่ปีนี้ก็ 31 แล้ว ด้วยอะไรหลายๆ อย่างที่มันยังไม่ลงตัว ธุรกิจที่เราคาดหวังไว้ว่ามันควรจะดี ก็ปิดยาวไปเลย 6 เดือน หรือบ้านที่ดู มันเลื่อนแพลนไปหมดเลย เราก็มีความรู้สึกว่าเรามาฮึดใหม่ ต้องย้อนเวลากลับไป เรามาตั้งต้นกันก่อน พอมั่นคงปุ๊บ ก็โอเคโฟกัสที่ครอบครัวเลย เรื่องบ้านก็คุยไว้ด้วยกัน ก็ไปดูค่ะ ของเขาเองก็มีปัญหาของเขา หมายถึงโครงการบ้านนะคะ ส่วนธุรกิจของเรา เราก็ต้องโฟกัส เพราะเรายังมีคนข้างหลัง มีลูกน้องต้องดูแล
ถามว่าเขาส่งสัญญาณอะไรไหม คือเขาคุยตลอด ตอนนี้เขาไม่ได้ไปงานแต่งเพื่อน แต่เขาไปงานวันเกิดลูกเพื่อนแล้ว แล้วเขาก็มีฟีลว่าเมื่อไหร่ ทำไมนานจัง จะ 40 แล้ว เราก็เข้าใจ ขอแป๊บเดียวไม่นาน เขาบอกว่าตาล ยังไปงานแต่งเพื่อน แต่เขาไปงานวันเกิดลูกเพื่อนแล้ว ก็สงสารเขาโควิดมันร้ายค่ะ”
