xs
xsm
sm
md
lg

“ป๊อก” รู้ซึ้งความสุขคืออะไร เปลี่ยนตารางชีวิตหลังผ่าตัดสมอง ขอบคุณ “มาร์กี้” คอยอยู่ข้างๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ป๊อก ภัสสรกรณ์” อัปเดตผ่าตัดเนื้องอกในสมอง ผ่านมา 6 เดือนแฮปปี้ดี แต่ต้องติดตามอาการอยู่ ตอบไม่ได้จะเป็นอีกได้ไหม ตารางชีวิตเปลี่ยน รับงานได้ไม่เท่าเมื่อก่อน กลัวมีผลกระทบกับวง แต่เคลียร์กันเข้าใจแล้ว ตอนรู้ตัวเป๋ไปไม่เป็น รีบเซ็นพินัยกรรมให้ลูกและภรรยา มองในแง่ดีทำให้รู้ความสุขคืออะไร ไม่กัดดันคุณพ่ออยากได้หลานเพิ่ม ส่วนตัวคิดว่าแค่นี้พอแล้ว

ได้ฤกษ์กลับมารับงานอีเวนต์อีกครั้ง สำหรับแรปเปอร์หนุ่ม “ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์” หลังต้องเข้าผ่าตัดเนื้องอกในสมองอย่างเร่งด่วน ไปเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว โดยล่าสุดวันนี้ (3 พ.ค.) ในงาน B Autohaus The World of Automotive เจ้าตัวก็ได้อัปเดตอาการให้ฟังว่า ตอนนี้แฮปปี้ดี ดูแลตัวเองมากขึ้น แต่ก็ยังต้องฟอลโลว์อัปกับคุณหมออยู่ เพราะไม่รู้จะกลับมาเป็นอีกได้ไหม

“ตอนนี้ครบ 6 เดือนเต็มแล้ว ถ้าเอาจากสภาพของตัวเอง ผมรู้สึกดีขึ้น ไม่มีอาการปวดหัวอีกแล้ว รู้สึกว่าตัวเองดูแลตัวเองได้ดีขึ้น เฮลท์ตี้มากขึ้น พยายามนอนเร็วขึ้น แล้วก็นอนได้เยอะขึ้น เป็นอะไรที่รู้สึกว่ามันทำให้ร่างกายสดชื่นโดยบริยาย ออกกำลังกายทุกเช้าก็รู้สึกดี แต่ผมยังเหลือฟอลโลว์อัปอีกครั้งหนึ่ง ตารางชีวิตมันเปลี่ยนไปหมดเลยครับ จริงๆ ต้องบอกว่างานนี้เป็นงานแรกที่ผมได้กลับมารับด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้ไม่ได้รับงานเลยครับ พักผ่อนเต็มที่ ทำแค่งานภายใน ก็ห่างเหินไปนาน กลับมาก็ตื่นเต้นครับ เฟรชดี ชอบ

ช่วงพักฟื้นช่วงแรกเลย มันจะมีอาการที่ตามมาจากการผ่าตัดอยู่แล้ว เราไม่ได้แข็งแรงทันที ก็กังวลเรื่องสภาพของตัวเองมากกว่าตอนนั้น ว่าจะเป็นอย่างนี้อีกนานไหม เราจะไหวหรือเปล่า เพราะว่าผมก็ไม่เคยผ่านประสบการณ์นี้มาก่อน แล้วก็ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นอะไรยังไง แต่ก็ผ่านมาได้ดี โอเคมากครับ แฮปปี้มากครับ

ถามว่าจะมีโอกาสกลับมาเป็นอีกได้ไหม ของพวกนี้จริงๆ แม้แต่คุณหมอเอง ก็ยังพูดไม่ได้ ไม่มีใครบอกได้ ว่ามันจะกลับมาเป็นได้อีกไหม อันนี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่เรายังต้องมีการฟอลโลว์อัปกันอยู่ ครั้งหน้าจะสแกน MRI อีกรอบหนึ่ง เพื่อไปดูว่าที่ผ่าตัดไป ทุกอย่างมันดีขึ้น ไม่มีอะไรกลับมาแล้วใช่ไหม แต่ทุกวันนี้คุณหมอเอง ยังไม่อยากบอกว่าผมว่าห้ามอะไรไม่ห้ามอะไร ให้ผมเป็นปกติของผม แต่เรารู้อยู่แล้ว ว่าแต่ก่อนเรานอนไม่พอนะ เราก็ต้องพยายามนอนให้พอ กินให้ดี พยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำได้ไปก่อน แต่อะไรที่ทำไม่ได้หมอก็บอกอย่าเพิ่ง เขาอยากจะดู ว่ามันมีอะไรบ้าง”

ไม่อยากให้วงได้รับผลกระทบ แต่ก็ห่วงสุขภาพ เลยพยายามรับให้ได้ประมาณหนึ่ง
“เรื่องเวลาก็เป็นที่ถกเถียงในวงของผม เพราะด้วยสุขภาพของผมเอง อันนี้ผมก็อึดอัดนิดหนึ่ง เราไม่อยากให้มีเอฟเฟกต์กับพวกเขาทั้งหลาย ก็อยากจะรับให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ด้วยสุขภาพของผมเอง มันก็ได้ประมาณหนึ่ง อาจจะทำเหมือนแต่ก่อนเป็นไปไม่ได้แล้ว ก็เอาเป็นว่าคุยกันทุกคนเคลียร์ เข้าใจตรงกัน

เมื่อก่อนถ้าให้เล่า คือสมมติว่าผมถ่ายงานกลางวัน 2 งาน ผมต้องบินไฟลต์สุดท้าย เพื่อจะไปเล่นที่ต่างจังหวัด ซึ่งก็เล่นเป็นคิวสุดท้ายของร้าน เพราะตามปกติเขาก็อยากให้เราอยู่นานที่สุด พอเล่นเสร็จกว่าจะได้นอนจริงๆ ก็ตี 4-5 ไฟลต์แรกผมก็ต้องกลับแล้ว มันก็ไม่ค่อยพอครับ การพักผ่อนน้อย กินไม่ดี ทุกอย่างมันก็เป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้มันเป็นร่วมกัน ทำให้สุขภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

ผ่านจุดที่กลัวที่สุดมาแล้ว รู้สึกขอบคุณที่ทำให้ได้รู้ว่าความสุขคืออะไร ต้องบาลานซ์ชีวิตยังไง
ผมว่าผมผ่านจุดหนึ่งที่ผมกลัวสุดๆ ไปแล้ว อันนั้นคือเป็นอะไรที่คิดไม่ออกเลย ผมนึกกับตัวเองว่าที่ผ่านมาทำอะไรอยู่วะเนี่ย มันทำให้ผมเห็นว่าชีวิตเรา อะไรคือสิ่งเรามีความสุข ซึ่งสิ่งเหล่านี้แต่ละคนไม่ทีทางเหมือนกันเลย แต่ผมเองคือภรรยากับลูกของผม ลูกเพิ่ง 3 ขวบเอง แล้วมาเกิดเรื่องแบบนี้ ผมเป๋เลยครับ ยอมรับเลย

ผมแอบคิดว่ามันเกิดขึ้นเร็ว แต่ถ้าให้ผมคิดในแง่ดี ผมขอบคุณมาก ที่สิ่งนี้มันเกิดขึ้น เพราะว่าตอนนี้ผมตีว่านี่คือครึ่งชีวิตของผมแล้ว หลังจากนั้นจะใช้ชีวิตให้มีความสุขให้ได้มากที่สุด เพราะสิ่งๆ นี้มันสอนเราแล้ว ว่าความสุขของเรามันคืออะไร เหตุการณ์นี้ทำให้ผมเห็นความสำคัญของผมแล้ว ว่าความสุขของผมคืออะไร เราต้องบาลานซ์ชีวิตยังไง ให้เราอยู่ให้ได้นานที่สุด

กับลูกๆ เขาอาจจะยังเด็กมาก เขาเข้าใจว่าผมไม่สบาย คุณหมอรักษาให้ที่หัว เขายังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น ส่วนภรรยาผมเองเนี่ย ต้องบอกเลยว่าขอบคุณมากๆ ครับที่มีเขา ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าจะผ่านเหตุการณ์ตรงนี้ยังไง ถ้าไม่มีเขา ผมนึกภาพไม่ออกเลย ก็เป็นอะไรที่ซึ้งจริงครับ”

ตัดสินใจทำพินัยกรรมให้กับลูกและภรรยา หลังรู้ว่าต้องผ่าตัด
“จริงๆ ตั้งแต่ผมรู้เรื่องนะครับ ก็ตัดสินใจเลย เพราะอย่างที่บอกแหละ ผมพยายามคิดว่าสิ่งนี้ ผมขอบคุณมันนะ ที่ทำให้ผมได้เปลี่ยนชีวิตผม ให้มันไปในทางที่ดีขึ้น แล้วก็รู้จักดูแลสุขภาพของตัวเอง เพราะสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งหลายๆ คนรวมถึงผมเอง ถ้ามันไม่เกิดผมคงไม่นึกถึงเขาและมองข้ามเขา ก็ต้องขอบคุณมาก ผมก็อยากจะแชร์นิดหนึ่ง อยากให้ทุกคนพยายามหาความสุขให้ได้มากที่สุด เราควรจะมีความสุขให้มากที่สุด แต่ต้องเป็นความสุขที่ไม่ได้ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน ชีวิตเรามันไม่มีอะไรแน่นอนเลย เราควรจะเอ็นจอยกับมันเยอะๆ ครับ”

มีเหนื่อยง่าย เล่น 4 เพลงก็หอบแล้ว
“แต่กลับมาก็มีหอบเหมือนกันครับ เล่นได้แค่ 4 เพลงเอง มาร์กี้ก็ไม่ได้ขออะไร เขาก็อยากให้เราเป็นเราเหมือนเดิม ก็พยายามจะเป็นตัวเองให้ได้ แต่ก็อย่าลืมเรื่องสุขภาพของตัวเองครับ ดูแลบาลานซ์กันไป”

คุณปู่อยากมีหลานเพิ่ม ตามนิสัยของคนจีน
“โอ้โห…(หัวเราะ) ผมว่ายังไม่ถึงเวลาครับ ทุกวันนี้ก็แฮปปี้ดี แอบรู้สึกว่าสองคนก็กำลังสะดวก ผมคนหนึ่ง มาร์กี้คนหนึ่ง เรายังช่วยกันได้ ถ้าเกิดมีเยอะ ไม่รู้ว่าจะดูแลกันไหวหรือเปล่า สองคือสำหรับผมแอบรู้สึกว่า อยากให้ความสำคัญกับเขามากที่สุด คือคุณพ่อไม่ได้ให้เหตุผล แต่ด้วยความที่คุณพ่อเป็นเชื้อสายจีน ก็ชอบมีเยอะๆ อยู่แล้ว ชอบให้มีคนรายล้อมเยอะๆ อยู่กันเป็นปึกแผ่น”

ครอบครัวไม่ได้กดดัน แค่แซวๆ อยากให้มีเพิ่ม
“ไม่มีอะไรกดดันเลยครับ โอเคมากๆ ที่บ้านทั้งสองฝั่งก็เข้าใจกันมาตลอด แฮปปี้ดีครับ ส่วนใหญ่จะมีแค่แซวแหละ คือเขาก็อยากให้ได้เพิ่ม แต่ก็แล้วแต่เราครับ ถามว่าภรรยาเราพร้อมไหม ก็ยังไม่ได้คุยกันเลยครับ ผมว่าเขาก็น่าจะคิดเหมือนๆ กัน ว่าประมาณนี้น่าจะโอเคแล้ว เราดูแลเขาสองคนให้เต็มที่น่าจะดีกว่าครับ”

เลี้ยงลูกเหนื่อยแต่สนุก เหมือนได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน
“ในวัย 3 ขวบ ทุกวันนี้ผมก็ทึ่งกับพัฒนาการของเขาค่อนข้างมากเหมือนกันครับ ด้วยความที่เป็นครั้งแรกของการเป็นพ่อด้วย ก็เหมือนเราโตไปพร้อมๆ กัน ได้เห็นการเติบโตของเขาไปพร้อมๆ กัน บางอย่างผมก็ไม่รู้ ว่ามันควรจะเป็นยังไง แต่เราเห็นเราก็มีความสุข ได้เห็นเขาโตมาด้วยกัน เลี้ยงลูกเหนื่อยแต่สนุก วันไหนไม่มีพี่เลี้ยง เราต้องเคลียร์ตารางให้ดี เพราะไม่งั้นจะไม่ได้ทำอะไรกันเลย”

มีแพลนจัดทริปเที่ยวต่างประเทศ
“มีครับ อย่างล่าสุดผมไปอเมริกามา ก็เป็นทริปแรกที่อยู่กันยาวที่สุดเลย ปกติเราจะไปแป๊บๆ แล้วกลับมา แต่อันนี้คือเปลแล้ว จากการที่ผมไปอยู่โรงพยาบาลมา ก็ลองดูไปอยู่กันเลย 1 เดือน เป็นครั้งแรกที่อยู่ที่เดียว เมืองเดียวเลย ไม่ได้ย้ายสถานที่เลย ก็สนุกแฮปปี้ดีครับ”

จากนี้จะดูแลตัวเองให้ดีเพื่อลูกและภรรยา
“ครับผม ต้องพยายามทำให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะได้ แต่จะไม่ทำงานเลยมันก็เป็นไปไม่ได้ เฉาพอดี (หัวเราะ) ตอนนี้ผมให้ทั้งสองทีมที่ทำงานร่วมกันอยู่ คุยเรื่องตารางกัน ถ้าอันไหนรับได้ รู้สึกว่ามันไม่หนักหนาจนเกินไป ก็พยายามที่จะทำได้ครับ สมมติว่าเป็นตารางงานแบบเมื่อก่อน ผมว่ามันเหนื่อยเกินไป หลังจากนี้จะดูสุขภาพตัวเองให้ดีครับ ขอบคุณที่มาเตือนเรา ว่าต้องเปลี่ยนแล้ว”









กำลังโหลดความคิดเห็น