“อาย วราไพรินทร์” ขึ้นแท่นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่ไม่ได้ท้องก่อนแต่ง แค่อุปการะเด็กมาเลี้ยงเป็นลูก รับข่าวไปไกลจนเครียด ไม่กล้าคอมเมนต์ตอบใคร เชื่อครอบครัวเข้าใจ เตือนสาวไทย ไม่ใช่ทุกเคสที่โชคดีได้เป็นสะใภ้อาหรับแล้วรวยเป็นมหาเศรษฐี
ตกเป็นข่าวสะเทือน หลังถูกลือว่าขึ้นแท่นเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ซุกลูกที่ดูไบ เตรียมหอบลูกกลับไทย สำหรับ “อาย วราไพรินทร์ ธนวริสพร” ล่าสุดเจ้าตัวออกมาชี้แจงเปิดใจข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ในงานสัมนาในหัวข้อ “เปิดตลาดอภิมหาเศรษฐีบ่อน้ำมัน 2022” ณ โรงแรม อัล มีรอซ ห้อง แกรน มีรอซ กรุงเทพ ( Al Meroz Hotel ) ซอย รามคำแหง 5 ยอมรับว่าข่าวทำเครียด จนไม่กล้าตอบคอมเมนต์ใคร
“เรื่องมีลูก ก็คิดไว้ว่าอีกสองเดือนก็กำลังจะมีแล้วค่ะ ต้องบอกก่อนว่าจริงๆ การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมันก็เป็นการที่เกิดขึ้นได้ไม่ยากในปัจจุบันอยู่แล้ว ผู้หญิงที่สามารถเลี้ยงดูลูกตัวเองได้คือน่าจะเป็นคนที่สามารถดูแลตัวเองได้ แล้วก็ด้วยผู้หญิงสมัยนี้ค่อนข้างที่จะสตรองขึ้นและอีกอย่างหนึ่งด้วยความที่เขาเป็นผู้หญิงก็จะมีทั้งความสตรองและความอ่อนโยน อายเชื่อว่าเด็กก็จะได้รับทั้งสองอย่างก็คือสร้างความเข้มแข็งและความอ่อนโยน
และต้องบอกก่อนนะคะว่าอายไม่ได้ท้องเองเหมือนที่เป็นข่าว คือเด็กเกิดจากการที่เรารับอุปการะที่เราไปต่างประเทศ จริงๆ เราได้มีการอุปการะหลายๆ คนอยู่แล้ว แต่ว่าพอสุดท้ายเด็กคลอดออกมาแล้ว คุณแม่เขาอิน เขาก็ไม่ยกให้เรา เราก็ไม่ได้ไปคาดหวังว่าเขาจะยกหรือไม่ยก แต่ในส่วนของเรา เรามีโอกาสได้ช่วยก็เท่านั้นเอง เพราะเราไม่เห็นด้วยในการที่จะทำแท้ง
อย่างของน้องที่เป็นเคสนี้ เนื่องจากคุณแม่ของเขาได้มีการติดต่อเข้ามาแล้วได้คุยกับอายในลักษณะที่ว่า ถ้าพี่อายรับน้องและอินกับน้องจริงๆ เขาจะยกให้ และถ้าเกิดอายไม่รับเด็กคนนี้ เขาอาจจะไม่ได้เกิดมามีชีวิต เราก็เลยรู้สึกว่าด้วยตัวของเรา เรามีความตั้งใจอยู่แล้วที่อยากจะมีลูกพอดีภายในสองปีนี้ แล้วก่อนหน้านี้ก็มีความคิดอยากจะทำอุ้มบุญ แต่ติดปัญหาอยู่เหมือนกัน เนื่องจากว่าคนที่จะมาอุ้มบุญให้เรา ไหนจะเรื่องของกฎหมายหรือคนที่เราจะไปขอน้ำเชื้อเขามา อายมองว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากขึ้นไปอีก อายเลยลดความคาดหวังของตัวเองลงทั้งหมด ตอนนี้จะเป็นลูกที่เกิดจากเรา หรือลูกที่เกิดจากใครก็ตามแต่ในวันนี้ เรามีความพร้อมที่อยากจะเป็นคุณแม่ หรือเราอยากจะมีลูก ก็เลยไม่คาดหวัง แล้วก็จะรักเด็กคนนี้แบบไม่มีเงื่อนไข เราจะไม่คาดหวังว่าเขาจะรักเรามากแค่ไหน หรือวันนึงเขาจะกลับไปหาคุณแม่จริงๆ ของเขาหรือเปล่า
คือเด็กคนนี้เป็นลูกของผู้หญิงไทยกับชาวซาอุดิอาระเบีย ซึ่งคุณพ่อของเขาไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบ แล้วตัวคนแม่เขามีลูกเล็กอยู่แล้วหนึ่งคน และเขาเองก็คิดว่าอยากจะเอาลูกคนแรกที่เขามีมาเลี้ยงที่ประเทศไทย แต่เขาไม่พร้อมที่จะเอาลูกคนที่กำลังตั้งท้องมาดูแลเอง รวมถึงเขาเห็นว่าอายตั้งใจอยากจะมีลูกอยู่แล้ว อายอาจจะไม่ได้รู้จักสนิทกับผู้หญิงคนนี้ดีมากนัก แต่พอสืบสาวกันไปแล้ว เขามีโอกาสได้มาเจออายที่ร้าน ซึ่งอายมีร้านอยู่ที่ประเทศบาห์เรนเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต คือเขาเข้ามาแล้วเขารู้จักกับพนักงานของเรา มันก็เลยทำให้มีความลึกซึ้งมากกว่าเคสอื่นๆ ที่เข้ามาขอความช่วยเหลือที่ไม่ได้เป็นคนใกล้ตัวอายขนาดนั้น
ส่วนการจดรับรองตามกฎหมายต้องรอให้เด็กคนนี้คลอดออกมาก่อนค่ะ ตอนนี้ก็มีการดูแลเพราะว่าก็อีกประมาณ 6-7 เดือน ถ้าเกิดคลอดออกมาแล้ว และคุณแม่เขายังยืนยันเหมือนเดิม ทางอายก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าคลอดออกมาแล้วไม่ยินยอมให้ลูกเราเหมือนที่พูดไว้ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าอายไม่กังวลนะคะ คือมันก็หลายเสียงที่เข้ามาเหมือนกัน แต่อายเชื่อว่าถ้าอายไม่คาดหวังตั้งแต่ตอนนี้ หมายถึงถ้าเขาอินกับลูกมันก็เป็นเรื่องที่ดี ถ้าการที่เขาเชื่อมั่นว่าเขาสามารถเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวได้อย่างที่อายก็อยากจะเป็นเหมือนกัน แล้วเขาอยากจะเลี้ยงลูก อยากจะรักลูก อายคิดว่าตรงนี้อายไม่ติดนะ”
ยังไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะต้องกลับไทยเสียก่อน
“คือเขาพร้อมเซ็นตั้งแต่วินาทีที่อายเจอเขาเลย แต่ยังไม่ได้เซ็นเพราะว่าอายจะต้องกลับไทยมาก่อน แล้วก็มีทีมงานอายที่ช่วยดูแลเขา เคลียร์เรื่องปากท้อง ซึ่งตอนนี้เป็นสัญญาใจ ก็มีการซัปพอร์ต มีพวกค่าหาหมอ ค่าบำรุงต่างๆ ค่ะ ซึ่งทางแม่ของเด็กก็จะมาเบิกเป็นงวดๆ ที่ผ่านมาก็ครั้งละหลักหมื่นค่ะ ซึ่งอายก็จะดูแลในส่วนตรงนี้ทั้งหมด รวมไปถึงค่าคลอดด้วย”
ไปใช้ชีวิตที่บาห์เรน 3 ปี พบปัญหาผู้หญิงไทยที่มีบุตรแล้วฝ่ายชายไม่รับผิดชอบเยอะมาก
“จริงๆ คือเยอะมากๆ เลย คือบางเคสก็ทิ้งเด็ก บางเคสก็ทำร้ายเด็ก จนกฎหมายท้องถิ่นออกมาว่าถ้าเกิดมีการทำแท้งจะถูกจำคุก เรื่องนี้เลยหยุดไป ซึ่งอายไม่อยากเห็น เพราะอย่างเคสล่าสุดที่อายไปเห็นก็จะมีเคสหนึ่งที่เด็กออกมาแล้ว แล้วเขาทิ้งเลย แล้วเราทำงานกับสถานทูตอยู่แล้ว เราก็รู้สึกเป็นห่วงเรื่องนี้ ทางสถานทูตเองก็บอกว่ารับผิดชอบได้ในส่วนที่ทำได้เท่านั้นนะ อายเข้าใจเขานะคะ ก็กลายเป็นว่าเคสไหนที่เขาพอรู้จักอาย ก็อาจจะขอความช่วยเหลือ แต่ว่าเราก็ยินดีที่จะช่วยอย่างสมเหตุสมผล ด้วยกำลังที่เราสามารถทำได้
แต่ไม่ใช่ทุกเคสที่เราจะสามารถรับเลี้ยงได้ขนาดนี้ ส่วนเคสที่น่าห่วงมากๆ ก็อาจจะเป็นเคสที่เด็กเกิดมาแล้วคุณแม่ไปต่ออะไรไม่ได้เลย แล้วไม่รู้จะไปต่อยังไง แล้วถ้าเกิดว่าทางคุณพ่ออาหรับหรือคุณพ่อต่างชาติไม่ได้ลงเอยถึงขั้นแต่งงาน ซึ่งจริงๆ แล้วผู้ชายกับผู้หญิงอาจจะรักกัน แต่ด้วยครอบครัวสังคมและศาสนาด้วยหลักของเขาอาจจะไม่เห็นด้วย ก็อาจจะส่งผลให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าผู้หญิงไทยจะไปทำงานที่ต่างประเทศ ต้องระวังเรื่องนี้ให้ดี มันไม่ง่ายที่จะโชคดีทุกคนที่จะสมหวังในเรื่องของความรัก
ส่วนเรื่องการคลอดน้อง คลอดที่บาห์เรนหรือว่าประเทศไทย เรื่องนี้อายให้คุณแม่เขาเป็นคนตัดสินใจค่ะ เพราะว่าอายพร้อมซัปพอร์ตเขาอยู่แล้ว ซึ่งเราก็มีทั้งสองแผนที่แพลนไว้หมดแล้ว เหลือแค่ว่าคุณแม่เขาสะดวกแบบไหน ส่วนเรื่องการได้สัญชาติที่นั่น อาจจะไม่เกิดขึ้นเพราะว่าจะต้องมีคุณพ่อมารับเซ็นค่ะ เพราะถ้าคุณพ่อมาเซ็นจะผิดกฎหมายทันที เพราะว่ากฎหมายที่โน่นจะเป็นแบบนั้น ถ้าเขาไม่แต่งงานกันเขาจะเซ็นไม่ได้"
ไม่กล้าคุยกับคนในครอบครัว
“จริงๆ อายคุยกับตัวเองนะ ยิ่งมามีข่าวแบบนี้ก็นั่งคุยกับตัวเองเยอะขึ้น ก็จะมีทั้งคนที่เป็นห่วงอาย คนในครอบครัวที่บางท่านอายยังไม่กล้าคุยเลยตอนนี้ อายมองไว้ว่าอาจจะต้องลดความคาดหวังก่อน เพราะว่าทุกเสียงที่เข้ามาในตอนนี้ก็จะบอกว่ากลัวนั่นไหม กลัวนี้ไหม จากตอนแรกที่อายไม่ได้กลัว แต่พอฟังเยอะๆ อายกลัว เพราะฉะนั้นอายเลยลดความคาดหวังทั้งหมดเลยค่ะ อย่างที่บอกว่าความตั้งใจ คืออายอยากจะช่วยเขา เพราะอายอยากมีลูกอยู่แล้ว ก็จะรักคนคนนี้อย่างไม่มีเงื่อนไขแล้วกันค่ะ เขาอยากเป็นอะไรก็ให้เขาเป็น ถ้าสิ่งที่เขาเป็นมันไม่ได้ไปสร้างปัญหาอะไรก็คือจบ ให้อิสระเขา
กระทั่งตัวอายการตัดสินใจของอายครั้งนี้ยังไม่เคยถามคุณพ่อคุณแม่เลย เพราะว่าอายก็รักในอิสระของอายเช่นกัน เพราะอายรู้สึกว่าคนเราเติบโตมาไม่เหมือนกัน อย่างตอนนี้คนโดยทั่วไปอาจจะมองว่า ทำไมไม่แต่งงาน มีครอบครัวก่อนค่อยมีลูก แต่ชีวิตของอายมันไม่สามารถดีไซน์แบบนั้นได้ในสถานการณ์ ณ ปัจจุบันในวันนี้ เพราะอายยังไม่เจอคนที่รู้สึกจะเป็นคู่ชีวิตอายได้ในขนาดนั้น และอายไม่อยากจะเอาความอยากมีลูกของอาย ไปเป็นภาระให้กับผู้ชายที่เขาก็ยังไม่ชัวร์ อายก็ยังไม่ชัวร์ มันอาจจะทำให้เป็นปัญหามากกว่าเดิม
ลูกคนนี้ก็เลยจะเป็นแค่ความรับผิดชอบของอาย อายก็เลยแพลนไว้แค่ว่าถ้าเกิดคลอดออกมาแล้วสิ่งที่เป็นสัญญาใจในวันนี้ คุณแม่ของเขาโอเคและยืนยันแบบนั้น แสดงว่าเด็กคนนี้คงมีบุญสัมพันธ์กับอายที่จะได้รับเป็นลูกของอาย แล้วอายก็จะไม่ปิดบังอะไรเขา จะไม่ไปทำอะไรที่คนอื่นทำกัน อายจะไม่ห้ามให้ลูกเจอแม่ คือจะให้เขาได้เจอกันถ้าเขาอยากจะเจอ เพราะถ้าสุดท้ายเราปิดกั้นให้เขาไม่เจอกันแล้วถ้าเขาหนีไปเจอกันคนที่ทุกข์ก็คือเรา ซึ่งถ้าคุณแม่เขามีความประสงค์ว่าคลอดแล้วไม่อยากเจอเด็กอีก อายเข้าใจนะเพราะเขาก็พูดเรื่องนี้ ว่าถ้าคลอดแล้วยกให้พี่อายเลยได้ไหม เขาไม่อยากเจอเพราะกลัวจะอินกับลูก สำหรับอายคือได้หมด ตอนนี้ไม่คาดหวัง”
ตอบยากหากอีกฝ่ายอยากได้ลูกคืน
“ตอบยาก จุกเหมือนกันนะ อายคิดว่าเรื่องเอกสารสัญญาเราคงต้องทำให้รอบคอบ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้มันมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ก็ถ้าเด็กคนนี้เขาไม่อินกับอายเท่ากับคุณแม่ของเขา มันก็คงทำอะไรไม่ได้ ฉะนั้นก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นตัวอายเองต้องไม่คาดหวังอย่างแท้จริง เพราะจริงๆ แล้วอายแค่อยากจะช่วยคน แล้วตัวเองก็ได้มีลูก แต่ถ้าลูกคนนี้เราไปคาดหวังว่าเขาจะต้องมาเลี้ยงอาย จะต้องมาอยู่กับอาย อายว่ามันน่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ทุกข์ตั้งแต่ตอนเริ่มแล้ว อายจะให้อิสระกับเขามากที่สุด มันก็มีหลายเสียงที่เข้ามาทำให้อายเป๋เหมือนกันนะ และอายก็รู้ว่าครอบครัวก็ห่วงอาย ก็เลยอยากทำทุกอย่างให้เคลียร์ เลยต้องรีบออกมาพูด เพราะพอข่าวออกไป อายไม่กล้าตอบคอมเมนต์ใครเลย เพราะเราเห็นทั้งความรัก ความหวังดี อายก็รู้สึกได้ถึงสิ่งเหล่านั้นเลยอยากจะรีบมาพูดค่ะ
น้องคลอดประมาณก.ค.- ส.ค. ค่ะ ไม่เกินนี้ น้องเป็นผู้หญิงค่ะ คุณตาคุณยายยังไม่ทราบเรื่องนี้เลยค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้คนแรกที่อายบอกก็คือคุณป้าที่เลี้ยงอายมาตั้งแต่เด็ก คนนี้น่าจะเซนซิทีฟกับอายมากกว่าคุณพ่อคุณแม่เสียอีก อายก็เลยต้องรีบบอกเขา ซึ่งคำตอบของเขากลับมาเป็นสติ๊กเกอร์ ก็คือยังไม่ได้พูดอะไร แล้วอายก็ไม่กล้าโทร.หา อายรอวันนี้ เพราะมันเหมือนปลดปล่อย เพราะก่อนหน้านี้เครียดมาก”
แถลงข่าวเพราะอยากยืนยันว่าไม่ได้ท้องก่อนแต่ง
“ใช่ค่ะ อายเชื่อว่าที่บ้านอายเขาก็คงรู้ว่าอายไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดี คือไปทำงานจริงๆ แหละ แต่พอข่าวออกมาอายห่วงเสียงที่จะไปถามเขามากกว่า เลยต้องรีบออกมาพูด ถามว่าเราพร้อมเป็นแม่ไหม จริงๆ อายอยากจะเป็นคุณแม่มาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ตั้งแต่เริ่มทำงาน แต่เราก็ยังคงมองในภาพของสังคมไทยอยู่ที่ต้องแต่งงานก่อนค่อยมีลูก อายรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายนะการจะหาใครสักคนนึงมาเป็นคู่ชีวิตที่เข้าใจเรา ที่จะรักเราจริงๆ แล้วยิ่งอายทำงานเยอะด้วย ก็ยิ่งทำให้เป็นเรื่องไกลตัว แต่ความอยากมีลูกมันมาก คืออายไปทำงานที่นู่น เจอเด็กอาหรับน่ารักมาก แต่สเปกอายไม่ได้ชอบผู้ชายอาหรับขนาดนั้น แล้วอายไม่สามารถไปอยู่ใต้ผู้ชายที่มีลัทธิอะไรขนาดนั้นได้ แล้วมันเกิดมีเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เลยคิดว่ามันคงเป็นโชคชะตาที่ทำให้อายจะได้ลูกอาหรับจริงๆ และได้เป็นแม่โดยที่อายก็ไม่ต้องเปลี่ยนศาสนา ส่วนการเตรียมตัวคืออายเตรียมใจก่อนเลย ว่าถ้าจะมีก็คงดูแลเขาให้ดีค่ะ
ถ้าวันนึงเรามีลูกของเราเอง อายเชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยความจริง ถ้าใครจะมาเป็นคู่ชีวิตเรา อายเชื่อว่าเขาต้องรับเราได้ เขาคงรู้ว่าในอนาคตเราจะอยู่ยังไง แล้วถ้าวันนึงอายมีลูกเอง อายให้อิสระกับชีวิตตัวเองนะ อย่าไปพะวงอะไรกับมัน สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นลูกของอาย ทั้งลูกแท้ๆ และลูกไม่แท้ ถ้าเด็กคนนี้เขาอินกับอายเหมือนที่อายอินกับเขา ก็ไม่มีอะไรจะต้องแคร์ไปมากกว่านี้ค่ะ”
เตือนสาวไทย ไม่ใช่ทุกเคสที่โชคดีได้เป็นสะใภ้อาหรับแล้วรวยเป็นมหาเศรษฐี
“ต้องบอกว่าการไปพอไปมีสามีมันไม่ได้ง่ายเลยนะ เขาต้องรับเราจริงๆ ไม่ใช่ทุกเคสที่โชคดีได้เป็นสะใภ้อาหรับแล้วรวยเป็นมหาเศรษฐีนะคะ ตอนนี้มีผู้หญิงไทยหลายคนที่อยู่ที่นั่นติดต่อมาหาอายเยอะนะคะ เพราะเขาอาจจะกลัวไม่กล้าไปติดต่อสถานฑูต เพราะไม่มีเงินไปต่อวีซ่าอะไรก็ตามแต่ ก็จะเป็นปัญหาที่เขาต้องโดนค่าปรับ คือคนไทยที่ไม่ได้มีความพร้อมมากอาจจะมีปัญหาเหล่านั้น ยกเว้นการเข้าไปทำงานแบบถูกต้อง หมายถึงมีวีซ่ารองรับถูกต้องจริงๆ และวีซ่าก็ต้องอยู่ภายใต้บริษัทที่ดูแลเขาด้วย”