xs
xsm
sm
md
lg

จากเจ้าของผลงานปวดกะโหลก “Evangelion” สู่ผู้ปั้นจักรวาล “ซูเปอร์ฮีโร่แห่งญี่ปุ่น”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ฟ้าธานี



ในยุค 90 ที่การ์ตูนญี่ปุ่นยังคงเป็นภาพสองมิติ อย่างเต็มตัว การ์ตูนแนวหุ่นยนต์ ขายดิบขายดีอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นผลงานใหม่แกะกล่อง หรือผลงานประเภทที่หยิบเอาการ์ตูนคลาสสิกมาสร้างใหม่ในรูปแบบต่างๆ เป็นยุคที่การ์ตูนญี่ปุ่นเริ่มจะโด่งดังไปทั่วโลก

แต่ส่วนใหญ่การ์ตูนญี่ปุ่นในตอนนั้นก็ยังเป็นงานที่เน้นผู้ชมวัยรุ่นและเด็กแต่อยู่ๆ ก็มีผลงานอยู่เรื่องหนึ่งที่ กลายเป็นที่ฮือฮา และเรียกได้ว่ากลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการ์ตูนญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน

ผลงานเรื่องนั้นก็คือ Neon Genesis Evangelion การ์ตูนที่ดูพื้นๆ แล้วก็น่าสนใจดีที่มีหุ่นยนต์ที่ออกแบบได้อย่างแปลกใหม่ ตัวละครมนุษย์ก็ดูมีเสน่ห์น่าสนใจ แน่นอนเด็กในยุคนั้นหลายคนหามาดูเพราะได้ยินกันว่าการ์ตูนเรื่องนี้ดังแบบสุดสุดในประเทศญี่ปุ่นดังชนิดเป็นปรากฏการณ์

จนกระทั่งมาได้ดูกันจริงๆ หลายคนก็ได้อ้าปากค้าง กับเนื้อหาที่แทบจะบรรยายออกมา เป็นคำพูดไม่ถูก แถมเรื่องราวก็ซับซ้อนแบบสุดๆ

เรียกว่าเนื้อหาของมันนั้นทำเอาหนังฮอลลีวูดส่วนใหญ่แทบจะกลายเป็นขนมหวานไปเลย การจะดูให้รู้เรื่องอาจจะต้องอ่านบทวิเคราะห์กันเป็นเล่มๆ

และที่โด่งดังระดับตำนานก็คงจะเป็นตอนจบของเรื่องที่ออกมาเป็นนามธรรมแบบสุดๆ ไม่ได้เน้นเนื้อหาไม่ได้อธิบายความซับซ้อน ไม่เปิดเผยความลับที่ผู้สร้างพยายามปูมาไว้ก่อนหน้านั้นเลย แต่กลับไปเน้นอธิบายเรื่องจิตใต้สำนึก ความซับซ้อนในจิตใจของตัวละครแทน

กลายเป็นตอนจบแห่งตำนานที่ทำเอาเด็กงงกันมาตั้งแต่ประเทศญี่ปุ่นจนมาถึงเมืองไทย

จนต้องมีการสร้างหนังภาคต่อตามออกมาทั้งเล่าเรื่องต่อเนื่อง ได้หยิบเรื่องราวเดิม มาเล่าใหม่จนสุดท้ายไม่รู้ว่าจะรู้เรื่องขึ้นหรืองงกว่าเดิม

โดย Evangelion เป็นผลงานของผู้กำกับที่ชื่อว่า ฮิเดอากิ อันโนะ คนทำหนังที่ถือว่าสำคัญที่สุดคนหนึ่งของญี่ปุ่นในรอบสามสิบปีที่ผ่านมา

แต่นอกจากผลงานการ์ตูนแล้วเขายังสร้างหนังที่แสดงโดยนักแสดงออกมาไม่น้อย ที่สำคัญ คือตั้งแต่หนุ่มจนถึงแก่ อันโนะ ดูจะ มีความมุ่งมั่นในการหยิบเอาผลงานเก่าของประเทศญี่ปุ่นกลับมาปรับปรุงสร้างใหม่เสมอ ตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่นที่เขากับเพื่อนพยายามสร้างหนังอุลตร้าแมนขึ้นมา มีเทคนิคมีมุมมองใหม่ ที่น่าสนใจโดยตัวของ อันโนะ ทั้งกำกับ เขียนเรื่องและแสดงนำด้วยตัวเอง

อันโนะ เป็นแฟนผลงาน อะนิเมชันและหนังต่างๆ จากยุค 70s มานาน เมื่อมีโอกาสก็จะพยายามหยิบเอางานคลาสสิกเหล่านั้นมาสร้างใหม่เสมอ

ครั้งนึงก็เคยทุ่มทุน หยิบเอาอะนิเมชันแนวซุปเปอร์ฮีโร่แบบค่อนข้างจะเซ็กซี่อย่าง Cutie Honey มาสร้างใหม่ในรูปแบบคนแสดง ด้วยการพยายามคงอารมณ์ความรู้สึกและบรรยากาศแบบการ์ตูนเอาไว้ แต่ใช้นักแสดงเป็นผู้เล่นแทนที่จะเป็นภาพที่เกิดจากการวาด ผลที่ออกมาก็คือ แม้หนังจะเป็นที่พูดถึงและเป็นข่าวในหน้าสื่อมากพอสมควร แต่กลับทำเงินไม่ถึงครึ่งทุนสร้าง ถึงขั้นทำให้บริษัทที่ผลิตล้มละลาย ปิดกิจการไปเลย

แต่ตัวของ อันโนะ ก็ยังไม่ได้หายหน้าจากวงการไปไหน ยังมีผลงานอย่างต่อเนื่อง ทำงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง มีทั้งการรับงานแสดง หาการ์ตูน และแน่นอนก็ยังคงสร้างหนังของตัวเองต่อไป

กระทั่งชื่อของเขากลับมาดังสุดอีกครั้งด้วยการกลับไปสานต่อเจตนารมณ์เดิมในการผลิตงานคลาสสิกของประเทศตัวเองกลับมาสร้างใหม่ จึงกลายเป็นหนัง "ชินก็อตซิลล่า" ที่มีพื้นหลังเป็นหนังสัตว์ประหลาดแต่เล่าถึงเรื่องการเมืองการปกครอง วิจารณ์ไปถึงปัญหาของประเทศญี่ปุ่น กลายเป็นงานที่ได้รับความสำเร็จอย่างรุนแรง ทำเงินถล่มทลาย และโด่งดังไปถึงต่างประเทศ

ถึงตรงนี้ อันโนะ จึงจะไม่ได้หยุดอยู่แค่ ก็อตซิลล่า แล้วแต่ยังลามไปถึงอุลตร้าแมน กับหนัง "ชินอุลตร้าแมน" ซูเปอร์ฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ที่เขาได้เป็นผู้หยิบมาดัดแปลงใหม่ เป็นหนึ่งในหนังไตรภาคชินที่ตอนนี้เป็นที่สนใจกันไปทั้งโลก

และแน่นอนว่า จะต้องมีชินคาเมนไรเดอร์ ตามออกมาด้วย เพราะนี่คือโปรเจคต่อไปของ อันโนะ และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่เรียกว่า Shin Japan Heroes Universe หรือจักรวาลซุปเปอร์ฮีโร่ของญี่ปุ่น ที่จะโปรโมทผลงานระดับตำนานของญี่ปุ่นไปพร้อมๆ กัน อย่างที่เจ้าของโครงการบอกว่า จะเป็นเหมือนมาร์เวลของประเทศญี่ปุ่น 

ก็ต้องยอมรับว่าทั้งหมดเกิดขึ้นได้ด้วยมันสมอง ของ ฮิเดอากิ อันโนะ ที่พยายามมาตลอดชีวิตในการปรับปรุงรูปโฉมของตัวละครและผลงานของประเทศตัวเองจนกระทั่งมาสำเร็จในปัจจุบัน









กำลังโหลดความคิดเห็น