“ตงตง กฤษกร” เผยไม่สนใจคนมองชอบแสดงความรักแบบสร้างคอนเทนต์ บอก “เบส” แฟนสาวแค่ต้องการทำให้คนที่ตัวเองรักมีความสุขเท่านั้น แต่ก็เตือนฝ่ายหญิงอยู่ตลอดว่าคงจะไปห้ามความคิดใครไม่ได้ ปล่อยผ่านคอมเมนต์แย่ๆ เพราะตนก็แค่ทำตามหัวใจตัวเอง ถึงแม้จะมีอาชีพเป็นดารา แต่ก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่มีความรัก
กลายเป็นที่จับตามองอยู่ตลอดไม่ว่าคู่ของพระเอกหนุ่ม “ตงตง กฤษกร กนกธร” กับหวานใจอย่างสาว “เบส รักษ์วนีย์ คำสิงห์” จะมีโมเมนต์พิเศษๆ อะไรต่อกัน และกลายเป็นว่ามีเกรียนคีย์บอร์ดบางส่วนเข้าไปคอมเมนต์โจมตี หาว่าทำเพื่อสร้างกระแสบ้าง ทำเพื่อเป็นคอนเทนต์ให้ช่องตัวเองบ้าง ซึ่งหนุ่ม ตงตง ได้เผยถึงเรื่องนี้ในงานเปิดสัมภาษณ์ โปรเจกต์ The 5 Elements ที่ตึกแกรมมี่ ยืนยันว่าตนไม่ค่อยได้ใส่ใจกับคอมเมนต์ที่ไม่ดี เพราะเชื่อว่าพวกตนทำตามหัวใจตัวเอง ทำเพื่อให้คนที่ตนรักมีความสุขเท่านั้น
“คือทั้งคู่เวลาเราทำอะไรเราตั้งเป้าอยากให้คนที่เรารักมีความสุข แต่เราไม่ได้คิดเยอะว่าต้องไปตรงนั้น ภาพลักษณ์มันจะต้องเป็นอย่างนี้ ผมคิดว่าน้องคงคิดว่าถ้าทำแบบนี้แล้วผมจะมีความสุข ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านี้ เพราะวันนั้นผมไปทำงานที่ต่างจังหวัดครับ ไปค้างคืน พอกลับมาก็เห็นมีสายห้อยๆ อยู่บอกว่าเดินทางนี้นะอะไรแบบนี้ พอเปิดประตูก็มีเทียน มีเซอร์ไพรส์ น้องคงคิดแค่ว่าพี่ตงเดินเข้ามาเห็นก็จะว้าว น้องคงตั้งเป้าหมายแค่ให้คนรักมีความสุขเท่านั้น แต่มีคนตีความผิด
คือผมคิดเสมอว่าเรามาอยู่ตรงนี้แล้วคนจับตาดูเยอะ ซึ่งเราไม่สามารถที่จะไปบังคับให้ใครมาเข้าใจ หรือรักเราได้ทุกๆ คน สมมติคนไม่รักเรา คนเกลียดเรา คนคอมเมนต์ด่าเรา เราจะต้องไปนั่งอธิบายเหรอครับว่า พี่ครับผมเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ครับ พี่เข้าใจผมหน่อยนะ ที่ผมทำไปมันเป็นแบบนี้นะ เราไม่สามารถทำได้ครับ เรามาอยู่ตรงนี้ก็ต้องยอมรับมัน และใช้ชีวิตประจำวันกับมันให้มีความสุข เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ ฉะนั้นอะไรที่มันดีผมก็ขอบคุณครับ เก็บเป็นกำลังใจ อะไรที่ไม่ดีเราก็ปล่อยผ่านบ้าง หรือถ้ามันไม่ดีจริงๆ เราก็เอามาคิดและปรับแก้ไขมัน
หลักๆ แล้วสิ่งที่เราทำขึ้นมาเป้าหมายของเราคือทำให้คนรักมีความสุข ถ้าเราไปฟังเขาเยอะๆ แล้วต่อไปเราจะกล้าทำอะไร แล้วสิ่งที่เราตั้งใจเอาไว้ เราจะเชื่อหัวใจตัวเอง หรือเราจะเชื่อเขา แล้วเราจะกล้าทำในสิ่งที่เราอยากทำเหรอ ผมไม่อยากที่จะพลาด ณ วันนึงแล้วมาคิดว่ารู้อย่างนี้วันนั้นทำแบบนี้แบบนั้นดีกว่า คุณจะมานั่งเสียใจทีหลังว่าวันนั้นทำไมเราไม่ทำแบบนี้ ผมก็ยังเชื่อว่าแล้วถ้าเป็นคนรักของคุณทำให้คุณแบบนี้ คุณจะยิ้ม จะมีความสุขหรือเปล่า ถ้าแฟนคุณทำให้แบบนี้ครับ”
ยันไม่มีความตั้งใจจะทำเพื่อเป็นคอนเทนต์แน่นอน
“คือด้วยความที่น้องเป็นยูทูปเบอร์ด้วยครับ และในช่องน้องก็ไม่ได้เป็นรายการแบบจริงจัง น้องก็ชัดเจนว่าเป็นไลฟ์สไตล์ ใช้ชีวิตทั่วไป มันคือชีวิตของเขา และมันก็คืองานของเขาด้วย เขาอยากให้คนที่ดูเห็นตัวตนที่เขาเป็น พอยิ่งไปอยู่ในยูทิวบ์ก็เลยกลายเป็นคอนเทนต์ไปหมด แต่จริงๆ แล้วน้องแทบไม่ได้คิดอะไร สิ่งที่น้องคิดคือตั้งใจทำออกมาให้คนที่รักมีความสุข ให้คนที่ดูมีความสุข ให้พ่อแม่ดูแล้วมีความสุขแค่นั้นเอง
บอกตนก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีความรัก
“ผมอยู่มาถึงทุกวันนี้ก็ค่อนข้างเข้าใจอะไรเยอะแยะมากมาย ก็ไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น ผมก็จะผ่านมันไปให้ได้ครับ มันมีคอมเมนต์ด่าเยอะ ผมก็เปิดอ่านบ้าง แต่เราบังคับไม่ได้ เราทำได้แค่ใช้ชีวิตต่อ และทำตามหัวใจตัวเอง คอยเป็นกำลังใจให้กันและกัน ผมก็อยากที่จะทำแบบนี้ต่อไป เพราะสุดท้ายแล้วผมก็อยากทำตามหัวใจตัวเอง บางคนก็จะคิดว่าทุกเทศกาลต้องมีหมดเลยเหรอ ผมไม่ได้มานั่งกางปฎิทินว่าสงกรานต์ผมต้องทำนี่ วาเลนไทน์ผมต้องทำนั่น ปีใหม่ผมต้องทำนี่ ผมไม่ได้มีกางปฎิทินแล้วแพลนมันไว้ก่อน ผมทำเพราะจังหวะนั้นผมรู้สึกดี ผมอยากทำ ก็เลยตัดสินใจทำ
เป้าหมายของผมคือทำให้คนนี้เขามีความสุขแค่นั้นเอง ผมก็คนธรรมดาๆ คนนึง ไม่ว่าผมจะมีอาชีพนักแสดง ดารา ศิลปินอะไรก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วอาชีพนี้ก็คนเหมือนกัน ผมจบจากถ่ายรายการ ผมก็เป็นคนธรรมดา ผมก็มีหัวใจเหมือนกัน สุดท้ายผู้ชายคนนี้ก็อยากได้ความรักเหมือนกัน ตอนผมใช้ชีวิตบ้านๆ ก็คือคนธรรมดาๆ คนนึงเลย”
มีความสุขที่ได้สร้างรอยยิ้มให้คนอื่น
“มันไม่ได้อึดอัดขนาดนั้นครับ มันก็ยังมีคนที่รัก ที่คอยซัปพอร์ตและให้กำลังใจพวกเราด้วย มันมีเคสถึงขั้นบางคนเจ็บป่วย แต่เขาก็ติดตามเรามานาน ส่งข้อความมาว่าเขาขอคลิปหน่อยได้ไหม เขาดูแล้วเขายิ้มได้ ผมก็ดีใจว่าถ้าทำให้เขายิ้มได้ ทำให้เขามีความสุขได้จากคนที่เครียดๆ เราสามารถไปทำให้เขายิ้มและมีความสุขได้ ผมว่ามันเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับผมมาก ผมเห็นอีกหลายคนเลยที่ดูน้องเบสแล้วมีความสุข ผมก็เลยไม่ได้รู้สึกกดดัน ส่วนที่มาด่ามาว่าผม ผมไม่สามารถบังคับเขาได้ ผมต้องขอโทษด้วย และผมก็จะทำแบบนี้ต่อไป”
บอกต้องคอยเตือน “เบส” ให้ปล่อยวาง
“ใครที่มีภูมิคุ้มกันด้านนี้มากกว่ากันเหรอ ก็คงจะเป็นผมครับ คือน้องก็มือใหม่ น้องอาจจะเคยได้รับผลกระทบตรงนี้ แต่น้องอาจจะยังไม่เคยเข้ามาในเรื่องของวงการบันเทิงในวงกว้าง น้องอาจจะอยู่ในเฉพาะกลุ่มยูทูปเบอร์ เฉพาะกลุ่มที่ติดตามเขา แต่พอมันอยู่ในหน้าจอทีวีเวลาสัมภาษณ์ก็จะมีสำนักข่าวต่างๆ มันก็จะเปิดกว้างหน่อย คนทั้งประเทศเขาก็จะมีโอกาสมาคอมเมนต์ มาออกความคิดเห็นบ้าง คือเรื่องธรรมดา ซึ่งจะรับได้ไหม ช่วงแรกๆ น้องอาจจะหนัก เพราะน้องไม่เคยเจอ ผมก็จะคอยบอกว่ามันก็เป็นแบบนี้แหละ เราไม่สามารถไปให้ใครมาเชื่อเราได้หรอก ก็ต้องใช้ชีวิตกันไป
ระยะเวลา 1 ปีที่คบกัน ผมคิดว่าเขามีภูมิคุ้มกันขึ้นเยอะมาก แต่เขาก็นอยด์มาก แต่น้องเป็นคนที่สู้ เขาเป็นยูทูปเบอร์ เขาไม่ค่อยกลัว ใครจะด่าจะว่าอะไรก็ช่าง น้องตั้งติ๊กต็อกคอมเมนต์ตอบนั่นนี่ ผมก็บอกว่าอย่าไปทำเลย มันเป็นเรื่องปกติ เราเป็นคนของประชาชนไปแล้ว คนจับตาแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ผิด เขาจะมาคอมเมนต์มันก็เป็นสิทธิของใครของมัน เราไปบังคับเขาไม่ได้ อย่างเรายังออกความเห็นได้เลย คนนั้นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันเป็นเรื่องธรรมดา ผมก็จะคอยบอกคอยสอนน้องอยู่ตลอดเวลา จนน้องก็เข้าใจมากขึ้น เริ่มปล่อยวางมากขึ้นครับ”