xs
xsm
sm
md
lg

“ใบเตย” โบกมือลาแล้ว! ไม่ต่อสัญญาค่ายอาร์สยาม ทุ่มเงินซื้อลิขสิทธิ์ทุกเพลงที่ร้อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ใบเตย” ใจหาย จะไม่ได้ใช้นามสกุลอาร์สยามแล้ว เหตุไม่เซ็นสัญญาต่อ สิ้นสุดสัญญาเดือน มิ.ย. นี้ ทุ่มเงินซื้อลิขสิทธิ์เพลงทั้งหมดที่ตัวเองร้องเอาไว้เอง ลั่นกลัวมากหลังติดโควิดแล้วเป็นหนักทั้งครอบครัว ผมร่วงหนักมาก ร้องเพลงขึ้นเสียงสูงไม่ได้เหมือนเดิม ส่วนกระเป๋าหรูหายในงาน “แตงโม” ทำใจนานแล้ว ยากที่จะได้คืน บอกราคา 4 แสน สามีด่ายับ

ข้ามช่องมาร่วมโปรเจกต์ใหญ่กับค่ายเวิร์คพอยท์ ทำเอาฮือฮา สำหรับ “ใบเตย อาร์สยาม” สุธีวัน กุญชร ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าต้องสู้รบปรบมือกันเป็นปีๆ กว่าจะได้ทำงานร่วมกันในวันนี้ ก่อนเผยเรื่องติดเชื้อโควิด-19 ทั้งครอบครัว และที่สำคัญ เจ้าตัวเผยว่าตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับค่ายอาร์สยามแล้ว จะสิ้นสุดสัญญาในเดือนมิ.ย. ที่จะถึงนี้
 
“อาการโอเคหมดแล้วค่ะทั้งครอบครัว และก็น่าจะมีภูมิสูงกันหมดเลยเพราะว่าตอนป่วยเป็นหนักมาก ทั้งแบบ มีไข้ เจ็บคอ ไอ ปวดหัว อาเจียน คือครบทุกอย่าง ที่เป็นหนักเพราะเรามีโรคประจำตัวด้วยค่ะ คืออย่างตัวใบเตยเอง ใบเตยก็มีโรคแทรกซ้อนอยู่แล้ว พอใบเตยเป็นไซนัสปุ๊บ พวกเชื้อโควิดมันก็จะเข้าไปทำลาย คอ หู จมูก ปาก ดังนั้นมันเลยทำให้ใบเตยเป็นหนัก แต่สำหรับเด็กๆ ด้วยความที่เขายังไอไม่เป็น เขาก็จะแค่มีไข้สูงอยู่ประมาณ 3 วัน”

ณ เวลานั้น เครียดมากค่ะ เพราะว่ามันเป็นอะไรที่งง คือใบเตยไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกจะเป็น เนื่องจากใบเตยก็ดูแลเขาอย่างดีที่สุดแล้ว ให้เขาอยู่แต่ในบ้านตลอด”

ก็กังวลเรื่องเอฟเฟกต์นิดหนึ่งค่ะ เพราะเอาจริงๆ ตอนนี้ก็ยังมีไออยู่บ้าง และก็มีอาการเหนื่อยหอบ ถือว่ามีเอฟเฟกต์ประมาณหนึ่งเลยค่ะ รวมถึงเรื่องผมร่วง คือผมร่วงหนักมาก ตอนที่เราเข้ารับการรักษา เราทานยา ฟาวิพิราเวียร์ 5 วันเต็มเลยค่ะ ส่วนเรื่องเอ็กซเรย์ก็ได้ทำเรียบร้อยแล้ว ก็คือไม่มีเชื้อลงปอด ใบเตยเอ็กซเรย์ 3 รอบเลยค่ะ ตั้งแต่ตอนที่เป็น และก็ช่วงอยู่โรงพยาบาลเนื่องจากใบเตยต้องอยู่โรงพยาบาลถึง 7 วัน รวมถึงช่วงก่อนออกจากโรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง”

เผยกระทบต่อเสียง ขึ้นเสียงสูงไม่ได้
“นิดหนึ่ง ความจริงคือมีผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องคอมาก อย่างเช่นล่าสุดที่ไปเล่นคอนเสิร์ตก็รู้สึกได้เลยว่าร้องเพลง โคโยตี้ค่ะพี่ ไม่ถึงแล้ว (หัวเราะ) ขึ้นเสียงสูงไม่ได้ ก็มีคุยกับเพื่อนที่เป็นหมอ เขาก็บอกว่าประมาณ 3 เดือนทุกอย่างก็น่าจะกลับมาโอเค ซึ่งเราก็กังวลนะคะ เพราะว่าร้องเพลงไม่ถึง แต่ก็โอเคค่ะ เข้าใจได้ ก็ต้องปล่อยให้มันค่อยๆ ปรับไป”

เป็นหนักทั้งครอบครัว จนกลัวไปเลย
“กลัวมาก เอาจริงๆ นะตอนที่ใบเตยเป็น ใบเตยร้องไห้เลย คือใบเตยเป็นหนักมาก มันยิ่งกว่าไข้หวัดใหญ่อีกนะ มันทรมาน งงเลยทำไมครอบครัวเราเป็นกันหนัก ตัวพี่แมน (พัฒนพล กุญชรป เองก็เป็นหนัก ทั้งๆ ที่ปกติเขาเป็นคนที่ไม่ป่วยเลย ส่วนน้องเวทย์มน ใบเตยเองก็สงสารเขา แต่ด้วยความที่เขาเป็นเด็ก พอถึงวันที่ 3 อาการเขาก็ค่อยๆ เริ่มกลับมาเป็นปกติ ไข้ค่อยๆ ลดลง เขาหายคนแรกเลย

ต้องบำรุงร่างกายเยอะมากค่ะ ตอนนี้กินวิตามินคืนหนึ่งประมาณ 18 เม็ด เพราะใบเตยเจอปัญหาทั้งเรื่องผมร่วง เรื่องเสียง และก็พวกภูมิต้านทานต่างๆ การป่วยครั้งนี้ทำให้ใบเตยรู้ตัวเองเลยว่าใบเตยควรที่จะต้องกินอะไรบ้างแล้ว เรื่องผมร่วงก็กังวลมาก คือคุณพ่อใบเตยท่านหัวล้านไงคะ และคุณแม่ใบเตยก็ผมบางมาก ดังนั้นมันเลยแบบ ตายแล้ว! กลัวมาก ตอนนี้ก็เลยต้องกินทุกอย่างที่คุณหมอแนะนำเพื่อช่วยลดการขาดหลุดร่วง มันร่วงแบบ แค่แหวกก็หมดหัวเลย อารมณ์แบบต้องใช้มือสาง หรือเวลาสระผม หวีผม แค่ลูบครีมนวดก็หลุดติดมือเป็นช่อ ตอนนี้ดีขึ้นนิดนึงค่ะ”

สู้รบปรบมือนานเป็นปี กว่าจะได้ข้ามช่องมาร่วมงานกับเวิร์คพ้อยท์
“เรื่องนี้ต้องขอบคุณทางค่ายกับทางเวิร์คพอยท์มากๆ ค่ะ คือมันเป็นเรื่องที่ยากและใช้ระยะเวลาเป็นปีเลยด้วยสำหรับการคุยกันของทางผู้ใหญ่กว่าจะได้ข้อสรุปที่ลงตัว ทั้งเรื่องของเพลง เรื่องลิขสิทธิ์ของแต่ละค่าย รวมถึงเรื่องที่จะแลกเปลี่ยนกัน คือเขาก็สู้รบปรบมือกันมาพอสมควรกว่าจะมีวันนี้ ซึ่งใบเตยรับรู้รับทราบมาตลอด ก็ดีใจมากค่ะ เป็นโปรเจกต์แรกของเราเลยที่ออกมาทำงานนอกค่ายแบบนี้ ก็เป็นสัญญาณดีอยู่แล้วค่ะ เพราะว่าอีกไม่กี่เดือนก็หมดสัญญาแล้ว”

สิ้นสุดเป็นนักร้องค่ายอาร์สยามสิ้นเดือนมิ.ย. ซื้อเพลงทั้งหมดเป็นของตัวเอง
ตอนนี้ได้เป็นการตัดสินใจแล้วค่ะว่าเป็นอิสระ ส่วนเพลงเก่าๆ ที่เราเคยร้อง ก็ซื้อหมดเลยค่ะ เหมา เพราะใบเตยคือนักร้อง ทุกเพลงของใบเตยมันคือเพลงของใบเตย และใบเตยก็ได้คุยกับทางค่ายเอาไว้หมดแล้ว ซึ่งทางนั้นเขาก็โอเค ซึ่งสิ้นสุดสัญญาช่วงเดือนมิถุนายนนี้ค่ะ หลังจากเดือนมิถุนายน แฟนๆ ก็น่าจะได้เห็น ใบเตย ในมุมที่หลากหลายขึ้น สุดขั้ว และก็เริ่มมีโปรเจกต์ติดต่อมาบ้างแล้วด้วยเหมือนกัน”

ใจหาย จะไม่ได้ใช้นามสกุลอาร์สยาม
“ใจหายค่ะ ใจหายมาก แต่เอาจริงๆ สำหรับใบเตย ใบเตยไม่ได้มองว่ามันเป็นการจากลาเลยนะ เพราะว่ากับทางค่ายใบเตยเองก็ยังมีชิ้นงานอีกหลายชิ้นที่ค้างคา เรายังร่วมงานกันตลอด แต่ยังใช้อาร์สยาม ใช้ได้ค่ะ ใช้ได้ ซื้อมาหมดแล้ว ซื้อลิขสิทธิ์เฮียมาหมดแล้ว (หัวเราะ) เอาจริงๆ นะต่อให้ไม่ใช้หรือต่อให้เปลี่ยน ยังไงคนก็ยังคงเรียกใบเตยแบบนั้น เพราะมันคือสิ่งที่ลืมไม่ได้ และตัวใบเตยเองก็ไม่ได้ซีเรียสเลยด้วย”

หลังหมดสัญญา ให้ดวงพาไป
“โห… ให้ดวงพาไปเลยค่ะ แต่เอาจริงๆ นะ ใบเตยไม่ได้มายด์เลยว่าจะไปทางไหน เนื่องจากใบเตยแฮปปี้กับการเป็นแม่ แฮปปี้กับการมีครอบครัว แฮปปี้การทำธุรกิจ ส่วนงานในวงการบันเทิง ใบเตยก็จะมองว่ามันเป็นสิ่งที่ใบเตยรัก เวลาที่ใบเตยได้ทำใบเตยรู้สึกมีความสุข

ก็ใจหาย เพราะใบเตยไม่เคยเป็นฟรีแลนซ์มาก่อน ตั้งแต่ก้าวขามาอยู่กรุงเทพฯ ใบเตยก็มีที่นี่ดูแลมาจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างรู้สึกกังวลเหมือนกันว่าใบเตยจะสามารถดูแลตัวเองได้ดีกว่าที่ค่ายเขาดูแลใบเตยไหม ถึงแม้ใบเตยจะร้องเพลงได้ก็จริง แต่ใบเตยก็ไม่ใช่คนที่ออกแบบท่าเต้นได้เอง แต่งเพลงได้เอง หรือเล่นดนตรีได้เอง ที่ผ่านมาใบเตยทำงานผ่านทางค่าย โดยเป็นสิ่งที่ค่ายมอบหมายให้ ใบเตยไม่เคยทำอะไรเองเลยนอกจากร้องเพลง เพราะฉะนั้นใบเตยก็เลยกังวลเหมือนกันว่าถ้าออกไปแล้วการทำงานมันจะยังคงเส้นคงวาเหมือนกับที่อยู่กับที่นี่ไหม ใบเตยกังวลแค่ตรงนี้เลยค่ะ

(แสดงว่าในอนาคตเรื่องการทำงานเพลง เราก็อาจจะต้องจัดการเองทุกอย่าง?) อันนี้ใบเตยรู้สึกว่า มันก็มีที่ใบเตยอยากคอลแลปส์กับใครด้วยเหมือนกัน ซึ่งใบเตยก็เลือกไว้ประมาณหนึ่ง แต่ถ้าจะให้ไปเซ็นกับที่อื่นเลยนั้น ใบเตยมองว่ามันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในปีนี้ใบเตยก็คงมีโอกาสได้ไปคอลแลปส์กับที่นั่นที่นี่ รวมถึงศิลปินน้องๆ เก่าๆ ที่เคยร่วมงานกันมาค่ะ โอกาสร่วมงานกับค่ายเก่าก็สบายค่ะ ยังมีงานที่ค้างคากันไว้ และก็มีเพลงด้วย เป็นเพลงสุดท้าย”

ตัดใจแล้ว กระเป๋าที่หายไปคงไม่ได้คืน
“เฮ้อ…ตัดใจแล้ว เอาจริงๆ เลยนะ ตัดใจตั้งแต่วันนั้นแล้วแหละ เพราะว่าใบเตยเองก็รู้ดีว่าไม่เจอแน่นอน เนื่องจากวันนั้นคนเยอะมาก และมันก็หายในห้องน้ำด้วย ซึ่งในห้องน้ำมันไม่มีกล้องอยู่แล้ว ไม่รู้สึกแย่ เรื่องเสียใจกับเรื่องกระเป๋าหายมันคนละเรื่องกันเลยค่ะ คือเรื่องของหายใบเตยชินแล้วเพราะใบเตยเป็นคนขี้ลืม ใบเตยเลยไม่ได้รู้สึกแปลกใจในตัวเอง แต่ก็แบบ…มันก็คือชีวิต”

กระเป๋าราคา 4 แสนหาย ถูกสามีด่ายับ
ด่ายับค่ะ (หัวเราะ) วันนั้นคือเขาเป็นคนที่ต้องขับรถมารับใบเตยไงคะ เพราะกุญแจรถใบเตยหายไปพร้อมกับกระเป๋า เขาก็บอกว่าแบบ เอาอีกแล้วนะ ไม่เคยระวังอะไรเลย แต่เขาก็รู้อยู่แล้วแหละว่าหายคือหาย หายแน่ๆ เรื่องของหายที่มีมูลค่าก็ไม่ใช่ครั้งแรกค่ะ แต่กระเป๋ามูลค่าเยอะสุดแล้ว สามีเขาก็บอกให้จำ อย่าอ๊อง แต่มันลำบากไงคะ พอเวลาเราถืออะไรหลายๆ อย่างมันก็เลินเล่อ ซึ่งทุกวันนี้คนข้างๆ ใบเตยจะมีสติมากกว่าใบเตย คอยเตือนใบเตยตลอดว่าอย่าลืม เขาก็ไม่ได้ซื้อให้ใหม่ปลอบขวัญเรา ต้องรอซื้อเอง (หัวเราะ) ซึ่งซื้อมาใหม่แล้วค่ะ แต่เป็นสีใหม่ใบใหญ่เลย ไม่เอาแล้วใบเล็ก มูลค่าของที่หายไป ก็ 3-4 แสนค่ะ

สกิลความลืมก็คือที่สุด ตั้งแต่คบกับพี่แมนปีแรกแหวนเพชรก็หายแล้วค่ะ หายคือหาย เป็นคนขี้ลืม เนื่องจากเราทำอะไรกันเยอะมากในแต่ละวัน และอีกอย่างวันนั้นใบเตยถือหลายอย่างไงคะ คือถ้ามีใบเดียวแล้วใส่ทุกอย่างใบเตยจะไม่ลืม แต่วันนั้นมันมีหลายอย่างมาก มันก็เลยแบบลืมไปเลย สมองไปหมด”







กำลังโหลดความคิดเห็น